ตอนที่ 3
ทว่าพรรณีก็ไม่ได้ซ้ำเติมลูกสาวให้ต้องเจ็บช้ำมากไปกว่านี้ทั้งที่รู้ดีว่าคนรักของเมษยาเป็นลูกชายมหาเศรษฐีซึ่งเธอทำใจไว้ก่อนแล้วว่าถึงที่สุดปลายทางเรื่องของซินเดอเรลล่าและเจ้าชายในนิทานนั้นไม่มีวันเป็นไปได้ในโลกแห่งความจริง เธอพยายามติเตือนลูกสาวว่าอย่าตั้งความหวังที่จะใช้ชีวิตร่วมกับคนที่มีฐานะแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว เธอรู้จักเด็กหนุ่มคนนั้น ลูกชายมหาเศรษฐีติดอันดับท็อป หล่อเหลาและรุ่มรวย ชีวิตอยู่บนกองเงินกองทองแต่กลับมาปลงใจให้เมษยา ลูกสาวของแม่บ้านทำขนมส่งขายหาเลี้ยงครอบครัวไปวันๆ พรรณีรู้ว่าครอบครัวของเขาไม่มีวันรับสะใภ้ไร้หัวนอนปลายเท้าอย่างเมษยาได้ และมันก็เป็นอย่างที่เธอคาดเดา เมษยาพบความผิดหวังครั้งใหญ่แถมเด็กหนุ่มคนนั้นก็หายไปจากชีวิต ทิ้งไว้แต่เลือดเนื้อเป็นตัวแทนของเศษความฝันที่ขาดวิ่น
พรรณีช่วยเลี้ยงดูหลานชายตัวน้อยและทุกวันผ่านไปกับการต้องเห็นเมษยายังร้องไห้เพราะความเศร้าเสียใจ มีลูกหนำซ้ำต้องออกจากการเรียนกลางคัน ทุกอย่างประดังเข้ามาในคราวเดียวและเวลาเท่านั้นจะช่วยเยียวยาทุกอย่างได้ พรรณีจ้องหน้าเปื้อนคราบน้ำตาบุตรสาวแล้วถอนใจ
“เมย์...ลืมเขาเถอะลูก ถ้าเขารักหนูเขาคงกลับมาหาหนูตั้งนานแล้ว เขาคงไม่รู้หรอกว่าหนูยังรอเขาอยู่ แต่...มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะลูก”
“แม่คะ...เมย์ถามอะไรแม่หน่อยซีคะ พ่อของเมย์ทิ้งแม่ไปอย่างนี้หรือเปล่าคะ”
คำถามนั้นทำให้คนฟังเงียบไป พรรณีมีสีหน้าลังเลชั่วครู่ก่อนตอบ
“ไม่...แม่เป็นคนตัดสินใจเดินออกมาเอง”
“ทำไมคะ...แม่ไม่รักพ่อเหรอคะ”
“รัก แต่...มันไม่มีวันเป็นไปได้”
“ทั้งที่มีเมย์แล้วอย่างนั้นเหรอคะ”
“แม่ตั้งใจเก็บเมย์ไว้ เหมือนที่เมย์ไม่คิดทำลายเลือดเนื้อตัวเองยังไงล่ะ”
“แม่อยากเจอพ่ออีกไหมคะ”
คำถามต่อมาทำให้พรรณีน้ำตาซึม ทว่าก็ยิ้มออกมาแม้เป็นรอยยิ้มขื่น
“ถ้าได้เจอแม่ก็ดีใจ”
“แม่อยากกลับไปอยู่กับพ่ออีกไหมคะ”
“บอกแล้วไงว่ามันไม่มีวันเป็นไปได้...ช่างเถอะ...แล้วเมย์ถามแม่เรื่องนี้ทำไม”
“เมย์แค่สงสัยว่าถ้าพ่อได้เจอแม่อีกพ่อจะยังจำแม่ได้หรือเปล่า เมย์คิดว่าพ่อคงไม่ลืมแม่หรอกนะคะ”
“คนเราทุกคนมีความทรงจำของตัวเอง มันอยู่ที่ว่าคนคนนั้นต้องการรำลึกถึงหรืออยากจะกลบฝังมันไว้ให้ลึกที่สุด แต่สุดท้ายแล้วมันจะยังคงอยู่กับเรา”
“แสดงว่าถึงแม้คนเราจะสูญเสียความทรงจำแต่สุดท้ายเราก็ยังมีสิ่งนั้นฝังอยู่กับตัวเองใช่ไหมคะ”
“เมย์พูดแบบนี้มีอะไรหรือเปล่าลูก”
พรรณีถามขณะเมษยาปาดน้ำตาบนแก้มและยิ้มออกมาอย่างเศร้าๆ
“เมย์แค่เดาไปเท่านั้นค่ะ เดาว่าถึงวันนี้ธามคงยังจำได้”
“ลูกพบเขาแล้วหรือ?...ลูกพบเขาที่ไหน แล้วเขาเห็นพีพีไหม”
“หนูเจอเขาค่ะ แต่...เขาจำอะไรไม่ได้”
“เพราะเขาไม่อยากจำ!” คราวนี้พรรณีน้ำตาไหลบ้าง สีหน้าแสดงความเจ็บใจออกมา “สุดท้ายแล้วมันก็เป็นอย่างนี้ เมย์ควรลืมธนบดินทร์ได้แล้วนะลูก ผู้ชายคนนั้นอยู่ไกลเกินฝันของลูก คิดเสียว่าเขาแค่ผ่านมาแล้วผ่าน เราต้องยืนหยัดด้วยตัวเองได้ แล้วสร้างความฝันใหม่เพื่อลูก อย่าจมอยู่กับความทรงจำเก่าๆ ที่รังแต่จะทำให้ต้องเสียใจอีกเลย”
เมษยาไม่ทันพูดอะไรต่อเสียงอ้อแอ้ของลูกชายก็ดังขึ้นทำให้พรรณีต้องรีบหันกลับไปดูและไกวเปลกล่อม หญิงสาวลุกจากที่นั่งและกลับเข้าห้องนอน ปล่อยให้มารดาดูแลเจ้าตัวน้อยดังเช่นที่เคยเป็น ร่างเล็กปิดประตูลงและหยิบนามบัตรในกระเป๋าสตางค์ใบเล็กขึ้นมาก่อนต่อสายโทรศัพท์และรอฟังเสียงตอบรับ
“ลี่เหรอ...พรุ่งนี้ลี่ว่างหรือเปล่า...เมย์อยากคุยกับลี่เรื่องธาม...จ้ะ...ที่ร้านเดิม...จ้ะ”
เธอวางสายและถอนหายใจกับรอยยิ้มบางเบาอย่างมีความหวังก่อนเปิดประตูเพื่อออกไปช่วยพรรณีดูแลดวงใจดวงน้อยของเธอ
