บท
ตั้งค่า

CHAPTER 4 ลบออกจากความทรงจำ

กลิ่นยาและเสียงเครื่องวัดชีพจรดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอคือสิ่งแรกที่เธอรับรู้ได้ เปลือกตาหนักอึ้งค่อยๆ เปิดออกเผยให้เห็นเพดานสีขาวสะอาดและหลอดไฟนีออนสว่างจ้า ภาพรอบตัวพร่ามัวในคราแรก ก่อนจะค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเสียงนกกระจอกส่งเสียงร้องอยู่นอกหน้าต่าง ไอแดดอ่อนยามสายส่องลอดม่านเข้ามา

เธอพยายามยันกายขึ้น แต่แรงไม่มีเลยแขนขาเหมือนไม่ใช่ของตัวเองหัวหนักราวถูกหินทับ

“คนไข้ฟื้นแล้วไปตามคุณหมอมาเร็ว” เสียงนั้นนุ่มนวลจากพยาบาลสาวคนหนึ่งที่รีบก้าวเข้ามา สีหน้าเต็มไปด้วยความดีใจ

“ฉัน...” เสียงแหบพร่าแทบไม่ออกจากลำคอเธอขมวดคิ้ว

“ปิ่นมุกแม่ดีใจที่ลูกตื่นขึ้นมา” ปิ่นปักเข้ามาจับมือลูกสาวไว้แน่น สามวันที่ปิ่นมุกหลับใหลไม่ได้สติหลังจากเขาผ่าตัดที่สมอง

“คุณ...”

“ไม่ต้องพูดแล้วลูกแม่ดีใจที่หนูตื่นขึ้นมา”

“คุณเป็นใครคะ?” เธอถามออกไปแววตาใสซื่อจนคนเป็นแม่ชะงัก

“ปิ่นมุกอย่าล้อแม่เล่น”

“หนูชื่อปิ่นมุกเหรอคะ” เธอเริ่มปวดศีรษะจากแผลผ่าตัด จนต้องหลับตาลง

“ปิ่นมุก ปรางลิษา เมธากาญจน์”

“หนูไม่รู้ว่าคุณเป็นใครและไม่รู้ว่าตัวคือใคร”

“คนไข้อาจยังงงอยู่ค่ะอุบัติเหตุค่อนข้างรุนแรง แต่โชคดีที่ไม่มีบาดแผลภายในร้ายแรงผ่าตัดเอาเลือดคั่งในสมองออก เดี๋ยวคุณหมอมาแล้วค่ะ” พยาบาลชะงักเล็กน้อยก่อนรีบฝืนยิ้ม

เธอพยายามประมวลผล แต่มันไม่มีอะไรเลยภาพในหัวเงียบเชียบ ว่างเปล่าไม่แม้แต่จะนึกออกว่าเธออยู่ที่ไหน หรือมาก่อนหน้านี้ทำอะไร

“จากการตรวจผลสมองและระบบประสาททั้งหมดแล้ว คนไข้มีภาวะสูญเสียความจำหลังเกิดอุบัติเหตุหมายถึงช่วงเวลาตั้งแต่ได้รับบาดเจ็บจนกระทั่งความจำกลับมาเป็นปกติอย่างต่อเนื่องหลังจากเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ ในช่วงเวลานี้ ผู้ป่วยอาจประสบกับความจำบกพร่อง”

เสียงของคุณหมอดังก้องในห้องพักผู้ป่วยพิเศษ สีหน้าของคุณหมอผู้มีแว่นบางๆ บ่งบอกถึงความพยายามจะให้กำลังใจ แต่คำพูดกลับฟังดูเหมือนคำเตือนที่ห่อด้วยกระดาษสีพาสเทล

“ลูกสาวฉันจะหายดีไหมคะ”

“โดยปกติผู้ป่วยจะเริ่มจำสิ่งต่างๆ ได้ทีละเล็กละน้อยในช่วง 3-6 เดือนแรกครับ แต่ก็มีบางรายที่ความทรงจำอาจไม่กลับมาเลยตลอดชีวิต”

ปิ่นปักแทบจะเป็นลมให้ได้เกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวสุดที่รักของเธอ หรือมีอะไรกระทบกระเทือนจิตใจกันแน่ คนเป็นแม่ที่ทำแต่งานจนละเลยลูกรู้สึกผิด

“คุณปิ่นโชคดีแล้วค่ะที่คุณมุกเธอตื่นขึ้นมาได้ ความทรงจำเราสร้างกันใหม่ก็ได้” ทรายแก้วให้กำลังใจเจ้านายอยู่ไม่ห่าง เธอเองก็รักเคารพปิ่นมุกไม่ต่างจากเจ้านายคนหนึ่ง

“ปิ่นมุกอาการดีขึ้นเธอรีบไปเตรียมเอกสารเดินทางฉันจะส่งลูกไปรักษาตัวต่อที่ต่างประเทศ”

“คุณปิ่นสงสัยอะไรคะ”

“สงสัยทำไมปิ่นมุกดื่มเหล้าเมาขนาดนั้นทั้งๆ ที่ไม่ใช่คนดื่มและคนชนก็หนีไป คนเราต้องมีเรื่องเครียดอะไรถึงได้ดื่มหนัก” ปิ่นปักตั้งคำถาม

“อกหักค่ะทรายก็เคยเป็น” ทรายแก้วไม่พูดต่อปิ่นมุกไม่เคยคบใครเป็นคนแรกข้อนี้น่าจะถูกตัดออกไป

“เหลวไหลปิ่นมุกจะรักใครได้ ตามเรื่องรถคันนั้นด้วยใจดำมากที่ไม่ลงมาดู”

“ทรายจะรีบจัดการค่ะ”

.

เสียงสัญญาณไม่มีผู้รับสายดังขึ้นอีกครั้ง ธรรศชวินโยนโทรศัพท์ลงบนโชฟาในห้องทำงาน หัวใจเขาเต้นแรงจนหายใจแทบไม่ทันนี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วในสามวันที่ผ่านมา เขาโทรหาเธอวันละหลายสิบสาย แต่ปลายทางเงียบสนิทราวกับเธอลบตัวเองออกจากโลกนี้ไป

“หายไปไหนปิ่นมุกบอกว่ารักผมนักหนา!”

มือของเขากำโทรศัพท์แน่นกว่าเดิม ใจมันร้อนรุ่มจนแทบระเบิด ถ้าเธอโกรธเขายังเข้าใจได้ แต่การตัดขาดแบบไม่เหลือแม้กระทั่งข้อความเดียว มันไม่ใช่ปิ่นมุกไม่ใช่เธอที่เขารู้จัก

หรือว่าคำถามอันตรายผุดขึ้นมาในใจอีกครั้ง เธอท้องจริงๆ อย่างที่พูด และเลือกจะหายไปจากชีวิตเขาเพราะเรื่องนั้นงั้นเหรอ

ริมฝีปากเขาขบแน่นความรู้สึกเจ็บร้าววิ่งแล่นผ่านอกซ้ายเขาควรจะโกรธ แต่กลับรู้สึกเหมือนคนที่กำลังจะเสียบางอย่างสำคัญไปอย่างไม่มีวันได้กลับคืน

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทันที แต่ไม่ใช่สายจากปิ่นมุก เขาไม่ยอมกดรับแต่ปลายสายพยายามติดต่อมาอีกครั้ง จนเขาต้องตัดความรำคาญ

“คุณวินซ์คะเย็นนี้คุณแม่จองร้านอาหารไว้แล้วนะคะ อย่าลืมไปทานข้าวด้วยกัน” เสียงหวานจากคู่หมั้นของเขาดังขึ้นความสัมพันธ์ของเขากับเธอคือหมั้นหมายทางสังคมไม่ใช่หัวใจ

“ผมยังไม่ว่าง” เขาตอบห้วนๆ

“แต่นี่คือเรื่องของครอบครัวนะคะเราหมั้นกันแล้ว คุณไม่ควรเมินเฉยแบบนี้คุณกำลังทำให้อลิสขายหน้า”

ธรรศชวินหลับตากดขมับพยายามสะกดอารมณ์ ความรู้สึกติดค้างเรื่องปิ่นมุกยังไม่ทันจาง คู่หมั้นก็เริ่มทำตัวเหมือนควบคุมทุกอย่างในชีวิตเขา

เพียงสามวันหลังจากหมั้นอลิสาก็เริ่มโทรจิก ส่งข้อความทุกชั่วโมง จัดตารางอาหารกลางวันกับว่าที่แม่สามีราวกับเขาคือของตายที่ต้องทำตามกรอบชีวิตที่วางไว้

“ผมไม่เคยตกลงเรื่องนี้กับคุณจำไว้นะอลิสา การหมั้นไม่ใช่กรงขังและผมก็ไม่ได้เต็มใจ”

เขาวางสายทันทีโดยไม่รอคำตอบ แล้วเปิดหน้าจอไปที่แชทของปิ่นมุกอีกครั้ง มือเลื่อนไปยังข้อความสุดท้ายที่เขาส่งก่อนที่เธอจะหายไป

“ปิ่นมุกคุณไม่จำเป็นต้องหนี แค่บอกความจริงกับผม ผมจะรับผิดชอบทุกอย่าง”

แต่เธอไม่ตอบไม่มีแม้แต่เครื่องหมายว่าได้อ่าน เขาทรุดตัวลงบนโชฟาอย่างหมดแรง ความเงียบกัดกินใจช้าๆ ถ้าเธอหายไปจากชีวิตเขาตลอดกาลล่ะ

“มุกรักเราจะตายไม่มีทางไปจากชีวิตเราได้หรอก รออีกหน่อยน่าจะติดต่อกลับมา”

เขาคิดแบบนั้นว่าหญิงสาวหายโกรธคงจะรีบมาหาเขาแต่ทุกอย่างกลับเงียบไป จากวันกลายเป็นเดือนจากเดือนกลายเป็นปี ที่ปิ่นมุกหายไปจากชีวิตของเขา

ที่ผ่านมาเขาลืมเธอไม่ได้เลยจริงๆ และเริ่มหลบหน้าคู่หมั้นตัวเอง ชีวิตของเขาเหมือนอยู่กับคำแช่งของปิ่นมุกตลอดเวลา

“ตอนนี้ก็ลืมไม่ลงเมื่อไหร่คุณจะกลับมาหาผมปิ่นมุก หากคุณกลับมาคราวนี้ผมจะกอดคุณไว้ให้แน่น”

เขาหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้าไม่ใช่จากงานแต่เกิดจากครอบครัวของเขาเอง เพราะคำว่าหน้าที่มันทำให้เขาต้องแบกรับทุกอย่างไว้ อีกไม่นานก็ถึงเวลาที่เขาต้องทำเพื่อตัวเองแล้ว

ฤดูใบไม้ผลิของประเทศอังกฤษงดงามอย่างเงียบสงบ ลมเย็นปะทะหน้าต่างห้องสมุดเล็กๆ ริมสวนสาธารณะในเมืองเล็กๆ ที่ปิ่นมุกอาศัยอยู่แสงแดดสีอ่อนโปรยลงบนหน้ากระดาษที่เปิดค้างไว้

ปิ่นมุกนั่งนิ่งอยู่ที่มุมประจำโต๊ะไม้ใกล้หน้าต่าง ดวงตาเรียวทอดมองออกไปยังท้องฟ้าสีฟ้าอ่อนปนหม่น เธอไม่ได้อ่านหนังสือจริงๆ เพียงแต่เปิดมันไว้เพราะไม่อยากให้ใครถามว่าเธอกำลังเหม่ออะไร

เพราะตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาเธอมักฝันถึงผู้ชายคนหนึ่งในฝันนั้นเขาไม่เคยพูดอะไรออกมาชัดเจนเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น มองเธอด้วยแววตาเศร้าจนใจเธอเจ็บ ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาเธอจะน้ำตาเปียกแก้มโดยไม่รู้ว่าเพราะอะไร

ผู้ชายคนนั้นไม่เคยบอกชื่อ แต่มีบางอย่างในแววตาของเขาที่เหมือนเรียกเธอกลับไป กลับไปที่ไหนสักแห่งที่เธอก็ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน

เธอพยายามไม่คิดมากพยายามเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ความรู้สึกเหมือนเธอไม่ใช่ตัวเองมันยังอยู่

ปิ่นมุกเงยหน้าจากหนังสือมองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกที่อยู่ไกลๆ ติดผนังของห้อง เธอจำได้แล้วว่าชื่อปรางลิษา เพราะเอกสารระบุไว้ตามนั้นมีรูปเก่าที่ส่งมาจากเมืองไทย

เธอหลับตาลงอย่างช้าๆ ความรู้สึกแน่นอกแล่นผ่านมาอีกครั้งผู้ชายคนนั้นทำให้เธอร้องไห้ในฝันทำให้เธอเจ็บ แต่หัวใจเธอกลับรู้สึกเหมือนกำลังรอเขา

“ปิ่นมุกเตรียมเอกสารเสร็จหรือยัง”

“มุกเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วค่ะ”

“แม่จะรอรับลูกน่ะ กลับบ้านเรากัน” ปิ่นปักรอวันนี้มานานแสนนาน เวลาผ่านไปหนึ่งปีลูกสาวก็จำอะไรไม่ได้เลย แต่เธอไม่เครียดอีกต่อไป

“มุกคิดถึงคุณแม่นะคะ”

“ดูแลสุขภาพด้วยนะ”

ปิ่นมุกวางสายจากแม่ถึงเวลาที่เธอต้องกลับเมืองไทยแล้ว แม่ทำงานหนักคนเดียวมาตลอดเธอเป็นลูกควรจะช่วยเหลือแม่บ้าง

“ไม่ว่าคุณจะเป็นใครฉันขอไม่รู้จักคุณอีกต่อไป” แม่ยืนยันว่าเธอไม่มีคนรัก แต่ความรู้สึกลึกๆ มันบ่งบอกว่าเธอมีเรื่องที่ติดค้างในใจ ในเมื่อจำเรื่องราวที่ผ่านมาไม่ได้แล้วก็ขอให้มันจบไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel