บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 ฮองเฮาเสด็จ!

“หม่อมฉันไม่ได้เป็นอะไรมากเพคะ แค่ได้เห็นว่าฝ่าบาททรงห่วงใย หม่อมฉันก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้วเพคะ”

เซี่ยหรูอวี้ปรายตามองคนตัวโต เมื่อเห็นเขาไม่ตอบสิ่งใดก็รู้สึกขัดใจไม่น้อย ทว่ายังคงมีความพยายามจึงซบใบหน้าลงบนอกแกร่ง วางแขนกอดรัดเอวสอบเอาไว้กล่าวด้วยน้ำเสียงออดอ้อน

“ฝ่าบาทเพคะ หากไม่เป็นการขอมากเกินไป ค่ำคืนนี้ฝ่าบาททรงค้างคืนที่นี่กับหม่อมฉันได้หรือไม่เพคะ”

“เอาไว้วันหลังเถิด ข้ายังมีงานต้องทำอีกมาก” เถียนจิ่งเทียนตอบสั้นๆ คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันมุ่น ไม่ชอบใจนักที่ได้ยินคำปฏิเสธของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ที่ผ่านมาเถียนฮ่องเต้ทรงบ่ายเบี่ยงปฏิเสธนางมาโดยตลอด

เดิมทีนางคิดว่าเถียนฮ่องเต้ทรงมีคนในใจ คาดว่าต้องเป็นสนมนางในสักคน ทว่าหลังจากส่งคนไปสืบหาก็ไร้วี่แวว นอกจากนางเถียนฮ่องเต้ก็ไม่เคยไปค้างที่ตำหนักใด เซี่ยหรูอวี้ไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย คราแรกคิดว่าตนคือคนที่เขาโปรดปรานมากที่สุด ทว่าตอนนี้กลับไม่แน่ใจแล้ว เพราะเขาไม่เคยอุ่นเตียงกับนางเลยสักหน เวลามาค้างที่ตำหนักจูหรัน เขาก็ไปค้างอีกห้องหนึ่ง ปล่อยให้นางนอนเหงาเปล่าเปลี่ยวหัวใจอยู่เพียงคนเดียว

หากแต่ว่าอย่างไรเสียวันนี้ นางจะทำให้เขาใจอ่อนกับนางให้จงได้!

เซี่ยหรูอวี้ค่อยๆคลายมือออก เลื่อนมือจากเอวบางมากอดที่ลำคอของคนตัวโตเอาไว้แทน

“ฝ่าบาทเพคะ อวี้เอ๋อร์ไม่ดีตรงไหนหรือเพคะ เหตุใดถึงได้ปฏิเสธหม่อมฉันครั้งแล้วครั้งเล่า”

“เจ้าดีทุกอย่าง หากแต่ว่าข้า…” ยังไม่ทันตอบ เซี่ยหรูอวี้ก็วางมือลงบนปากหนา นางรู้ว่าเขาจะบ่ายเบี่ยงนางอีกตามเคย แต่ครานี้นางจะไม่ยอมปล่อยเขาไปอีกแล้ว หญิงสาวยื่นหน้าเข้ามาใกล้ หมายจะแนบปากอิ่มลงบนปากหยักได้รูปของคนตัวโต

ทว่า…

ก๊อกๆๆ!

“กุ้ยเฟยเพคะ ฮองเฮาเสด็จมาเพคะ” เสียงของไป๋จี๋ดังขึ้นจังหวะหมายจะส่งสัญญาณให้เจ้านายสาว เซี่ยหรูอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งออกแรงกอดคนตัวโตให้แน่นขึ้นกว่าเดิม หมายจะทำให้เฝิงฮองเฮาได้เห็นภาพบาดตาบาดใจ หากแต่เถียนจิ่งเทียนกลับแกะมือของนางออกพร้อมผุดลุกขึ้นยืนด้วยความรวดเร็วเป็นเวลาเดียวกับที่ประตูได้เปิดออก

สายตาที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจถูกตวัดมองไปยังคนที่เดินเข้ามาใหม่ เฝิงลี่เหยียนชะงักฝีเท้าลงไปเล็กน้อยทันทีที่เห็นสายตาของเซี่ยหรูอวี้ ทว่าไม่นานมันก็จางหายไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับเผยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้าสร้อยน่าสงสารขึ้นมาแทน

“ถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ” ร่างบางยอบกายคารวะผู้สูงศักดิ์ ทว่าไม่มีวาจาใดหลุดออกมาจากปากหนานอกจากสายตาคมดุที่จ้องมองมายังนางของเขา

“ฝ่าบาทเพคะ อวี้เอ๋อร์กลัว” เซี่ยหรูอวี้เอื้อมไปจับมือหนาของคนตัวโตเอาไว้แน่น ขยับเข้าไปหลบอยู่ข้างหลังของชายหนุ่ม ร่างระหงสั่นระริกไปมาราวกับลูกนกเสมือนว่านางหวาดกลัวผู้มาใหม่มากเหลือเกิน

เฝิงลี่เหยียนเห็นท่าทางไร้เดียงสา นางจึงแค่นเสียงหึออกมาเบาๆ ไยจะดูไม่ออกว่าสตรีผู้นี้กำลังเสแสร้ง เพราะนางเคยเห็นมารยาสตรีที่หอหมื่นบุปผาที่ใช้ออดอ้อนแขกมานับไม่ถ้วนแล้ว

“เจ้ามาทำอะไรที่นี่” น้ำเสียงกระด้างที่ดังขึ้นทำให้เฝิงลี่เหยียนละความสนใจจากเซี่ยหรูอวี้ หันมาประสานสายตากับเจ้าของคำถามแทน

“หม่อมฉันได้ยินข่าวว่าเซี่ยกุ้ยเฟยไม่สบายเลยมาเยี่ยมเยียนเพคะ” หญิงสาวตอบพลางส่งรอยยิ้มหวานหยดย้อยให้คนตัวโตพร้อมสาวเท้าเข้ามาหยุดยืนอยู่ข้างเตียงหลังใหญ่

“ฝ่าบาทช่วยอวี้เอ๋อร์ด้วยเพคะ” เซี่ยหรูอวี้น้ำตาคลอเมื่อเห็นเฝิงลี่เหยียนเข้ามาใกล้ ในขณะที่เถียนจิ่งเทียนส่งสายตามองเฝิงลี่เหยียนอย่างระแวดระวัง เฝิงฮองเฮาเป็นคนไว้ใจไม่ได้ ไม่รู้ว่านางมีแผนการอะไรหรือไม่

หากแต่ว่ารอยยิ้มหวานที่ถูกมอบให้เถียนจิ่งเทียนในตอนแรกได้ถ่ายทอดไปถึงเซี่ยหรูอวี้ด้วยเช่นกัน เฝิงลี่เหยียนหย่อนกายลงนั่งข้างขอบเตียง จากนั้นจึงยื่นมือไปดึงมือบางที่เกาะท่อนแขนกำยำของเถียนฮ่องเต้เอาไว้ในตอนแรกมากอบกุมไว้แทน

“เซี่ยกุ้ยเฟย ข้าจำไม่ได้ว่าที่ผ่านมาข้าทำอะไรลงไปบ้าง แต่ข้าคงจะร้ายกาจกับเจ้าไม่น้อย เจ้าถึงได้หวาดกลัวข้ามากถึงเพียงนี้ ทว่าสิ่งที่ข้าได้กระทำต่อเจ้าหรือแม้กระทั่งกับสนมคนอื่นๆ ยามนี้การกระทำนั้นได้หวนกลับมาทำร้ายข้าเองเสียแล้ว ข้าสูญเสียความทรงจำไปจากอาการเจ็บป่วย ทำให้ข้าทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก แต่ข้าก็หวังว่าเจ้าจะให้อภัยข้า ให้โอกาสข้าได้เริ่มต้นใหม่ ต่อจากนี้ไปเรามาอยู่ด้วยกันอย่างสันติเถอะนะ” เฝิงลี่เหยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือพร้อมๆกับหยดน้ำตาที่ไหลพรั่งพรูลงมาเกลื่อนใบหน้า สร้างความตกตะลึงให้แก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมากโดยเฉพาะเถียนจิ่งเทียน

ทว่าสำหรับเซี่ยหรูอวี้แล้ว นางไม่เชื่อการกระทำของสตรีผู้นี้หรอก และหากเฝิงฮองเฮาต้องการสมานฉันท์จริงๆ นางก็ไม่ยอมง่ายๆหรอก ตำแหน่งสตรีหงส์เคียงข้างบัลลังก์มังกรทองต้องเป็นของนางคนเดียวเท่านั้น!

หากแต่ว่าตอนนี้อยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของเถียนฮ่องเต้ นางจำต้องเล่นบทสตรีน่าสงสารต่อไป หากเฝิงฮองเฮาน่าสงสารแล้ว นางต้องดูน่าสงสารให้มากกว่านั้น เถียนฮ่องเต้จะได้เมตตาสงสารนาง

“ฮองเฮาทรงพูดจริงหรือเพคะ”

“จริงสิ อ้อ วันนี้ข้าให้คนเตรียมโจ๊กอั้นเซียงมาให้เจ้าด้วยนะ” เฝิงลี่เหยียนหันไปสบตากับหลิวเจีย นางกำนัลคนสนิทจึงยกถาดใส่โจ๊กยื่นส่งให้เจ้านายสาว

“มาเถิด ข้าจะช่วยป้อนเจ้า”

ปากบางของเซี่ยหรูอวี้กระตุกขึ้นเล็กน้อย ไม่นึกว่าเฝิงฮองเฮาจะมาไม้นี้ แต่กระนั้นหากนางดึงดันหรือมีท่าทีแข็งกระด้างจะยิ่งทำให้เหตุการณ์แย่ลงไปมากกว่าเดิม สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้นั่นคือการกระชากหน้ากากคนดีที่เฝิงลี่เหยียนสวมใส่ออกมาให้เถียนฮ่องเต้ได้เห็นนิสัยที่แท้จริงของนาง!

เคร้ง!

“ว้าย! หม่อมฉันขออภัยเพคะ หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจ” เซี่ยหรูอวี้ร้องเสียงหลง หลังจากที่แกล้งปัดถ้วยใส่โจ๊กจนมันตกลงพื้นแตก มิหนำซ้ำเศษโจ๊กบางส่วนยังกระเด็นโดนอาภรณ์และผิวกายของเฝิงฮองเฮาอีกด้วย

เฝิงลี่เหยียนนิ่งไปทันที เสี้ยววินาทีหนึ่งนางเห็นเซี่ยหรูอวี้ส่งรอยยิ้มเยาะมาให้ก็รู้ได้ว่าสตรีผู้นี้จงใจยั่วโมโหนางอย่างแน่นอน

“โอ๊ย! หลิวเจียข้าร้อนเหลือเกิน” เฝิงลี่เหยียนรีบลุกขึ้น ใช้มือปัดไปตามเศษโจ๊กที่กระเด็นเปื้อนติดอยู่ที่ท่อนแขน อันที่จริงโจ๊กมันไม่ได้ร้อนมากขนาดที่ทำให้นางเจ็บปวดได้หรอก เพราะกว่าจะเดินทางมาถึงตำหนักจูหรัน โจ๊กอั้นเซียงก็ได้คลายความร้อนลงไปมากแล้ว

“ฮองเฮาทรงเป็นอะไรหรือไม่เพคะ” หลิวเจียรีบโผเข้ามาหาเจ้านายสาวด้วยความห่วงใยพร้อมกับหยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดไปตามท่อนแขนเรียวของนางไปมา เฝิงลี่เหยียนเปล่งเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับเจ็บปวดเสียเต็มประดา แต่กระนั้นยังมิวายหันมาหาเซี่ยหรูอวี้อีกหน

“เซี่ยกุ้ยเฟยอย่าได้เป็นกังวลไปเลย ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้ตั้งใจ” หยาดน้ำตาไหลเกลื่อนใบหน้าอย่างน่าสงสาร เอ่ยจบนางก็รีบสาวเท้าก้าวออกไปจากห้อง โดยมีหลิวเจียวิ่งตามไปอย่างติดๆ

“ฝ่าบาทเพคะ อวี้เอ๋อร์ไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะเพคะ” เซี่ยหรูอวี้รีบหันมาร้องขอความเห็นใจจากคนตัวโต เถียนจิ่งเทียนพยักหน้ารับให้นางเล็กน้อย

“พักผ่อนเถอะ” เขาตอบสั้นๆ แต่กระนั้นก็ทำให้เซี่ยหรูอวี้รู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมากที่เถียนฮ่องเต้ไม่ได้ตำหนินางอย่างที่นึกกลัวในตอนแรก ทว่าในตอนที่ร่างสูงกำลังจะก้าวพ้นขอบประตู เขากลับผินหน้าหันกลับมาหานางอีกหน

“หากดีขึ้นแล้ว เจ้าจงไปขอโทษฮองเฮาเสีย เรื่องที่เกิดขึ้น ข้าไม่ได้โง่เขลาพอที่จะดูไม่ออกว่าเจ้าตั้งใจหรือไม่”

วาจาของเขาทำให้คนฟังถึงกับหน้าซีดเผือด ปากบางสั่นระริกไปมา ในหัวพยายามคิดหาคำแก้ตัวแต่ดูเหมือนว่ามันจะสายเกินไป เพราะยามนี้คนตัวโตได้เดินจากไปไกลแล้ว

หลังจากที่เฝิงลี่เหยียนและหลิวเจียกลับมาถึงตำหนักซูหนี่ว์ นางได้เรียกหานางกำนัลมาปรนนิบัติอาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์ หลิวเจียได้แต่ส่งสายตามองเจ้านายสาวด้วยความแปลกใจที่เฝิงฮองเฮาไม่ได้มีท่าทางเจ็บปวดเหมือนตอนอยู่ที่ตำหนักจูหรันของเซี่ยกุ้ยเฟยเลยแม้แต่น้อย

ยามนี้เฝิงลี่เหยียนกำลังนั่งฮัมเพลงอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ในขณะที่หลิวเจียกำลังแต่งแต้มเครื่องประทินโฉมลงบนดวงหน้าของนาง สายตาของหลิวเจียทำให้หญิงสาวอดไม่ได้จึงเปล่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ

“หลิวเจีย ข้าเห็นเจ้ามองข้าด้วยความสงสัยมานานแล้ว มีอะไรก็พูดมาเถิด”

“หม่อมฉันแค่เป็นห่วงฮองเฮาเพคะ” ความกังวลฉายชัดเกลื่อนใบหน้าของหลิวเจียจนคนมองสัมผัสได้ ปากบางกระจับของเฝิงลี่เหยียนแย้มออกจากกันเล็กน้อย ไยนางจะไม่รู้ว่าหลิวเจียรักและภักดิ์ดีต่อเฝิงฮองเฮามากเพียงใด

“เจ้าอย่าได้เป็นกังวลไป ข้ารู้ตัวดีว่าข้ากำลังทำอะไรอยู่ คนอย่างเซี่ยกุ้ยเฟยต้องโดนส่งสอนเสียบ้าง หากแต่นางเป็นคนฉลาด ใช่ว่าข้าจะตอบโต้อย่างรุนแรงได้เหมือนเมื่อก่อน” และเพราะเป็นเช่นนี้นางจึงเปลี่ยนแผนใหม่ ตะล่อมให้เซี่ยหรูอวี้ค่อยๆเผยนิสัยที่แท้จริงออกมาทีละน้อย หาไม่ป่านนี้นางคงกระโดดเข้าไปตบสั่งสอนคนเจ้ามารยาด้วยตัวเองเรียบร้อยแล้ว

“แต่ถ้าหากฝ่าบาททรงทราบว่าฮองเฮาโกหกจะทรงกริ้วมากกว่าเดิมได้นะเพคะ”

“เขาไม่รู้หรอก” เฝิงลี่เหยียนเบะปากเข้าหากันด้วยความหมั่นไส้ ยามนี้เถียนฮ่องเต้คงยังอยู่ที่ตำหนักจูหรันดูแลเซี่ยหรูอวี้อย่างใกล้ชิดอยู่กระมัง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel