บท
ตั้งค่า

CHAPTER 6 เหมือนว่าอยู่ใกล้กัน

อาคารสำนักงานดูเรียบหรูและเป็นระเบียบ ปิ่นมุกก้าวเดินตามแม่อย่างสงบเงียบ สายตาเธอมองรอบตัวราวกับเป็นสถานที่ใหม่ ทั้งที่จริงแล้วเธอเคยมาที่นี่นับครั้งไม่ถ้วนในอดีต

เป็นสัปดาห์ที่สองแห่งการเรียนรู้งานกับแม่ เธอคิดว่าตัวเองควรช่วยแม่ทำงานเพราะท่านเริ่มเหนื่อยแล้ว

“แม่อยากให้หนูลองดูโปรเจกต์คอนโดใหม่ที่เรากำลังจะเปิดพรีเซล ปกติหนูเป็นคนเสนอแนวคิดออกแบบเบื้องต้นก่อนหน้านั้น” ปิ่นปักพูดด้วยเสียงอ่อนลงในประโยคท้าย

ปิ่นมุกพยักหน้าเบาๆ เธอไม่ได้พูดอะไร เธอไม่ชอบงานแบบนี้เอาเสียเลย แต่ละวันต้องเจอกับผู้คนมากมายต้องปั้นหน้ายิ้มตลอดเวลา

“ไหวไหมลูกแม่ลูกว่ามุกไม่ชอบงานแบบนี้”

“มุกไหวค่ะค่อยๆ เรียนรู้ไป” เธอส่งยิ้มบางๆ ให้แม่ ปิ่นมุกเป็นลูกคนเดียวหากเธอไม่บริหารต่อแล้วใครจะมาทำแทน

หลังประชุมเธอขอตัวไปสำรวจไซต์งานจำลองในชั้นล่าง และระหว่างเดินผ่านทางเดินกระจก เธอเดินชนเข้ากับร่างสูงของใครบางคนอย่างจัง

“อ๊ะ! ขอโทษค่ะ” เอกสารในมือเธอเกือบหลุดหล่น ก่อนชายคนนั้นจะรีบคว้าไว้ให้ทัน

“ปิ่นมุก!”

เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเรียกชื่อเธอเบาๆ ปิ่นมุกเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มในชุดสูทเข้ารูป ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความตกใจและบางสิ่งที่เธอไม่เข้าใจ เขายืนนิ่งอยู่อึดใจก่อนจะยิ้มบางๆ ออกมา

“จำเราไม่ได้สินะ”

“ขอโทษค่ะ ฉันไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร” ปิ่นมุกชะงักเล็กน้อยก่อนจะยิ้มเจื่อน

“เราเป็นเพื่อนกันสมัยเด็ก คิรันไงตอนเด็กๆ ปิ่นมุกมาขอเราเป็นแฟน” ชายหนุ่มพยักหน้าช้าๆ ตอนนั้นยังเด็กพอเขาปฏิเสธปิ่นมุกร้องไห้กลับไปฟ้องแม่ที่บ้าน

“...”

“พอจะจำได้ไหม” เขายื่นมือออกไปหวังจะจับมือทักทาย เธอยื่นมือไปจับตามมารยาทแม้จะไม่รู้สึกคุ้นเคยใดๆ กับเขาเลย

“ขอโทษด้วยนะมุกจำอะไรไม่ได้”

“ทำไม?” คิรันยิ้มเศร้า

“คุณปิ่นมุกเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย” ทรายแก้วเข้ามาขวางเอาไว้เพราะไม่ไว้ใจอีกฝ่าย

“ผมมาดีครับผมคิรันเป็นเพื่อนของปิ่นมุกสมัยเด็กๆ” เขาเพียงมองใบหน้าที่แสนคุ้นเคยตรงหน้า เขาเข้าใจแล้วอุบัติเหตุอาจพรากความทรงจำไปจากเธอ

“คุณปิ่นมุกกลับเข้าออฟฟิศกันดีกว่าค่ะ”

“มุกอย่างคุยกับเขาค่ะ พี่ทรายไปก่อนเลย” ในเมื่อมีคนรู้จักเธออยากทำความรู้จักกับเขาไว้

“คุณปิ่นมุกดูแลตัวเองด้วยนะคะ”

ปิ่นมุกนั่งตรงข้ามชายหนุ่มที่เธอเพิ่งรู้จักหรือที่เขาว่า เคยเป็นเพื่อนกัน อีกฝ่ายจิบอเมริกาโน่เย็นๆ เงียบไปสักพักก่อนจะเอ่ยถาม

“มุกลืมทุกอย่างจริงๆ ใช่ไหม”

“คิรันคิดว่ามุกแกล้งเหรอ” เธอไม่อยากเป็นแบบนี้เพราะรู้สึกอึดอัดและทรมานไม่น้อย

“คิรันมาที่นี่บ่อยป๊ากำลังจะธุรกิจร่วมกับคุณน้าปิ่นปัก เราเลยขอมาด้วย” ความดีใจของเขาปิดไม่มิด ไม่คิดว่าจะบังเอิญเจอปิ่นมุกจริงๆ

“มุกเพิ่งกลับมาจากอังกฤษกำลังมารับช่วงต่อจากคุณแม่”

“มุกไม่ชอบงานบริหารหนิ” เขาจำได้ล่าสุดที่เจอกันก็ตอนมัธยมปลาย หญิงสาวอยากเปิดคาเฟ่ริมทะเลไม่ชอบงานบริหาร

“ก็จริงมุกเรียนไม่ค่อยเก่งแต่คุณแม่เหนื่อยแล้ว มุกเข้าไปช่วยจะได้เบาแรง”

“ปิ่นมุกน่ารักไม่เปลี่ยนเลย” เขาชมด้วยความจริงใจพยายามชวนหญิงสาวคุยถึงเรื่องที่ผ่านมา แต่เขาต้องผิดหวังเพราะอีกฝ่ายจำอะไรไม่ได้เลย ทั้งสองพูดคุยกันเรื่องทั่วไปเป็นอีกครั้งที่ปิ่นมุกหัวเราะอย่างสบายใจ

ห้องประชุมของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ วันนี้มีบรรยากาศราบรื่นตามรูปแบบทางธุรกิจ แต่สำหรับธรรศชวินที่นั่งตรงข้ามกับผู้บริหารหญิงวัยกลางคน เขากลับรู้สึกว่าช่วงเวลานี้ มีบางอย่างที่เขารอคอยมากกว่าเรื่องงาน

“เอกสารฉบับนี้คุณวินซ์นำกลับไปพิจารณาได้เลยค่ะ” ปิ่นปักยิ้มอย่างมืออาชีพ เธอคงเสน่ห์ของนักบริหารหญิงที่สุขุมแต่เฉียบคม

เขาพยักหน้ารับกำลังจะลุก แต่ลังเลนิดหนึ่งก่อนจะเอ่ยถามอย่างทำทีเป็นสัพเพเหระ

“ลูกสาวคุณไปไหนเหรอครับ”

“ลูกสาว? คุณวินซ์รู้ได้ยังไงว่าฉันมีลูกสาว ปกติไม่ค่อยพาไปออกงานเลย” ปิ่นปักเองแปลกใจไม่น้อย ไม่เคยแนะนำให้ใครรู้จักปิ่นมุก นอกจากเมื่อปีก่อน

“ผมเคยเจอเขาเมื่อปีก่อนครับ” เขาหวังแค่ปิ่นปักพูดออกมาว่าตอนนี้ปิ่นมุกเป็นอย่างไรบ้าง

“ปิ่นมุกสบายดีค่ะ” เธอไม่ยอมตอบเพราะเรื่องอุบัติเหตุยังไม่คลี่คลาย ตำรวจไม่สามารถตามจับคนร้ายได้เลย คนร้ายอาจจะเป็นเพื่อนร่วมงานหรือใครที่หวังผลประโยชน์

“เหรอครับ” ดวงตาเขาเป็นประกายขึ้นมาเมื่อรู้อีกฝ่ายสบายดี

“แล้วนี่คุณมีหลานตัวน้อยๆ หรือยังครับ” เขาหวังว่าจะได้รับคำตอบที่น่าเพิ่งพอใจ

“หลาน? ฉันไม่มีหลานค่ะมีแค่ปิ่นมุกคนเดียว” ปิ่นปักงุนงงที่อีกฝ่ายถามเรื่องนี้

“เหรอครับผมขอโทษที่เสียมารยาทถามแบบนั้น” เขาผิดหวังอีกครั้งและคิดไปเองว่าปิ่นมุกกำจัดลูกของเขาทิ้งแล้ว ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“อุ้ย ขอโทษค่ะไม่คิดว่าบอสจะมีแขก” ทรายแก้วหน้าเหวอเพราะไม่ได้รับอนุญาตก่อนเข้ามา

“ไม่เป็นไรคุณวินซ์จะกลับแล้ว”

“คุณปิ่น...”

