บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 โรคหวาดกลัวสตรี

“ท่านพี่ไปรอก่อนนะเจ้าคะ เดี๋ยวน้องไปยกสำรับมาให้”

“ไม่เป็นอะไร ให้พี่ไปช่วยเถิด เมื่อก่อน เรื่องพวกนี้พี่ก็ทำเอง”

“นั่นมันเมื่อก่อน แต่ตอนนี้ท่านพี่แต่งงานมีภรรยาแล้ว ก็ต้องให้น้องปรนนิบัติสิเจ้าคะ”

ได้ยินเช่นนั้น ฮั่นหยางจำต้องเดินไปรอที่โต๊ะกินข้าวในห้องโถง ไม่นานก็เห็นมี่อิงถือถาดเข้ามาพร้อมโถข้าวและจานผักดอง

แม้จะเป็นอาหารของคนยากจนที่กินอยู่ทุกวัน แต่วันนี้หลัวฮั่นหยางกลับรู้สึกว่ามันกลายเป็นอาหารชั้นยอด ผักดองถูกคั้นน้ำจนรสชาติพอดีกับข้าวต้ม ทั้งยังถูกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ซึ่งตอนที่ชายหนุ่มทำมันไม่ได้เป็นเช่นนี้

พอกินข้าวเสร็จ มี่อิงก็เก็บถ้วยเก็บชามล้าง ทำความสะอาดครัวอีกนิดหน่อย จากนั้นก็กลับเข้าห้อง

“อิงเอ๋อ”

“ท่านพี่”

ทั้งสองนั่งจ้องกันอยู่นานสองนาน พอบทจะเอ่ยปาก ก็ดันเอ่ยขึ้นพร้อมกัน “อิงเอ๋อพูดก่อนก็ได้”

“น้องอยากรู้เรื่องที่ท่านพี่บอกน้องก่อนจะออกไป”

พอได้ยินว่าภรรยาต้องการพูดเรื่องอะไร ร่างสูงก็เครียดขึงขึ้นมาทันที ทั้งยังเผลอกำมือที่วางอยู่บนโต๊ะแน่น และท่าทางเช่นนี้ก็ไม่รอดพ้นสายตาของมี่อิง

“ท่านพี่ ใจเย็นเจ้าค่ะ อิงเอ๋อไม่ได้มีเจตนาจะหลบลู่หรือดูถูกท่าน และไม่คิดจะทำให้ท่านพี่อับอาย แต่พวกเราแต่งงานกันแล้ว ก็ย่อมเหมือนคนคนเดียวกัน ท่านพี่มีอะไรก็ควรบอกน้องตรงๆ อิงเอ๋อรับได้ทุกอย่างเจ้าค่ะ”

ฝ่ามือที่กำแน่น ค่อยๆ คลายออก ช้าๆ แต่ฮั่นหยางยังไม่กล้ามองสบตาภรรยาอยู่ดี ยิ่งเห็นทุกอย่างที่นางทำในวันนี้ ก็ยิ่งรู้สึกผิดอย่างรุนแรง “ข้าต้องขอโทษ ที่ดึงเจ้ามาลำบาก”

“ใครว่า ออกจะสบายจะตาย จวนก็ใหญ่ แถมไม่มีคนมาวุ่นวายให้ปวดหัว ไม่เอาเรื่องนี้สิเจ้าคะ เอาเรื่องตรงนั้นของท่าน”

พอถูกเด็กสาวเอ่ยออกมาตรงๆ ลำคอไปจนถึงใบหูของฮั่นหยางก็เริ่มแดงขึ้น แต่ประโยคถัดมาของมี่อิงกลับทำสีแดงให้ลามไปถึงใบหน้า

“ที่ว่ามันไม่แข็ง ท่านพี่เคยลองหลับนอนกับสตรีหรือยังเจ้าคะ”

“เอ่อ อิงเอ๋อ นี่พวกเราต้องคุยเรื่องนี้กันจริงๆ ใช่ไหม”

“ใช่เจ้าค่ะ เพราะมันสำคัญกับเราสองคนมาก อย่าลืมสิเจ้าคะ ชีวิตของน้องทั้งชีวิต เวลานี้ฝากไว้กับท่านแล้ว”

มีหรือสาวโบ๊ะจะยอมแพ้ ถึงแม้ว่าจะทำอะไรไม่ได้ แต่ขอแค่ให้ได้เห็นเป็นค่ามัดจำก่อนก็ยังดี จะได้มีแรงปั่น

หลังจากจบประโยคนั้น ทั้งสองต่างก็พากันนั่งเงียบอยู่นาน มี่อิงรออย่างใจเย็น จนกระทั่งฮั่นหยางยอมเอ่ยปาก

“ในตอนที่ข้าอายุได้สิบสาม หลังจากที่ท่านพ่อเสีย ท่านแม่ก็เกิดเป็นลมล้มหัวกระแทกพื้น ข้าอุ้มท่านแม่ไปหาหมอรอบเมือง แต่ไม่มีหมอคนไหนยอมรักษาให้ เพราะข้าไม่มีเงิน”

“พอฝนใกล้ตก ข้าเลยรีบอุ้มท่านแม่ไปหลบฝนใต้ชายคาบ้านของหญิงม้ายผู้หนึ่ง อยู่ๆ นางก็สั่งให้คนรับใช้มาเรียกข้าเข้าไปหลบฝนข้างใน”

“ด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าท่านแม่จะทรุดหนัก ข้าจึงรีบตามสาวใช้ผู้นั้นเข้าไป พอเจอกับหญิงม่าย ข้าก็ขอบคุณนางยกใหญ่ หลังจากนั้น นางก็บอกกับข้าว่า หากข้าปรนนิบัตินางหนึ่งคืน นางจะรีบให้คนไปตามหมอมารักษาท่านแม่และยังจะให้เงินกลับบ้านด้วย”

“เพราะความที่ไม่เข้าใจคำว่าปรนนิบัติ ข้าก็เลยรับข้อเสนออย่างรวดเร็ว หรือต่อให้รู้ แต่เวลานั้น ข้าก็คงต้องรับอยู่ดี”

“หลังจากถูกนางบังคับให้หลับนอนด้วยทั้งคืนจนข้าหมดแรง ตั้งแต่บัดนั้นข้าก็...”

“ท่านพี่เลยเป็นโรคหวาดกลัวสตรี” มีอิงเป็นฝ่ายต่อประโยคที่เหลือให้ จนฮั่นหยางต้องพยักหน้ารับช้าๆ

“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ยากนี่เจ้าคะ พวกเรามาลองดูก่อนก็ได้ นี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว บางทีอาจจะหายแล้วก็ได้นะ”

“ไม่หรอก เมื่อไม่นานมานี้ ข้าเคยไปหาหมอผู้หนึ่ง คนผู้นั้นไม่เพียงบอกว่ารักษาไม่ได้ แต่ยังเอาเรื่องของข้าไปเล่าให้คนอื่นฟัง จนกลายเป็นข่าวลืออย่างทุกวันนี้”

ปั้ง! “ไอ้เชี้ย! เลวจริงๆ”

ได้ยินว่าคนหล่อโดนรังแก สาวโบ๊ะก็สวมวิญญาณกะเทยห้าวหาญด้วยความลืมตัว ตบโต๊ะเสียงดัง สบถด่าหยาบคาย ทั้งยังถกแขนเสื้อขึ้นวางท่าอย่างกับนักเลงโต “ไอ้หมอผู้นั้นมันเป็นใคร ท่านพี่บอกน้องมา เดี๋ยวน้องจะไปชกหน้ามันเอง!”

ฮั่นหยางได้แต่นั่งกะพริบตาปริบๆ ทำอะไรไม่ถูก “เอ่อ อิงเอ๋อ?”

“อุ้ย! แหะ ขออภัยเจ้าค่ะ พอดีน้องโกรธจนลืมตัวไปหน่อย แต่มันน่าโมโหจริงๆ นะเจ้าคะ”

“อืม พี่รู้ แต่หมอผู้นั้นมีเส้นสาย ทั้งยังรู้จักคนใหญ่คนโต พี่เลยทำอะไรไม่ได้ อีกอย่าง ข่าวลือก็ไปเร็วมาก ไม่นานก็รู้กันทั้งเมือง”

ยิ่งพูดฮั่นหยางก็เหมือนจะยิ่งเอ่ยปากได้คล่องขึ้น ราวกับคนตรงหน้าคือสหายที่เป็นบุรุษเหมือนกันหาใช่สตรี ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการวางตัวของมี่อิงหรือเพราะอะไรกันแน่ ฮั่นหยางถึงได้รู้สึกสนิทสนมกับอีกคนรวดเร็วเช่นนี้

“หึ! เล่นกันตรงๆ ไม่ได้ ก็เล่นงานทางอ้อมสิเจ้าคะ ว่าแต่เหตุใดท่านพี่ถึงปล่อยจวนให้รกร้างเช่นนี้ล่ะเจ้าคะ หรือว่าเพราะข่าวลือนั่นก็เลยไม่อยากจ้างบ่าวไพร่”

“ไม่ใช่หรอก แต่เพราะพี่เป็นแค่คนรับจ้างจดบัญชีในร้านขายข้าวสาร เงินทองที่ได้มาต้องเก็บไว้รักษาท่านแม่ ก็เลยไม่พอจ้างคนงาน”

“ท่านพี่ได้เดือนละเท่าไหร่เจ้าคะ”

“สามสิบอีแปะ”

มี่อิงถึงกับอ้าปากค้าง เพราะจากความทรงจำในร่างเดิม คุณหนูฉวีอยู่บ้านเฉยๆ ยังได้รับเงินเดือนเดือนละสองตำลึงเงินเลย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเถ้าแก่ร้านข้าวผู้นั้นเอาเปรียบกดขี่แรงงาน ไม่ได้แล้ว เห็นทีว่าคงต้องจัดการอีกหลายเรื่อง พอมารู้อย่างนี้ โบ๊ะถึงกับลืมเรื่องปั่นจรวดไปเสียสนิท “เออ จริงสิ ข้าวสารที่บ้านหมด แล้วตอนนี้ท่านพี่มีเงินอยู่เท่าไหร่เจ้าคะ”

ฮั่นหยางส่ายหน้า ก่อนจะมองมาที่ภรรยาด้วยสายตารู้สึกผิด “ข้าพึ่งใช้เงินหมดไปกับการแต่งงานของเรา ขอโทษนะอิงเอ๋อ สามีอย่างข้าคงทำเจ้าลำบากแล้ว”

“เอาอีกแล้ว ก็บอกแล้วไง ว่าพวกเราก็เหมือนคนคนเดียวกัน ท่านพี่ ท่านไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้วนะเจ้าคะ ไม่จำเป็นต้องคิดคนเดียว ยังมีน้องอยู่อีกคน ยังไงเสีย สองหัวก็ย่อมดีกว่าหัวเดียว เดี๋ยวขอน้องคิดก่อนนะ ว่าจะเอาไงดี”

ใบหน้างามล้ำเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหลายอารมณ์ เดิมที รูปร่างหน้าตาของฉวีมี่อิงก็งดงามอยู่แล้ว ยิ่งมาได้สาวโบ๊ะ กระเทยควายที่มีอารมณ์อ่อนไหวเข้าร่าง ก็เลยยิ่งเพิ่มเสน่ห์ที่หายากเข้าไปอีก ทำให้ฮั่นหยางมองเสียจนเพลิน กระทั่งแววตาเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนโดยไม่รู้ตัว

“อ่า นึกออกแล้ว น้องมีสินเดิมนี่เจ้าคะ”

“ไม่ได้นะ!” ชายหนุ่มเอ่ยขัดโดยไม่รอฟังว่านางจะพูดอะไรต่อ

“ทำไมเล่าเจ้าคะ ท่านพี่ ศักดิ์ศรีคนเรามันกินไม่ได้หรอกนะเจ้าคะ ข้าวของพวกนั้นเป็นแค่ของนอกกาย เก็บไว้ตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์สู้ขายเอามาลงทุนดีกว่า พอเราร่ำรวยขึ้นเมื่อไหร่ ค่อยซื้อหาของที่ดีกว่ากลับมาใหม่ พี่ฮั่นหยาง เชื่ออิงเอ๋อนะเจ้าคะ”

มี่อิงยื่นมือไปกุมฝ่ามือหนาเอาไว้ มองชายหนุ่มด้วยสายตาอ้อนวอน ทำให้บุรุษที่ไม่เคยเข้าใกล้สตรีมาก่อนถึงกับใจอ่อนยวบ เผลอพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว

มี่อิงเลยใช้โอกาสนี้ลวนลามสามีด้วยการกอดอีกฝ่ายเสียเต็มรัก เท่านั้นยังไม่พอ ยังถูไถใบหน้ากับลาดไหล่ของอีกคนอย่างน่าเอ็นดู

“เอ่อ อะ..อิงเอ๋อ ฟ้าจะมืดแล้ว เดี๋ยวพี่ไปจุดเทียนก่อน”

พอเด็กสาวผละออก ฮั่นหยางก็รีบลุกไปจุดเทียนมือไม้สั่น และความเขินอายของชายหนุ่มก็สร้างความพอใจให้มี่อิงเป็นอย่างมาก จนอดไม่ได้ที่จะมองไปยังบั้นท้ายแกร่ง

“ถ้าอย่างนั้น น้องไปก่อไฟต้มน้ำก่อนนะเจ้าคะ พวกเราจะได้อาบน้ำกัน เดี๋ยวจะค่ำเสียก่อน”

“ไม่ต้อง เดี๋ยวพี่ไปทำเอง เจ้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว นั่งรออยู่ในห้องเถิด” เอ่ยจบฮั่นหยางก็แทบจะวิ่งออกจากห้อง ใบหน้าขาวใสเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม ความจริงฮั่นหยางแก่กว่าภรรยาตั้งห้าปี แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ในยามอยู่ต่อหน้ามี่อิง ถึงได้รู้สึกเหมือนตนเองอ่อนวัยกว่าก็ไม่รู้

มี่อิงนั่งมองชายหนุ่มตั้งแต่ที่หิ้วถังน้ำเข้ามา จนกระทั่งผสมน้ำจนเสร็จก็ยังไม่ยอมละสายตาจากร่างสูง ยิ่งมองก็ยิ่งหลงใหล ตั้งแต่เกิดมาจนกระทั่งตาย โบ๊ะก็พึ่งเคยเห็นผู้ชายหล่อขนาดนี้เป็นครั้งแรก

เส้นผมยาวดำเป็นเงา ไหล่กว้าง เอวสอบ ช่วงขายาว ยิ่งหน้าตายิ่งไม่ต้องพูดถึง คิ้วหนาจนมีรอยต่อที่หัวคิ้ว ขนตาดำขลับยาวเป็นแพ จมูกโด่งเป็นสัน พอมองไปถึงริมฝีปาก ร่างบอบบางก็รู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาเสียดื้อๆ นึกอยากจะลองจูบแลกลิ้นดูสักครั้ง ไม่รู้ว่าจะรู้สึกดีแค่ไหน

ด้วยความที่มัวแต่ลวนลามผู้อื่นทางสายตา ก็เลยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังมองมาเช่นกัน จนกระทั่ง...

“อิงเอ๋อ เอ่อ คือ..”

“หะ?”

ฮั่นหยางเห็นคนตัวเล็กไม่รู้ตัว ก็มองไปยังริมฝีปากบาง ชี้มืออย่างเก้ๆ กังๆ พอเห็นท่าทางเช่นนั้น มี่อิงถึงพึ่งรู้สึก รีบยกมือปาดน้ำลายตัวเอง ก่อนจะหันไปยิ้มแหยๆ ให้สามี

“เอ่อ น้ำอุ่นได้ที่แล้ว น้องอาบ...”

“อาบพร้อมกันสิเจ้าคะ น้องจะได้ถูหลังให้ท่านพี่ด้วย” มี่อิงรีบชิงเอ่ยขึ้นก่อนโดยไม่รอให้อีกคนเอ่ยจบ และไม่สนใจท่าทางกระอักกระอ่วนของฮั่นหยาง เดินเข้าไปจูงมือร่างสูงพาเข้าไปหลังฉาก

“น้องช่วยถอดชุดให้นะเจ้าคะ”

“อะ..อิงเอ๋อ พี่ว่า...”

“อื้อ! อย่าดื้อสิเจ้าคะ! พวกเราเป็นสามีภรรยากันแล้ว สักวันเรื่องพวกนี้ก็ต้องเกิด ก็แค่เร่งให้เร็วหน่อยจะเป็นไรไป อีกอย่างน้องจะได้ดูด้วย ว่าส่วนนั้นของท่านมีอาการเช่นไรบ้าง”

“ตะ..แต่”

“ไม่เอา ห้ามขัดใจน้องนะ!”

“อะ..อิงเอ๋อ ยะ..อย่า”

กว่าจะปล้ำถอดชุดกันจนเสร็จ ก็เล่นเอามี่อิงเหงื่อตก แต่ก็ถือว่าคุ้มมาก เพราะขนาดตอนสวมเสื้อผ้าก็ว่าฮั่นหยางน่ามองอยู่แล้ว พอยิ่งไม่ใส่อะไรเลย ก็ยิ่งน่ามองเข้าไปใหญ่

ในที่สุดสองร่างเปลือยเปล่าก็ได้ลงมานั่งในอ่าง มี่อิงถือโอกาสนั่งคร่อมลงบนตักของอีกฝ่ายในท่าล่อแหลม แต่ก็ทำได้เพียงลูบไล้ไปมา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel