บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 มารยาของเซี่ยกุ้ยเฟย

ณ ตำหนักจูหรัน

ไป๋จี๋ยืนมองร่างระหงของเจ้านายสาวที่กำลังเดินกลับไปกลับมาด้วยความเวียนหัว ในขณะที่เซี่ยหรูอวี้ยกมือขึ้นกอดอกพลางใช้ฟันกัดไปที่เล็บของตนอย่างคนกำลังใช้ความคิด ดวงหน้างามดุจหยกเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันมุ่น ข่าวการฟื้นคืนสติของเฝิงฮองเฮาทำให้นางร้อนใจมากไม่น้อยเลยทีเดียว

“ไป๋จี๋ ข่าวที่เจ้าได้ยินมานั้นเป็นเรื่องจริงหรือ”

“เรื่องจริงเพคะ คนของหม่อมฉันที่แฝงอยู่ในเหล่านางกำนัลรับใช้ที่ตำหนักซูหนี่ว์เป็นคนมารายงานกับหม่อมฉันด้วยตัวเองเพคะ”

“เช่นนั้นข้าจะทำอย่างไรดี” หญิงสาวถอนลมหายใจออกมาเสียงดัง นึกหวั่นวิตกไม่น้อย หากเฝิงฮองเฮาหลับใหลสิ้นสติเช่นนั้นไปตลอดก็คงจะดี เหตุใดนางต้องฟื้นขึ้นมาด้วย ยามนี้สถานะฮองเฮาของเฝิงลี่เหยียนกำลังระส่ำระส่าย บรรดาเหล่าขุนนางต่างเริ่มมองหาฮองเฮาองค์ใหม่ และหนึ่งในนั้นแน่นอนว่านางคือตัวเลือกที่เหมาะสม หากแต่ว่าจู่ๆเฝิงฮองเฮาก็ฟื้นขึ้นมาเสียอย่างนั้น สิ่งที่นางคาดหวังไว้ในตอนแรกได้พังทลายลงไปในชั่วพริบตา

“อีกทั้ง…” ไป๋จี๋ลากเสียงยาว ดูเหมือนว่าท่าทางอ้อยอิ่งของนางจะทำให้คนรอฟังไม่ใคร่พอใจนัก เซี่ยหรูอวี้ก้าวฉั่บๆมายืนอยู่เบื้องหน้าของไป๋จี๋พลางส่งสายตามองอย่างคาดคั้น น้ำเสียงแข็งกระด้างขึ้นทันใด

“ทั้งอะไรกัน บอกข้ามาให้หมดอย่าได้คิดปิดบังเป็นอันขาด”

“วันพรุ่งนี้ฝ่าบาทจะทรงพาเฝิงฮองเฮาเสด็จไปเข้าเฝ้าตู้ไทเฮาด้วยพระองค์เองเพคะ”

“เช่นนั้นข้าจะทำอย่างไรดี” คำตอบของนางกำนัลคนสนิททำให้เซี่ยหรูอวี้หนักใจมากกว่าเดิม นางเดินกลับไปหย่อนกายนั่งลงบนขอบเตียง ไป๋จี๋เห็นท่าทางเคร่งเครียดของเจ้านายนางจึงกระตุกยิ้มขึ้นเบาๆ จากนั้นจึงเดินไปหย่อนกายลงนั่งคุกเข่าข้างกายของเซี่ยหรูอวี้

“เอาอย่างนี้ดีหรือไม่เพคะ”

เซี่ยหรูอวี้เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย จากนั้นจึงขยับเข้าไปใกล้ เมื่อได้ฟังแผนการของไป๋จี๋นางถึงกับทำตาโตพยักหน้ารับเบาๆอย่างเห็นด้วยพร้อมเผยรอยยิ้มเบาๆที่มุมปาก

รุ่งเช้าของวันใหม่ เฝิงลี่เหยียนถูกหลิวเจียปลุกให้ตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ เหตุเพราะวันนี้เถียนฮ่องเต้จะพานางไปเข้าเฝ้าตู้ไทเฮาที่ตำหนักต้าลี่ หลังจากล้างหน้าเปลี่ยนอาภรณ์จนเสร็จเรียบร้อย เวลาก็ได้ล่วงเลยไปจนถึงยามซื่อ (9.00 - 10.59 น.) หากแต่ยังคงไร้วี่แววของคนตัวโต

ระหว่างนี้หนิวเหยียนที่อยู่ในร่างของเฝิงลี่เหยียนก็ตกตะกอนความคิดได้ว่า นางจะยังไม่ปริปากบอกเรื่องหนิวเหยียนให้เถียนฮ่องเต้รับรู้ในตอนนี้ การที่วิญญาณของนางได้เข้ามาอยู่ในร่างของเฝิงฮองเฮาเป็นเรื่องเหลือเชื่อ ใช่ว่าเขาจะยอมเชื่อนางง่ายๆ บางทีเขาอาจคิดว่าเฝิงฮองเฮาส่งคนคอยแอบติดตามความเคลื่อนไหวของเขาและอาจทำให้ความสัมพันธ์อันร่อแร่ของคนทั้งคู่เข้าขั้นวิกฤตมากกว่าเดิม

อีกทั้งนางยังไม่มั่นใจจริงๆว่าหากเขารู้ความจริงว่านางคือหนิวเหยียนหาใช่เฝิงฮองเฮา เขาจะทำอย่างไรกับนาง นางระบำที่หอนางโลมได้กลายมาเป็นมารดาของแผ่นดินมีหวังอาจโดนเขาปลดจากตำแหน่งและขับไล่ออกจากเมืองหลวงก็เป็นได้

นางจะรอจนกว่าจะแน่ใจว่าเถียนฮ่องเต้จะไม่มีวันทำร้ายหนิวเหยียน เมื่อนั้นนางถึงจะบอกความจริงให้เขาได้รับรู้

“เกิดเรื่องอะไรที่ตำหนักไหลถังหรือไม่ เหตุใดฮ่องเต้ถึงยังไม่เสด็จมาเสียที” หลิวเจียพึมพำเสียงเบาพลางลอบเงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังนั่งสัปหงกอยู่บนเตียง ดูเหมือนว่าเฝิงฮองเฮาจะไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนกับเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย แตกต่างจากเมื่อก่อนราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ

“ฮองเฮาเพคะเยี่ยนกงกงมาขอเข้าเฝ้าเพคะ”

หลิวเจียทำตาโตแต่เมื่อเห็นเจ้านายยังคงปิดเปลือกตาสนิทราวกับเดินทางเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้วจึงขยับเข้าไปขานเรียกเฝิงลี่เหยียนเสียงเบา เสียงของหลิวเจียทำให้คนที่หลับตาพริ้มในตอนแรกรู้สึกตัวตื่น

“มีอะไรหรือ” คนกำลังนอนหลับสบาย ประโยคสุดท้ายนางคิดในใจ

“เยี่ยนกงกงมาขอเข้าเฝ้าเพคะ” หลิวเจียทวนคำนางกำนัลเฝ้าประตูอีกหน เฝิงลี่เหยียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยจากนั้นจึงกล่าวคำอนุญาต

“ให้เข้ามาได้” หลังเอ่ยคำอนุญาตประตูห้องบรรทมก็ถูกผลักให้เปิดออกเผยให้เห็นชายวัยชราในชุดขันทีเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่หน้าประตูด้วยท่าทางนอบน้อมสงบเสงี่ยมสมกับเป็นขันทีชั้นผู้ใหญ่ที่อยู่รับใช้เชื้อพระวงศ์ในวังหลวงมานาน

“ถวายบังคมฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ”

“เยี่ยนกงกงมาถึงที่นี่มีธุระอะไรหรือ” เฝิงลี่เหยียนไม่รีรอรีบเปิดปากถามอย่างคนใจร้อน ยิ่งได้เห็นสีหน้าลำบากใจของเยี่ยนกงกงยิ่งเพิ่มความอยากรู้ให้กับนาง

“ทูลฮองเฮา เถียนฮ่องเต้ทรงมีพระกระแสรับสั่งให้กระหม่อมนำความมาบอกฮองเฮา วันนี้ขอยกเลิกการนัดหมายไปก่อนพ่ะย่ะค่ะ” เยี่ยนกงกงกล่าวเท่านี้ไม่ได้สาธยายความใดต่อ วาจาของเยี่ยนกงกงทำให้เฝิงลี่เหยียนหงุดหงิดใจเป็นอย่างมาก นางอุตส่าห์ตื่นตั้งแต่ดวงตะวันยังไม่ขึ้นเพื่อมาแต่งหน้าเลือกอาภรณ์ตัวงามเอาใจเถียนฮ่องเต้ กะจะใช้ความงดงามมัดใจเขาเสียหน่อย หากแต่กลับโดนยกเลิกนัดอย่างกะทันหันเสียได้

“เหตุใดฝ่าบาทถึงได้ทรงยกเลิกนัดกะทันหันเล่า” น้ำเสียงของนางแข็งขึ้น เยี่ยนกงกงได้ยินถึงกับเหงื่อตกเกรงว่าหากฮองเฮาทรงรู้สาเหตุที่แท้จริงจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นอย่างแน่นอน

“เอ่อ คือว่า…” เยี่ยนกงกงอึกอัก

“เยี่ยนกงกง ข้าเป็นถึงฮองเฮาแห่งแคว้นเฟิ่ง ท่านอย่าได้คิดปกปิดความจริงกับข้าเชียวนะ” คำขู่ของเฝิงลี่เหยียนทำให้เยี่ยนกงกงมือสั่นระริกจนต้องบีบมือเข้าหากัน หลังจากฟื้นคืนสติขึ้นมาเฝิงฮองเฮากลายเป็นคนน่ากลัวไปมากกว่าเดิมเสียอีก!

“เซี่ยกุ้ยเฟยทรงประชวร ฝ่าบาทจึงเสด็จไปที่ตำหนักจูหรันพ่ะย่ะค่ะ” เยี่ยนกงกงหลับตาแน่น คิดว่าอีกไม่นานคงได้ยินเสียงกรีดร้องอาละวาดของเฝิงฮองเฮาเป็นแน่ หากแต่เวลาผ่านไปสองลมหายใจยังไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น เขาจึงค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นลอบมองไปยังสตรีหงส์ที่นั่งอยู่เบื้องหน้า

“โธ่เอ๋ย ข้าก็นึกว่าเรื่องอะไร เป็นเพราะเซี่ยกุ้ยเฟยไม่สบายเองหรอกหรือ” หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงปกติ มองเยี่ยนกงกงที่มีสีหน้าประหลาดใจพร้อมยิ้มน้อยๆ

ทั้งเยี่ยนกงกงและหลิวเจียหันมาสบตากัน โดยเฉพาะหลิวเจียที่ได้แต่กะพริบตาปริบๆที่พบเจอเรื่องเหนือความคาดหมาย นางอุตส่าห์ตั้งท่าหมายจะโผเข้าไปกอดเอวบางของฮองเฮาเอาไว้ ไม่ให้นางลุกขึ้นไปทำลายข้าวของเหมือนอย่างที่ผ่านมา

เฝิงลี่เหยียนเห็นสีหน้าแปลกใจของขันทีผู้เฒ่าและหลิวเจีย นางจึงเปล่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆด้วยความขบขัน คนทั้งคู่คงจะแปลกใจกับท่าทีของนางสินะ

ก็แหงสิ… นางหาใช่เฝิงฮองเฮาคนเดิมที่ทรงรักใคร่เถียนฮ่องเต้จนหมดดวงใจนี่นา อันที่จริงนางเองก็ไม่ได้รักใคร่บุรุษปากร้ายผู้นั้นหรอก เพียงแค่ต้องการเอาชนะเถียนจิ่งเทียนเท่านั้นเอง หากวันใดที่เขาหลงรักนางจนหัวปักหัวปำ เมื่อนั้นนางจะทอดทิ้งเขาเลยคอยดูสิ!

“ฝ่าบาททรงมีเหตุผลของพระองค์ ข้าไม่โกรธหรอก” มือบางโบกไม้โบกมือไปมา เยี่ยนกงกงและหลิวเจียจึงค่อยๆผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆด้วยความโล่งใจ เมื่อหมดธุระสำคัญ เยี่ยนกงกงจึงได้ขอตัวกลับ ทว่าทันทีที่ประตูปิดลง เฝิงลี่เหยียนก็หันมาเอ่ยกับหลิวเจียทันที

“หลิวเจียไปเตรียมโจ๊กอั้นเซียงมาให้ข้า”

“ฮองเฮาจะเสวยหรือเพคะ”

“เปล่า เมื่อครู่เจ้าได้ยินแล้วไม่ใช่หรือว่าเซี่ยกุ้ยเฟยไม่สบาย ข้าเป็นถึงฮองเฮาแห่งแคว้นเฟิ่ง มีหน้าที่ดูแลปกครองวังหลังจะให้นิ่งดูดายได้อย่างไร” มุมปากบางกระตุกยิ้ม นางไม่ใช่คนโง่เขลาพอที่จะดูไม่ออกว่าเซี่ยกุ้ยเฟยป่วยจริงหรือแกล้งป่วย เหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นดูพอดีเหมาะเจาะกันเกินไป ทว่ายังไม่อยากตัดสินว่าสตรีผู้นั้นเสแสร้งทำเป็นแกล้งป่วยจึงคิดที่จะไปดูให้เห็นกับตาด้วยตัวเอง

“ฮองเฮาหมายความว่า…”

หลิวเจียกล่าวยังไม่ท้นจบประโยค สตรีหงส์ก็เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน

“ข้าจะแวะไปเยี่ยมเยียนนางเสียหน่อย”

คำตอบของเจ้านายสาวทำให้หลิวเจียทำตาโต เมื่อครู่ที่นางคิดว่าจะไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้นนั้น ยามนี้รู้ตัวแล้วว่านางคิดผิด!

ในขณะที่ตำหนักจูหรัน ร่างสูงองอาจในชุดคลุมมังกรกำลังย่างกายตรงไปยังห้องบรรทมภายในตำหนัก บรรดาเหล่านางกำนัลเห็นผู้สูงศักดิ์ต่างรีบพากันยอบกายทำความเคารพทันใด

“ฮ่องเต้เสด็จ!”

ครั้นเมื่อประตูเปิดออกเผยให้เห็นร่างบางของใครบางคนกำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง เมื่อไป๋จี๋เห็นคนที่ก้าวเดินเข้ามาใหม่ นางจึงรีบกุลีกุจอทำความเคารพโอรสสวรรค์ทันที

เสียงฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาใกล้ทำให้เปลือกตาบางของเซี่ยหรูอวี้ค่อยๆเปิดออก เมื่อเห็นเถียนจิ่งเทียนหย่อนกายลงนั่งข้างขอบเตียง นางจึงทำท่าจะลุกขึ้นนั่ง

“ไม่ต้องลุกหรอก นอนพักเถิด เจ้าไม่สบายอยู่” เถียนจิ่งเทียนกล่าวเสียงนุ่มทุ้ม แววตามีความอาทรอยู่หลายส่วน เซี่ยหรูอวี้รู้ว่าคนตัวโตนั้นเอ็นดูนางมิใช่น้อย หากแต่ที่นางต้องการหาใช่ความเอ็นดู แต่นางต้องการความรักจากเขาต่างหาก

“ไม่ได้เพคะ ฝ่าบาทอุตส่าห์เสด็จมาเยือนตำหนักจูหรันของหม่อมฉันทั้งที” เซี่ยหรูอวี้กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานพลางลอบส่งสายตาไปยังไป๋จี๋ ทางด้านนางกำนัลคนสนิทก็รู้ความ เมื่อเห็นเจ้านายส่งสัญญาณก็ค่อยๆก้าวเดินออกไปจากห้องทันใด ทำให้ยามนี้ภายในห้องเหลือเพียงแค่เถียนจิ่งเทียนกับเซี่ยหรูอวี้ตามลำพังเท่านั้น

มือหนาวางลงบนไหล่บอบบางช่วยประคองให้นางลุกขึ้นนั่งสมใจ เมื่อเห็นแววตาคมที่ทอดมองมาหญิงสาวก็ยกมือขึ้นปิดปากเปล่งเสียงไอออกมาเบาๆ

“ตามหมอหลวงมาดูอาการแล้วหรือยัง”

“ยังเพคะ หม่อมฉันเห็นว่าฮองเฮาเพิ่งหายจากอาการประชวร ยามนี้หมอหลวงคงกำลังวุ่นวายกับการดูแลฮองเฮาเลยไม่อยากรบกวนผู้ใดเพคะ” ดวงหน้างามดุจหยกฉายแววเศร้าสร้อย หมายจะเรียกความเห็นใจจากคนมอง

“ไม่รบกวนหรอก เจ้าเองก็เป็นคนสำคัญของที่นี่เช่นกัน หากเป็นคำสั่งอย่างไรหมอหลวงก็ต้องมา” เอ่ยจบ ชายหนุ่มก็ผินหน้าหันไปมองประตูหมายจะเรียกให้คนตามหมอหลวงมาดูอาการของเซี่ยหรูอวี้ ทว่านางกลับยื่นมือเข้าไปจับมือหนาของเขาเอาไว้เสียก่อน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel