บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 ฮองเฮาไร้ประโยชน์

“ท่านเทียนเทียนทรงพระทัยเย็นๆก่อนเถิดเพคะ”

“ข้าชื่อเถียนจิ่งเทียน เรียกข้าว่าฝ่าบาท” เพราะนางไม่ได้รับอนุญาตให้เรียกขานแม้กระทั่งชื่อแซ่ของเขา

“นั่นแหละเพคะ ฝ่าบาท” หญิงสาวกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม หากแต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความประชดประชันนึกหมั่นไส้คนตัวโตเป็นอย่างมาก ครั้นพอผินหน้าหันไปมองในกระจกก็พบว่าเฝิงฮองเฮาเองก็มีรูปโฉมงดงามไม่น้อย หากเทียบกับบุรุษในแคว้นเฟิ่ง เถียนฮ่องเต้คือบุรุษรูปงามอันดับหนึ่ง แต่ถ้าหากนึกถึงฝ่ายหญิงก็ต้องเป็นเฝิงฮองเฮานี่แหละ แม้กระทั่งตัวนางในร่างของหนิวเหยียนที่ว่างามแล้ว ยังไม่อาจเทียบเคียงกับเฝิงฮองเฮาได้เลย

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ทำให้นึกสงสัยเป็นอย่างมากว่าเหตุใดสองสามีภรรยาคู่นี้ถึงมีความสัมพันธ์ต่อกันไม่ดีเท่าใดนัก

เถียนจิ่งเทียนเห็นท่าทางของคนตัวเล็กจึงแค่นเสียงเหอะออกมาในลำคอ แท้จริงแล้วเขาไม่เชื่อว่านางสิ้นความทรงจำไปจริงๆหรอก เขาคิดว่านางแค่เสแสร้งเท่านั้น สตรีผู้นี้มีนิสัยร้ายกาจ เหตุใดเขาจะไม่รู้เท่าทันนาง ในเมื่อที่ผ่านมานางแสดงออกถึงความร้ายกาจให้เขาเห็นมานับครั้งไม่ถ้วน

“เจ้าฟื้นแล้วก็ดี เสด็จแม่ทรงเป็นห่วงเจ้ามาก พรุ่งนี้จงเตรียมตัวเอาไว้ ข้าจะพาไปเข้าเฝ้าเสด็จแม่”

“เพคะฝ่าบาท” เฝิงลี่เหยียนตอบรับวาจาของคนตัวโต นางไม่ได้เบาปัญญาเกินกว่าจะรู้ว่ามันไม่ใช่คำบอกแต่มันคือคำสั่ง

ร่างสูงลุกขึ้นก้าวเดินผ่านคนตัวเล็กไปยังประตู หากแต่เขาหยุดอยู่แค่ตรงนั้น แม้ประตูจะเปิดออกแล้วแต่เขายังไม่ยอมก้าวเดินออกไป

“ฝ่าบาทไม่ไปหรือเพคะ” เฝิงลี่เหยียนเอียงคอเล็กน้อยมองคนที่ยืนนิ่งพร้อมกับส่งสายตาดุๆมาให้นางด้วยความแปลกใจ

คำพูดของนางทำให้คนที่ได้ยินนึกหงุดหงิดไม่น้อย นอกจากนางจะเสแสร้งทำเป็นความจำเสื่อมแล้ว นางยังพูดจาผิดแผกไปจากเดิม ไร้ซึ่งความอ่อนหวานเหมือนเมื่อก่อนอีกด้วย

“เจ้ายังไม่ได้ทำความเคารพข้า”

‘เจ้ายศเจ้าอย่างเสียจริง’ เฝิงลี่เหยียนลอบกลอกตามองบน ก่อนจะยอบกายลงเล็กน้อยพร้อมกับเงยหน้าขึ้นแสร้งกล่าวเสียงหวานกับเถียนฮ่องเต้

“สวัสดีฮ่องเต้เพคะ”

คิ้วกระบี่ขมวดเข้าหากันเป็นปมแน่นกว่าเดิม ใบหน้าบ่งบอกถึงความหงุดหงิด จนผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ต่างพากันลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เกรงว่าจะเกิดศึกขนาดย่อมขึ้นที่นี่เสียก่อน

“หลิวเจีย เจ้านายของเจ้าคงสูญเสียความทรงจำไปแล้วจริงๆ แม้กระทั่งกฏธรรมเนียมประเพณีในวังหลวงยังลืมไปจนหมดสิ้น เจ้าสั่งสอนนางแทนข้าทีเถิด!” กล่าวจบร่างสูงก็ก้าวฉั่บๆจากไปทันที เหล่าขันทีผู้ติดตาม นางกำนัลและทหารองครักษ์ก็รีบสาวเท้าเดินตามคนที่เดินฉิวออกไปราวกับพายุหมุน ดูเหมือนว่าการมาเยือนเฝิงฮองเฮาที่ตำหนักซูหนี่ว์ในวันนี้จะทำให้เถียนฮ่องเต้ทรงกริ้วไส่น้อยเลยทีเดียว

“หลิวเจีย ข้าทำอะไรผิดไปงั้นหรือ” เฝิงลี่เหยียนหันไปถามนางกำนัลคนสนิท หลิวเจียได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆให้เจ้านาย ในยามปกติเถียนฮ่องเต้ทรงชิงชังเฝิงฮองเฮาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หากแต่ว่าครานี้ฮ่องเต้คงเพิ่มความเกลียดชังต่อฮองเฮาอีกเป็นเท่าตัวอย่างแน่นอน

“ฮองเฮาเพคะ หม่อมฉันจะไปตามหมอหลวงมาดูอาการฮองเฮานะเพคะ” หลิวเจียกล่าวก่อนทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง หากแต่เฝิงลี่เหยียนกลับขานเรียกนางเอาไว้เสียก่อน

“ไม่ต้องไป ข้าไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย”

“หลังจากฮองเฮาทรงได้สติ ดูเหมือนว่าฮองเฮาจะเปลี่ยนไปนะเพคะ” ท้ายประโยคนางกล่าวเสียงเบา ด้วยรับใช้เฝิงฮองเฮาตั้งแต่อยู่ที่บ้านเดิม ไยนางจะไม่รู้ว่าฮองเฮาเปลี่ยนไปมากราวกับเป็นคนละคน

เฝิงลี่เหยียนนิ่งไปเล็กน้อย แม้ยามนี้หลิวเจียจะยืนก้มหน้าอยู่ หากแต่นางรับรู้ได้ว่าหลิวเจียสงสัยตนมากเพียงใด

“หลิวเจียอย่าได้เป็นกังวลไป ข้ายอมรับว่าข้าจำอะไรไม่ค่อยได้จริงๆ คงเป็นเพราะอาการป่วยกระมัง เจ้าช่วยเล่าเรื่องราวก่อนที่ข้าจะล้มป่วยได้หรือไม่ บางทีข้าอาจจำอะไรได้บ้าง” เสียงของเฝิงลี่เหยียนอ่อนลง หลิวเจียเงยหน้าขึ้นเห็นดวงหน้างามที่เต็มไปด้วยความเศร้าสร้อยของเฝิงฮองเฮาก็นึกสงสารเป็นอย่างมาก นางคงคิดมากเกินไปกระมัง ที่ฮองเฮาทรงมีท่าทีเปลี่ยนไปต้องเป็นเพราะอาการป่วยอย่างแน่นอน

หลิวเจียนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพลางเปิดปากเล่าเรื่องราวของเฝิงลี่เหยียนฮองเฮาให้เจ้าตัวฟัง เฝิงลี่เหยียนนั้นเป็นบุตรสาวของเฝิงหลงซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงต้าหงลู่ (เจ้ากรมวัง) มารดาของนางมีนามว่าหลี่ชิงตำแหน่งฮูหยินรองสกุลเฝิง ทว่าชีวิตของนางนั้นน่าสงสารยิ่งนัก มารดาจากไปตอนนางอายุได้สิบสอง ฮูหยินใหญ่สกุลเฝิงนั้นเป็นคนร้ายกาจ นางริษยาที่เฝิงหลงรักหลี่ชิงมากกว่านาง จึงคอยยุยงให้บุตรสาวทั้งสองคนของตนเกลียดชังเฝิงลี่เหยียนด้วยเช่นกัน

หากแต่โชคชะตายังไม่ใจร้ายกับเฝิงลี่เหยียนมากเกินไปนัก บิดาของนางนั้นรักนางมิใช่น้อย อีกทั้งยังเป็นขุนนางคนสนิทของเถียนหย่งเถาเซียนตี้อดีตฮ่องเต้พระบิดาของเถียนจิ่งเทียนฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน การอภิเษกของเถียนจิ่งเทียนไท่จื่อและเฝิงลี่เหยียนนั้นเกิดจากความเห็นชอบของผู้ใหญ่ ทว่าเฝิงลี่เหยียนนั้นรักใคร่เถียนจิ่งเทียนมานานจึงไม่ได้ขัดข้องเรื่องการอภิเษกแต่อย่างใด หากแต่ไม่ใช่กับเถียนจิ่งเทียน เขาไม่ได้ต้องการอภิเษกกับนาง แต่เพราะไม่อาจขัดพระกระแสรับสั่งของพระบิดาได้จึงจำต้องยอมเข้าพิธีอภิเษกกับเฝิงลี่เหยียนและแต่งตั้งให้นางเป็นไท่จื่อเฟย

หลังจากนั้นเวลาผ่านไปราวสองปี เถียนหย่งเถาฮ่องเต้ก็สิ้นพระชนม์จากโรควัยชราทำให้เถียนจิ่งเทียนต้องเข้ารับการสืบทอดบัลลังก์ต่อจากบิดา สถาปนาขึ้นเป็นเถียนจิ่งเทียนฮ่องเต้ เฝิงลี่เหยียนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเฝิงลี่เหยียนฮองเฮา

ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่นั้นเป็นไปอย่างไม่ค่อยดีเท่าใดนัก ทว่าตอนแรกเถียนฮ่องเต้ไม่ได้ชิงชังเฝิงฮองเฮามากถึงเพียงนี้หรอก แต่เป็นเพราะนางคอยตามหึงหวง สร้างเรื่องเรียกร้องความสนใจจากเขาจนเขาเบื่อหน่าย หนึ่งปีหลังจากขึ้นครองราชย์เถียนฮ่องเต้จึงรับสนมเข้าวังหลวงเป็นว่าเล่น หนึ่งในนั้นคือเซี่ยหรูอวี้กุ้ยเฟยศัตรูตัวฉกาจของเฝิงลี่เหยียน

“ที่บอกว่าข้าร้ายกาจนั้นร้ายกาจอย่างไรหรือ”

“อันที่จริงฮองเฮาไม่เคยทำร้ายผู้ใดจนถึงแก่ชีวิตหรอกเพคะ" แค่มีเลือดตกยางออกบ้างก็เท่านั้น ประโยคหลังหลิวเจียแอบคิดในใจและกล่าวต่อว่า

"หากแต่ฮองเฮาทรงเรียกร้องความสนใจจากฮ่องเต้ แม้กระทั่งยอมดื่มยาพิษเพื่อขัดขวางไม่ให้ฮ่องเต้เสด็จไปตำหนักจูหรันของเซี่ยกุ้ยเฟย”

เฝิงลี่เหยียนอ้าปากค้าง ก่อนจะรีบยกมือขึ้นปิดปากเมื่อเห็นหลิวเจียมองอยู่ เฝิงฮองเฮาคนก่อนเป็นพวกที่ชอบทำร้ายตัวเองเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเถียนฮ่องเต้งั้นหรือ...

นางช่างใจเด็ดยิ่งนัก!

“หลังจากนั้นเป็นอย่างไรต่อ เหตุใดข้าถึงล้มป่วย เจ้ารีบเล่าให้ข้าฟังทีสิ” หญิงสาวอยากรู้มากจนแทบจะทนไม่ไหวรีบเอ่ยปากเร่งเร้านางกำนัลคนสนิท

“เมื่อสามเดือนก่อน ฮองเฮาทรงน้อยพระทัยที่เถียนฮ่องเต้ไม่ยอมเสด็จมาเยือนที่ตำหนักซูหนี่ว์จึงแกล้งทำเป็นล้มป่วย หากแต่เถียนฮ่องเต้รู้ทันไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่ยอมเสด็จมา ฮองเฮากริ้วมากจึงตัดสินพระทัยกระโดดน้ำเพื่อหวังจะให้ฮ่องเต้เสด็จมาหา แต่โชคไม่ดีนัก ฮองเฮาเกิดเป็นตะคริวจมน้ำ ยามนั้นสายน้ำไหลอย่างเชียวกรากกว่าทหารจะช่วยฮองเฮาขึ้นมาได้ ฮองเฮาก็สิ้นสติไปแล้วเพคะ” น้ำเสียงของหลิวเจียสั่นไหว มือเล็กยกขึ้นปาดน้ำตาออกจากใบหน้า กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น

“หมอหลวงบอกว่าเป็นเพราะฮองเฮาจมน้ำนานเกินไปทำให้สมองขาดอากาศ ไม่อาจตอบได้ว่าจะทรงฟื้นขึ้นมาตอนไหน และหากฟื้นขึ้นมาจะทรงใช้ชีวิตได้อย่างปกติเช่นเดิมหรือไม่เพคะ” หยดน้ำตาไหลพร่างพรูจนเกลื่อนใบหน้า ยามนึกถึงเรื่องนี้คราใดนางรู้สึกเสียใจทุกครั้ง หากครั้งนั้นนางห้ามปรามฮองเฮาให้เต็มที่กว่านี้ ฮองเฮาอาจทรงฟังและไม่เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น แต่แล้วจู่ๆหลิวเจียพลันต้องสะดุ้งโหยงขึ้นมาทันใด เมื่อหนิวเหยียนที่อยู่ในร่างของเฝิงฮองเฮาใช้มือตีไปที่เข่าของตัวเองเสียงดัง

เพี้ยะ!

“ว่าแล้วเชียวเหตุใดเถียนฮ่องเต้ถึงไม่ชอบเฝิงฮองเฮา” เดิมทีนางแปลกใจไม่น้อย ฮองเฮาอุตส่าห์ฟื้นคืนสติขึ้นมา ทว่าในยามที่พบหน้าเถียนฮ่องเต้กลับมีท่าทีหมางเมินเฉยเมย ไม่เหมือนคนรักกันแม้แต่น้อย

“ฮองเฮาว่าอย่างไรนะเพคะ” หลิวเจียฟังไม่ถนัดนัก นางจึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้เจ้านายสาว

“เปล่าๆ ว่าแต่ว่าตอนนี้สนมทั้งหมดในวังหลวงของเถียนฮ่องเต้มีกี่คนกัน”

“หากนับรวมที่ฮ่องเต้ทรงเลือกเข้ามาเมื่อต้นปีก็ประมาณสามร้อยคนเห็นจะได้เพคะ”

“เยอะถึงเพียงนั้นเชียวหรือ!” ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง เขาแบ่งเวลาไปหาสนมทั้งสามคนร้อยอย่างไรกันนะ หรือไปหาคืนละสองคน แสดงว่าเถียนฮ่องเต้ผู้นี้มีกำลังวังชาไม่เบาเลยทีเดียว

“บางทีข้าก็นึกอยากเอาชนะใจคนขี้ดุอย่างฮ่องเต้เสียแล้วสิ” เฝิงลี่เหยียนพึมพำเสียงเบา ปากบางเผยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม หวนนึกไปถึงใบหน้าหล่อเหลาที่เต็มไปด้วยความหยิ่งยโสของเถียนจิ่งเทียน เมื่อได้เห็นหน้าหล่อๆของเขาทำให้นางมีกำลังใจในการตบตีกับบรรดาเหล่าสนมเพื่อแย่งชิงความสนใจจากเถียนฮ่องเต้ไม่น้อยทีเดียว หรือถ้าหากท้ายที่สุดนางไม่อาจเอาชนะใจของเขาจริงๆ นางก็จะขอใช้ชีวิตอยู่กับอำนาจในมือกับเงินทองมหาศาลที่มีอยู่ในตอนนี้ ทำตัวเป็นฮองเฮาไร้ประโยชน์ไปวันๆอย่างมีความสุขดีกว่า

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel