CHAPTER 2 เป็นแค่คู่นอน
เรื่องราววันนั้นเกิดเป็นจุดเริ่มต้นของข้อตกลงที่ไม่มีสถานะ ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเริ่มต้นหลังทันทีในค่ำคืนนั้น หลังจากวันนั้นธรรศชวินไม่ได้ใช้คำว่าจีบ ไม่เคยเอ่ยปากขอเธอเป็นแฟน แต่พวกเขาก็มักจะเจอเพื่อมีอะไรกันตลอด
“อื้อ พี่วินซ์” ปิ่นมุกกอดเขาไว้แน่นยามที่ทั้งสองเสร็จสมพร้อมกัน เขาเงยหน้าขึ้นมาและหอมแก้มเธอเบาๆ ทั้งสองข้าง และลุกออกจากตัวหญิงสาวพร้อมกับประโยคที่เขาคิดว่าตัวเองคิดดีแล้ว
“ผมอยากให้เราสองคนเจอกันแค่ในเวลาที่ผมต้องการเท่านั้น”
คำพูดของเขาไม่ได้มีน้ำเสียงเยาะหยัน ไม่มีแม้แต่ความลังเลหรือความรู้สึกผิด ตรงไปตรงมาเย็นชา และเด็ดขาดอย่างคนที่รู้ว่าตัวเองมีอำนาจเหนือทุกอย่างในห้องนั้น
“หมายความว่ายังไงคะ” ปิ่นมุกเงยหน้ามองเขา ดวงตาคู่นั้นยังคงหล่อหลอมเธอได้เสมอ ไม่ว่าเขาจะพูดคำไหนออกมา และแม้ว่าในถ้อยคำที่หล่นจากริมฝีปากของเขาจะไม่มีคำว่ารักเลยสักนิดเดียว
“หมายถึงเป็นแค่คู่นอน เราเจอกันตอนที่ยอมต้องการคุณเท่านั้น”
“ที่พี่วินซ์เข้ามาจีบมุกเพราะต้องการเรื่องแบบนี้เท่านั้นเหรอคะ” เธอถามเสียงเบาจนแทบเป็นกระซิบ ที่ผ่านมาหลงดีใจคิดว่าเขารักเธอเสียอีก
ธรรศชวินไม่ได้ตอบ เขาเพียงเดินเข้ามาใกล้จนระยะห่างแทบไม่มีเหลือ ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นเกลี่ยปอยผมของเธอเบาๆ แล้วกระซิบเบาๆ
“คุณเป็นคนสวยปิ่นมุก แต่แค่เป็นดอกไม้ที่หยิบขึ้นมาดอมดมได้ง่าย” เขาเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้เธอเบาๆ และพูดประโยคต่อมา
“ถ้าหากคุณรับไม่ได้เราก็ต่างคนต่างไป”
“ไม่นะคะมุกรักคุณ ฮึก~ มุกยอมทุกอย่าง” เธอกอดเขาแน่นตลอดสามเดือนที่ผ่านมาเธอมีความสุขมาก และตอนนี้จะไม่ยอมเสียเขาไปเด็ดขาด
“คุณจะให้มุกเป็นอะไรมุกก็ยอม”
“แค่เป็นของผมก็พอ”
แต่เธอกลับพยักหน้ายอมรับข้อตกลงเงียบๆ โดยไม่ถามอะไรอีก
บางทีเพราะความรักของเธอมันไม่ต้องการเหตุผล หรือบางที เธอแค่อยากอยู่เคียงข้างผู้ชายที่เคยมองเห็นเธอในวันที่เธอรู้สึกไร้ค่า
เธอแค่อยากมีตัวตนสำหรับเขา แม้เพียงเศษเสี้ยวของความรู้สึก แม้ต้องเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่าในโลกของธรรศชวิน เธอไม่ใช่คนสำคัญ
หนึ่งปีผ่านไปเร็วอย่างน่ากลัว แต่ช้าอย่างเจ็บปวดหนึ่งปีที่ปิ่นมุกยอมลดศักดิ์ศรีของตัวเองลงเหลือเพียงคนที่เขาเรียกหาเมื่อว่างจากงาน
ไม่มีสถานะไม่มีคำว่ารัก ไม่มีแม้กระทั่งคำว่าสำคัญ แต่เธอก็ยังอยู่อย่างเงียบงัน และซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง
ในทุกคืนที่แสงไฟสลัวลง เธอจะเป็นคนที่นอนอยู่ข้างเขา แต่ในทุกเช้าที่ฟ้ายังไม่สว่างดี เขาจะเป็นคนเดินจากไปก่อนเสมอ
เหมือนกับว่าความสัมพันธ์ของเธอมีอายุแค่กลางคืน และจะหมดอายุทุกครั้งเมื่ออาทิตย์ขึ้น
ปิ่นมุกเปลี่ยนตัวเองแทบทุกอย่างเพื่อเขา จากหญิงสาวเสียงใสกลายเป็นผู้หญิงพูดน้อยเรียบร้อย และไม่เคยเรียกร้อง
เธอเปลี่ยนวิธีแต่งตัวให้ดูแพงแต่ไม่โดดเด่น เปลี่ยนรสนิยมการกินให้เข้ากับร้านที่เขาชอบกระทั่งรอยยิ้ม เธอยังต้องฝึกให้พอดี ไม่อ่อนหวานเกินไปจนเขารำคาญ ไม่เย็นชาจนเขารู้สึกเบื่อ
เธอพยายามทุกอย่างเพราะเธอรัก เธอยอมเป็นเมียลับในเงามืด ในขณะที่เขามีผู้หญิงมากหน้าหลายตาในงานสังคม ทุกคนล้วนสวยเด่นและมีชื่อเสียง
แต่ไม่มีใครรู้เลยว่า ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งกำลังรอเขาอยู่ที่ห้องเงียบๆ ทุกคืน รอด้วยความหวังว่าบางที คืนนี้เขาอาจจะกลับมากอดเธอแน่นขึ้น
พูดจานุ่มนวลขึ้น หรือแค่มองเธอด้วยสายตาที่ต่างออกไปจากเดิม
“ความรักจะทำให้เขาเปลี่ยนไปได้ในสักวัน”
เธอย้ำกับตัวเองแบบนั้นทุกครั้งที่ได้กลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงคนอื่นติดมาบนตัวเขา ทุกครั้งที่ต้องนั่งรอเขากลับมาจนเช้า และทุกครั้งที่ได้ยินข่าวลือว่าเขากำลังจะหมั้นกับใครอีกคน
เธอยังเชื่อแม้หัวใจของเธอจะแหลกเป็นเสี่ยง เพราะบางครั้ง ความรักที่มากเกินไปก็ทำให้คนเรายอมแม้จะไม่ได้อะไรตอบแทนเลยก็ตาม
“มุก มุกนั่งเหม่อคิดอะไรอยู่”
“เปล่าค่ะคุณแม่แขกสำคัญของคุณแม่ใกล้มาถึงหรือยังคะ” เธอหงุดหงิดเล็กน้อยเพราะถูกแม่บังคับให้มาทานข้าวกับแขกคำสำคัญ แต่เขาดันปล่อยให้พวกเธอรอนานเกือบยี่สิบนาที
“รถติดนิดหน่อยคุณคเชนทร์ใกล้ถึงแล้ว” ปิ่นปักอยากให้หนุ่มสาวทำความรู้จักกัน ตอนนี้ลูกสาวสมควรจะมีครอบครัวแล้ว
“ไม่มีมารยาทเอาเสียเลยปล่อยให้ผู้ใหญ่รอ”
“ปิ่นมุก! อย่าพูดแบบนี้อีกนะ”
“ขอโทษค่ะคุณแม่”
“สวัสดีครับคุณปิ่นปักขอโทษที่ให้รอนะครับ พอดีติดประชุมอยู่เล็กน้อย”
“ไม่เป็นไรคุณคเชนทร์ ฉันรู้ว่าช่วงนี้งานที่บริษัทแน่น ไหนๆ ก็มาถึงแล้วปิ่นมุกลูกสาวคนเดียวของฉันค่ะ อยากให้รู้จักกันไว้หน่อย พูดคุยกันเผื่อจะเข้ากันได้”
ปิ่นมุกชะงักมือตักข้าวทันที เธอหันมามองชายหนุ่มข้างหน้าเพียงเสี้ยววินาทีแล้วหันหน้ากลับไปทางจานข้าวเช่นเดิม ไม่แม้แต่จะกล่าวทักทาย
“สวัสดีครับคุณปิ่นมุก” คเชนทร์เอ่ยทักพร้อมรอยยิ้มสุภาพ
“ค่ะ” เสียงตอบสั้นและไร้อารมณ์จนอึดอัดเต็มโต๊ะ
“คเชนทร์เขาเป็นหุ้นส่วนใหม่ของบริษัทเรา เขาฉลาด ขยัน แถมยังบริหารงานเก่งมากๆ ลูกน่าจะลองพูดคุยกันดูบ้าง อย่าทำเหมือนคนอื่นเป็นอากาศแบบนี้สิ” ปิ่นปักยิ้มแห้งๆ ก่อนจะรีบกล่าวแทรก
“คุณแม่คะ มุกแค่อยากกินข้าวให้หมดไม่ได้คิดจะสัมภาษณ์ใครนะคะ” ปิ่นมุกพูดโดยไม่หันมองใคร น้ำเสียงนั้นแฝงความหงุดหงิดที่พยายามเก็บไว้เต็มที่
“ไม่เป็นไรครับคุณปิ่นปักผมเข้าใจ บางทีอาจจะต้องใช้เวลาหน่อย” คเชนทร์ชะงักเล็กน้อย แต่ยังยิ้มสุภาพเขาพอใจกับสาวน้อยตรงหน้า
ปิ่นปักหันไปยิ้มให้เขาอย่างขอบคุณ แต่พอหันกลับมามองลูกสาว แววตาเธอก็เปลี่ยนเป็นตำหนิทันที
“ถ้ายังทำตัวหยิ่งแบบนี้อยู่ ก็ไม่ต้องแปลกใจนะว่าทำไมถึงไม่มีใครเข้ามาจีบ!”
คำพูดนั้นทำเอาปิ่นมุกวางช้อนลงเสียงดัง เธอเงยหน้าขึ้นสบตาแม่ตรงๆ แล้วพูดชัดถ้อยชัดคำ
“เพราะมุกไม่ต้องการคนที่แม่เลือกให้ค่ะ โดยเฉพาะคนที่มุกเพิ่งรู้จักไม่ถึงห้านาที”
คเชนทร์เงียบลงทันที ส่วนปิ่นปักก็หน้าตึง บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเย็นวาบจนเหมือนใครเปิดแอร์ใส่กลางวงข้าว ปิ่นมุกลุกขึ้นช้าๆ พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพแต่น้ำแข็งจับ
“ขอโทษนะคะคุณคเชนทร์ มุกขอตัวก่อนค่ะ”
เธอเดินออกไปโดยไม่หันหลังกลับ ปล่อยให้โต๊ะอาหารที่ควรจะเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ กลับเหลือเพียงเสียงลมหายใจหนักๆ ของผู้ใหญ่ที่กำลังเริ่มหมดความอดทน
.
ยิ่งเวลาผ่านไปความหวังที่เคยถูกเก็บไว้ในใจลึกๆ ของปิ่นมุกก็เริ่มมอดลงเหมือนไฟที่ถูกปล่อยให้ดับไปเองอย่างช้าๆ ไม่มีมือไหนยื่นมาช่วยประคอง มีเพียงเขาที่ยังเดินเข้ามาในชีวิตเธอในฐานะเดิม คนที่ต้องการบางสิ่งจากเธอ แล้วจากไปเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
ทุกครั้งที่เขามาเธอก็ยังคงเปิดประตูรออย่างโง่เขลา เขาจะไม่อยู่จนเช้า เขาจะไม่กอดเธอไว้ในวันที่เธอร้องไห้ เขาจะไม่เอ่ยคำว่ารัก เขาจะไม่แม้แต่ถามว่าเธอสบายดีไหม
เขาแค่ต้องการร่างกายของเธอ ความอบอุ่นชั่วคราวแล้วกลับไปใช้ชีวิตของเขาเหมือนเธอไม่เคยมีตัวตน
“ค้างก่อนไหมคะดึกมากแล้ว” เธอพยายามจะรั้งเอาไว้ให้นานที่สุด
“ปิ่นมุกผมต้องกลับ”
“พี่วินซ์ไม่คิดจะเปิดใจให้มุกบ้างเหรอคะ ตอนเย็นคุณแม่พามุกไปรู้จักกับผู้ชายคนหนึ่ง” เธออยากให้เขาแสดงอาการหึงหวงออกมาบ้างว่าเธอสำคัญ
“ผมยินดีหากคุณเจอผู้ชายที่รักคุณจริง” เขาก้มลงเก็บเสื้อผ้าขึ้นมาสวมใส่ สายตาไม่ยอมมองปิ่นมุกที่นั่งร้องไห้อยู่บนเตียงกว้าง
“ผู้ชายที่ไหนเขาจะรักคนมีตำหนิแบบมุก” เธอเสียใจที่เขาไม่ยื้อไม่รั้ง และยังยกเธอให้คนอื่นอย่างง่ายดาย
“ผู้หญิงทุกคนเขามีคุณค่าในตัวเองคุณจะดูถูกตัวเองทำไม คุณกำลังงี่เง่า”
“มุกผิดตรงไหนที่งี่เง่าในเมื่อผัวตัวเองกำลังจะหมั้นกับคนอื่น!”
“ปิ่นมุกผมไม่ใช่ผะ...” เสียงของเขากลืนหายไปในลำคอ เสื้อของเขาถูกกระชากออกจากมือ ปิ่นมุกโผล่เข้ากอดและจูบริมฝีปากเขา
เขาจูบตอบเธอทันที ครั้งนี้เหมือนครั้งสุดท้ายที่เขาต้องลาจากเธอ มือผลักปิ่นมุกลงที่เตียงและขึ้นคร่อมเธอไว้ก่อนบทรักจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
