บทย่อ
เขาเคยผลักไสความรักของเธอด้วยการเก็บเธอไว้เป็นของตาย แต่โชคชะตาเล่นตลกเพราะวันที่เขาอยากได้เธอคืน เธอกลับไม่เหลือแม้แต่เศษใจให้เขาอีกต่อไป...
บทนำ ของตายกลายเป็นของรัก
ฝ่ามือบางออกแรงเปิดประตูห้องทำงานบานใหญ่ เข้าสู่โซนหลังป้ายที่เขียนกำกับว่าผู้บริหารช้าๆ กลิ่นโคโลญจ์เข้มเจือกลิ่นไม้และหนังแท้ตีขึ้นมาทันที
ธรรศชวิน นั่งรอเธออยู่ก่อนแล้วที่โต๊ะทำงานกลางห้อง แผ่นหลังกว้างเอนนาบไปกับพนักเก้าอี้หนังแท้ แววตานักล่าคู่เดิมยังคงจับจ้องเธอไม่ละไปไหน
ปิ่นมุก เรือนกายบางเดินเข้ามาด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม ราวกับจะยอมรับโทษทัณฑ์ที่รู้แก่ใจว่าจะเลี่ยงไม่พ้น ดวงหน้าสวยหวานยังคงดูเปราะบางเหมือนทุกครั้ง
ปลายเท้าเธอก้าวไปหยุดอยู่ข้างกายชายคนนั้น หญิงสาวชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นแววตาในแบบที่คุ้นเคยอีกครั้ง
แววตาที่ไม่เคยแฝงความหมายลึกซึ้งใดๆ มีเพียงเพลิงไฟราคะที่ลุกชันท่วมท้นนัยน์ตาสีนิล
“มานั่งตรงนี้สิครับ”
เขาว่าเสียงแหบผ่าพลางตบฝ่ามือเบาๆ ลงบนหน้าตักของตนเอง หญิงสาวขบเม้มริมฝีปากแน่น ลมหายใจสั่นไหวอย่างกลั้นไม่อยู่ เธอไม่ได้เอ่ยอะไรกลับไป มีเพียงร่างกายที่ยอมจำนนต่อคำสั่งนั้นอย่างรู้งาน
ปลายเท้าค่อยๆ ขยับเข้าหาอีกฝ่ายอย่างเชื่องช้า ก่อนที่สะโพกอวบนุ่มจะทรุดตัว นาบลงบนหน้าตักกว้างของเขาอย่างแนบแน่น น้ำหนักเบาทาบทับลงบนหน้าขาแกร่งทำเอาทั้งเรือนร่างหญิงสาวสั่นสะท้านในทันทีที่โดนสัมผัส
เนื้อผ้าเรียบหรูของกางเกงสูทสไตล์อิตาเลียนเสียดสีไปกับผิวต้นขาอ่อนเนียนใต้กระโปรงรัดรูปของปิ่นมุก ความเย็นที่เกาะบนเนื้อผ้ากลับไม่ช่วยอะไรเลย เพราะบางส่วนใต้นั้นกำลังร้อนระอุคล้ายภูเขาไฟรอวันปะทุ
ร่างอรชรกลั้นหายใจแน่น เมื่อสัมผัสจากฝ่ามือหนาเอื้อมผ่านตัวเธอไปเปิดโน้ตบุ๊กตรงหน้าขึ้น การกระทำที่ดูธรรมดาในโลกการทำงาน มันคือฉากบังหน้าของห้วงเวลาลึกซึ้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในห้องนี้
แสงสีฟ้าจากหน้าจอสว่างวาบ ทว่าความสนใจของเขาไม่ได้อยู่ที่ตัวหนังสือบนจอ มืออีกข้างของชายหนุ่มกลับยกขึ้นแตะที่ปลายเส้นผมสีดำขลับของเธอ ลากสัมผัสเบาๆ ไปยังท้ายทอย ปลายนิ้วไล้เลียช้าๆ เหมือนกำลังร่ายเวทให้เธอตกในภวังค์
ธรรศชวินลากสัมผัสลงมาต่อเนื่อง ผ่านเนื้อผ้าชีฟองบนแนวสันกระดูกที่สั่นระริกจนถึงเอวทรวด เขาวางทาบฝ่ามือบีบจับส่วนเว้าโค้งของเธอไปเต็มแรงจนหญิงสาวสะดุ้งตัวโยน ไม่นานจากนั้นมืออีกข้างก็สัมผัสลงบนเนินอกนวลอวบของเธอโดยไม่ทันให้ตั้งตัว
ก้อนเนื้อแน่นนุ่มภายใต้บราลูกไม้ดันทรงถูกนวดคลึง ฟอนเฟล้นจากคนเอาแต่ใจไม่ลดละ แรงบีบนั้นเน้นนำเสียจนยอดถันแข็งขืนชูตัวดันผ้าแทบทะลุ
ร่างสูงไม่รีบร้อน ฝ่ามือที่เคล้าอยู่บนอกเธอดึงถลกเสื้อชีฟองขึ้นสูงเหนือภูเขาผ่องทั้งสอง ก่อนจะค่อยๆ คลึงวนบนบราอย่างแนบแน่น ปลายนิ้วโป้งก็ล้วงตวัดเข้าไปด้านใน ใช้ส่วนมนสัมผัสถูวนรอบยอดอกอีกข้าง ราวกับรู้แน่ชัดว่าจุดไหนที่ทำให้เธอแทบคลั่ง
“อึก… อ๊ะ…”
เสียงหวานหยุดร้องสะอื้นปนครวญครางออกมาจากริมฝีปากเล็กของหญิงสาวอย่างห้ามไม่อยู่ อวัยวะใต้อกอวบของเธอเต้นตุบแรงเพราะอารมณ์กระสันที่พุ่งกระฉูดจากแรงสัมผัสนั้น
ปลายนิ้วไล้เล่นอยู่บนหัวนมสีหวานที่แข็งชูจากแรงกระตุ้น ร่างของปิ่นมุกสั่นสะท้านเพราะความเสียดเสียวจนเธอไม่อาจคุมตัวอยู่นิ่งได้
สะโพกเธอนาบบดเบียดกดไปกับต้นขาจนร่องกลีบเนื้อร้อนแนบเสียดสีกับความแข็งแกร่งใต้กางเกงของเขาอย่างจงใจชวนให้ธรรศชวินต้องแสยะยิ้มบางออกมาเพราะลีลาร่านเร้านั้น
ใบหน้าหล่อโน้มตัวลงใกล้ อ้าริมฝีปากร้อนขบเบาๆ ที่กลีบหูข้างหนึ่ง ก่อนจะกระซิบด้วยเสียงแหบพร่า
“ดิ้นขนาดนี้... อยากได้อะไร? ปิ่นมุก”
กระแสไฟฟ้าพลุ่งพล่านขึ้นตามแนวสันหลังของเธอ ปิ่นมุกหลับตาแน่น ใบหน้าสวยขึ้นสีแดงซ่านเมื่อปลายนิ้วเรียวยาวของเขาค่อยๆ ลากจากอกลงต่ำ มุ่งตรงไปยังหน้าท้องแบนราบที่เกร็งกระตุก
เนินอ่อนใต้ชายกระโปรงถูกมือหนาสอดลอดเข้าภายใต้เนื้อผ้าบางเบา เขากดเสียดปลายนิ้วลงบนเป้ากางเกงในลูกไม้ที่เปียกชุ่มจนสาวสวยบนตักเป็นต้องเผลอแอ่นตัวเบาๆ พร้อมเสียงครางหวิวที่เล็ดลอดจากลำคอ
“อ-อือ…”
นิ้วกลางแทรกเข้าไประหว่างกลีบเนื้อ ลากขึ้นลงจากบนลงล่างอย่างเชื่องช้า ปลายนิ้วก็วนเบาๆ อยู่บนปุ่มกระสันสลับกับสะกิดแรงขึ้นจนสะโพกเธอกระตุกเป็นระยะ หัวเข่าทั้งสองข้างเผลอบีบเข้าหากัน สะโพกเล็กโยกตามแรงถูเบาๆ ที่ราวกับจะทรมานให้เธอเสียวจนไม่มีสติ
“อ๊ะ… อึก… อ๊า…!”
เสียงครางหวานแตกพร่าดังสอดรับกับแรงกดของนิ้วที่เปียกชุ่ม เธอไม่รู้ว่าผ่านไปกี่วินาที รู้เพียงว่าตัวเองกำลังร่อนสะโพกใส่มือเขาอย่างไร้ยางอาย นิ้วของเขาชอนไชเข้าไปภายในอย่างเชื่องช้า กลีบเนื้ออ่อนนุ่มโอบล้อมทันทีที่เขากดเข้าไปลึก
เรือนกายสยิวสั่นสะท้าน หยาดน้ำใสไหลอาบนิ้วที่แทรกเข้าไปลึก
หญิงสาวกระตุกวูบ ตัวสั่นแรงจนเขาต้องประคองเอวไว้แน่น ริมฝีปากสวยเผยอค้าง ลมหายใจขาดห้วงในจังหวะที่น้ำวาบแรกพุ่งทะลักออกมา
“อ๊าาาาา!”
เสียงหวานครางกระเส่าอย่างห้ามไม่ได้ ธรรศชวินก้มลงแตะปลายจมูกกับต้นคอที่สั่นระริก ยังไม่ทันให้เธอตั้งสติ มือหนาก็เลื่อนถกกระโปรงขึ้นรวดเดียวจนเอวเธอเปิดโล่ง ตามมาด้วยเสียงซิบของกางเกงสูทที่ถูกรูดลงช้าๆ
เขาเอื้อมมือมายกเธอขึ้นนิดเดียว แล้วกดเธอลงนาบบนตักตัวเองในท่านั่งออนท็อปกลับหลัง สัมผัสจากแท่งเนื้อใหญ่โตที่แข็งเต็มที่แล้วพุ่งพ้นออกมาหน้าช่องทางอ่อนไหวที่ยังเปียกแฉะของหญิงสาว ความร้อนผ่าวแตะต้องกับเรียวขา
เนื้ออวบร้อนแตะปากทางช่องสวาท เขาจับเธอกดช้าๆ ทีละน้อย ปลายหัวหนาก็ถูไถร่องแคบที่ยังตอดรอบางสิ่งไม่หายก่อนจะออกแรงกดเอวสอดลงให้โพลงร้อนรับเอาความใหญ่โตเข้าไปจนมิดลำ
“อึก… อ๊ะ…! ม-มัน…แน่น!”
ดวงตาสวยเบิกโพลนกว้าง ลำหนาที่แทรกเข้ามาอย่างช้าจนกระทั่งทั้งหมดฝังแน่นในตัวเธอจนสุดโคน มันแน่นเกินไป ปิ่นมุกตัวกระตุกเฮือก น้ำตารื้นขึ้นมาที่หางตาเพราะความจุกเสียดที่ช่วงล่างจนหายใจแทบไม่ออก
“อึ่ก… อ๊าา…! อื้ออออออ…”
เขาจับเอวเธอไว้แน่นก่อนจะกระแทกสวนแรงขึ้นใส่ทันที เขาโยกเอวใส่เธออย่างต่อเนื่อง หนักทุกจังหวะจนร่างเธอสั่นไหวไปตามแรงที่ดันขึ้นมาซ้ำๆ เสียงครางของปิ่นมุกแตกพร่า มือทั้งสองข้างยึดขอบโต๊ะไว้แน่น
"พ-พอ...พอแล้ว...อ๊ะ! ม-ไม่ไหวแล้ว!"
เขาไม่นึกสนใจเสียงหวานที่ร้องท้วงสักนิด ธรรศชวินยกสะโพกเธอขึ้นเพียงนิดแล้วกดกระแทกลงซ้ำในจังหวะที่รุนแรงกว่าเดิม
จนปิ่นมุกร้องลั่น สะโพกเด้งตอบอย่างลืมตัว ร่องรักของเธอบีบรัดแน่นจนแก่นกายอวบเจ็บขึ้นมานิดๆ
เธอกำลังจะแตกอีกครั้งบนตักของเขา
“มุกจะแต-อ๊าส์!”
ยังไม่ทันจะสิ้นคำ หญิงสาวบนร่างก็กระตุกสั่นไปทั้งตัว ปิ่นมุกแผดเสียงหวานร้องสนั่นลั่นในวินาทีที่จุดสุดยอด สมองเธอขาวโพลนไม่รับรู้อะไร แต่เอวบางก็ยังร่อนบนตักกระตุ้นอารมณ์จนคนใต้ล่างได้แต่นิ่วใบหน้าหล่อเพราะความเสียดเสียว
ฝ่ามือหนาบีบจับเอวเธอไว้แน่น ธรรศชวินเกร็งตัวส่งแรงไปอีกสองสามที ในที่สุดน้ำขาวขุ่นพุ่งกระฉูดอัดเต็มช่องทางจนไหลย้อนทะลักออกมาพร้อมเสียงทุ้มที่คำรามอย่างสุขสม ทั้งสองทิ้งกายแนบกันหอบหายใจหลังจบช่วงเวลาสวาทอย่างบ้าคลั่ง
“ปิ่นมุกผมกำลังจะหมั้น”
เสียงแผ่วพูดคำนั้นออกมาดังสะท้อนซ้ำไปมาในหัวของปิ่นมุก
หมั้นอย่างนั้นเหรอ?
เขากับเธอเกือบทุกคืนครางเรียกชื่อเธอทุกคืน เอาเวลาที่ไหนจะไปหมั้นหมายกับคนอื่น
เธอถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเขาพ้นคำที่แสนทำร้ายจิตใจของเธอ ปิ่นมุกมองเขาด้วยความรักและเทิดทูนคิดว่าเราทั้งสองไปด้วยกันได้
หวังว่าจากเมียลับจะได้กลายเป็นตัวจริง แต่วันนี้หัวใจของเธอแตกสลายอีกครั้ง เธอไม่มีวันได้กลายเป็นผู้หญิงที่ยื่นอยู่ข้างกายเขา
“พี่วินซ์พูดอะไรออกมา”
“เราแค่ตกลงกันไว้แล้วเธอก็เข้าใจแต่แรกไม่ใช่เหรอ?”
เธอส่ายหน้าเบาๆ อย่างไม่อยากเชื่อ ดวงตาเริ่มรื้นด้วยหยดน้ำใสที่ไหลเอ่อโดยไม่รู้ตัว
“พี่วินซ์ที่เรามีอะไรกันมันไม่มีค่าอะไรเลยเหรอ ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความรู้สึก” เสียงเธอสั่นราวกับกำลังวิงวอน
“เราตกลงกันไว้แล้ว ไม่ใช่เหรอปิ่นมุกอย่าทำให้มันยากกว่านี้เลยเมียลับๆ ไม่มีทางเชิดหน้าชูตาให้ผมได้มากกว่าคนที่เหมาะสม” เขาหลบตาเธอไปเพียงวินาที ก่อนจะกลับมาสบตาอย่างเย็นชา
ปิ่นมุกรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบถล่มลงตรงหน้า เขาไม่ลังเลไม่แม้แต่จะสับสน หรือเสียใจไม่มีแม้แต่ความอ่อนโยนที่เธอเคยเห็นในดวงตาคู่นั้น
“พี่วินซ์ใจร้ายเกินไปแล้ว ฮึก~” เสียงเธอแผ่วเบา ราวกับจะหายไปกับลมหายใจ
“ผมเคยบอกแล้วว่าอย่าเอาหัวใจลงมาเล่น” เขาเดินจากไปแบบไม่สนใจว่าปิ่นมุก จะร้องไห้เสียใจแค่ไหน