“ฉันขอกาแฟแก้วหนึ่ง” ปิ่นปักรีบพูดสวนทันควันกลัวเลขาจะพูดถึงลูกสาว เพราะตอนนี้ปิ่นปักเข้ามาช่วยงานแบบเงียบๆ

“ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” เมื่อไม่มีอะไรเขาจึงออกมา ระหว่างนั้นจึงแวะร้านกาแฟข้างล่างตึก แต่แปลกมาเพราะอยู่ๆ หัวใจของเขาเต้นระรัวเหมือนเจอเรื่องที่น่าตื่นเต้น

“มุกกลับก่อนนะคิรันนี่นามบัตรของมุก”

“ดูแลตัวเองด้วยนะ”

หญิงสาวกดโทรศัพท์ดูเวลานัดหมายกับแม่ตอนบ่ายโมง เธอถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเดินออกจากร้าน และในจังหวะเดียวกันนั้นเอง

ธรรศชวินกำลังเดินเข้ามาจากอีกมุมหนึ่ง เขาก้มลงมองนาฬิกาพร้อมตรวจข้อความในมือถือ เขาเดินสวนกับผู้หญิงคนหนึ่งเขาได้กลิ่นกลิ่นน้ำหอมจางๆ เข้ามาแตะปลายจมูก

กลิ่นที่เขาจำได้แม่นกลิ่นที่เคยคุ้นอยู่ใกล้หัวใจกลิ่นของน้ำหอมที่ปิ่นมุก เขาชะงักไปเหมือนถูกหยุดเวลาแววตาคมดุดันแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน

เขาเงยหน้าขึ้นทันทีหันมองไปรอบตัวและเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเดินออกห่างไป

“ปิ่นมุก…” เขาพึมพำเบาๆ กับตัวเอง ก่อนจะก้าวเท้าเร็วๆ ออกไปทางโถงทางเดินด้านนอก เดินไปยังทางเลี้ยว พยายามมองหาเธอในทุกมุม

แต่ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแล้วมีเพียงความเงียบกับแสงไฟสีอุ่นที่ทอดลงมาบนพื้น เขายืนนิ่งอยู่พักหนึ่งหัวใจเต้นแรงอย่างไม่มีเหตุผลมือข้างหนึ่งกำโทรศัพท์ไว้แน่น

“หรือเราคิดไปเอง” แต่ลึกในใจเขารู้กลิ่นนั้นไม่ใช่ภาพหลอน และเธอต้องอยู่ใกล้กว่าที่เขาคิด

เขามักจะเป็นแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง บางทีเขาอาจจะคิดถึงอีกฝ่ายมากเกินไปขนเก็บเอาไปคิด และเห็นภาพหลอนบางครั้งผู้หญิงที่หน้าตาคล้ายปิ่นมุก เขาเข้าไปทักบางทีเขาควรไปพบจิตแพทย์

“ดูแลตัวเองดีๆ นะมุกวันหลังเราออกไปทานข้าวด้วยกันนะ”

เขาได้ยินเสียงคนคุยโทรศัพท์จึงหันหลังกลับไปมองอีกฝ่าย หัวใจเต้นระรัวยามที่ได้ยินชื่อนั่น เขายืนจ้องแบบนั้นจนชายหนุ่มเงยขึ้นสบตา

“มีอะไรหรือเปล่าครับเห็นมองหน้าผม”

“เปล่าครับ” เขาตอบเสียงเบากำลังจะเดินออกมาแต่ได้ยินเสียงคนเรียกเสียก่อน

“ดีใจจังเลยที่ได้เจอคุณธรรศชวิน”

“คุณโอภาส”

“ป๊ารู้จักเขาเหรอครับ” คิรันถามเพราะเขาเพิ่งกลับมารับช่วงต่อจากพ่อ

“คุณธรรศชวินครับนี่คิรันลูกชายของผมเอง คิรันนี่คุณวินซ์คู่ค้ารายใหญ่ของเราเลย”

ธรรศวินทักทายอีกฝ่ายไม่นานเพราะเขามีงานต้องทำไปต่อ แต่สิ่งที่ลบออกไปจากหัวใจของเขาไม่ได้เลยคือเรื่องปิ่นมุก

เขาจึงใช้บริการนักสืบอีกครั้ง เขาเชื่อว่าครั้งนี้เขาต้องตามหาปิ่นมุกให้เจอ มีเรื่องมากมายที่อยากถามไถ่อย่างแรกคือเรื่องที่เธอบอกว่าท้องกับเขา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel