บทย่อ
การรอคอยเหมือนชั่วชีวิต เพื่อจะพบว่า...เขา...ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เมษยา นั่งรอ ธนบดินทร์ ตามที่เขาสัญญาว่าจะพาเธอหนีไปใช้ชีวิตร่วมกัน แต่...เกิดอุบัติเหตุขึ้นเสียก่อนทำให้เขาสูญเสียความทรงจำ โดยที่ไม่รู้เลยว่าคืนนั้น ผู้หญิงที่รักเขาเฝ้ารอคอยจะบอกสิ่งสำคัญอย่างที่สุดให้เขารับรู้
ตอนที่ 1
เมษยา ก้มลงมองร่างเล็กของเด็กน้อยวัยหกเดือนที่นอนหลับในผ้าคลุมกระต่ายสีฟ้าท่ามกลางบรรยากาศยามค่ำของปลายฤดูร้อนกลางเดือนพฤษภาคม ภายในสวนสาธารณะที่เธอเคยมานั่งที่นี่ เวลานี้เมื่อปีที่แล้ว ทว่าครั้งนั้นเธอมาที่นี่เพียงลำพังเพื่อรอคอย ใครสักคน แต่ ใครคนนั้น ไม่ได้มาตามนัดแม้ว่าเธอจะนั่งรอจนเช้าและต้องกลับบ้านพร้อมความผิดหวัง เมษยาก้มลงมองสิ่งที่เธอพากลับบ้านไปด้วยในวันนั้นกับความหวังที่ล่มสลาย เด็กน้อยที่ลืมตาดูโลกในวัยเพียงหกเดือนหลังจากเธอตัดสินใจว่าจะเลี้ยงดูเขาเพียงลำพังเมื่อความวาดหวังที่จะหนีไปสร้างครอบครัวกับ ใครคนหนึ่ง พังไม่เป็นท่า
“พีพี...คืนนี้ลูกหลับเก่ง ไม่กวนแม่เลย ลูก...น่ารักจริงๆ”
หญิงสาววัยย่างยี่สิบสองพึมพำกับตัวเอง นัยน์ตาสีน้ำตาลราวผลึกแก้วล้ำค่าเป็นประกายนุ่มนวลยามจับจ้องบนดวงหน้าเล็กของหนูน้อยในอ้อมกอด เธอยิ้มทุกครั้งที่ พฤษภา ลูกชายแย้มปากเล็กออกมาทั้งที่เปลือกตาบอบบางปิดสนิท ดวงหน้าสวยหวานใต้กรอบผมบ๊อบสั้นดำขลับเป็นสีกุหลาบเปล่งปลั่ง ริมฝีปากอิ่มระเรื่อสีชมพูขยับส่งเสียงร้องเพลงกล่อมเด็กเบา ๆ ท่ามกลางความเงียบเหงา แต่แล้วเสียงเพลงเบา ๆ นั้นหยุดลงเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา เมษยาเงยหน้าขึ้นและต้องชะงักนิ่งเมื่อเห็นว่าใครมาหยุดตรงหน้า
“พี่ธาม...”
ปากหญิงสาวระริกสั่นเพราะภาพตรงหน้าทำให้หัวใจของเธอเต้นรัวเร็ว ภาพของชายหนุ่มร่างสูงสง่าเกือบร้อยแปดสิบเซนติเมตรในชุดสูท ใบหน้าคมคร้ามที่เธอนยังจดจำเขาได้ไม่เคยลืมแม้เวลาผ่านไปนานนับปี แค่เพียงปีเดียวเท่านั้น หญิงสาวลุกขึ้นจากที่นั่งทั้งที่ยังโอบอุ้มทารกน้อยไว้แนบอก เธอยิ้มกว้าง เป็นยิ้มกว้างมากที่สุดเท่าที่เคยยิ้มนับจากวันนั้น เธอกำลังจะเรียกเขาอีกครั้งหากแต่ร่างสูงเอ่ยขึ้นว่า
“ขอโทษนะครับ...ไม่ทราบว่าคุณเห็นเพื่อนผมเดินมาทางนี้บ้างไหมครับ?”
คำถามนั้นทำให้เมษยาชะงัก หญิงสาวมองเขาเหมือนที่เขากำลังจ้องมองเธอ หากแต่นัยน์ตาดำยาวรีคู่นั้นกลับว่างเปล่า มันไม่ได้สะท้อนภาพเงาของเธอดังเช่นเคยเป็น
“ธาม...มาอยู่นี่เองหรือคะ”
เสียงหนึ่งแทรกเข้ามาและทำให้ชายหนุ่มหันกลับไปพร้อม ๆ กับที่เมษยามองตามเห็นหญิงสาวร่างระหงก้าวเข้ามาหยุดยืนข้างเขา
“ฉันตามหาคุณตั้งนานเลยค่ะ นึกว่าเดินไปทางไหน”
“ลิลลี่...ลิลลี่ใช่ไหม?”
เมษยาถามขึ้นและทำให้หญิงสาวคนนั้นหันมามอง ใบหน้าสวยหมดจดแสดงอาการตกใจเล็กน้อยก่อนกลับเป็นปกติ
“เมย์...เอ้อ...เมย์มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“เมย์พาลูกมานั่งเล่น”
“กลางค่ำกลางคืนอย่างนี้นะเหรอ...ละ...แล้วลูกของเมย์เหรอ ลี่ไม่เห็นรู้เลยว่าเมย์คลอดลูก”
“เมย์คลอดพีพีได้หกเดือนแล้ว...และก็...”
เมษยาหยุดคำพูดตัวเองพลางเหลือบมองใบหน้าคมคายของร่างสูงที่จ้องมองเธอราวกับเป็นคนแปลกหน้า เธออยากพูดอะไรมากมายหากแต่เขากลับเอ่ยขึ้นว่า
“นี่เพื่อนลิลลี่เหรอ?”
“ใช่...ใช่ค่ะ...เมษยา”
“ธาม...”
จำเมย์ไม่ได้เหรอ...คำพูดนั้นถูกลืนหายเข้าไปในลำคอเมื่อจู่ ๆ ร่างสูงใหญ่นิ่วหน้าและเอามือกุมศีรษะจนลิลลี่ต้องรีบเข้าไปประคองให้เขานั่งลง เมษยามองภาพนั้นด้วยความตระหนก เธอมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่เข้าใจและอยากร้องไห้แต่ต้องเก็บกลั้นไว้ ได้แค่มองลิลลี่ เพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันนานนับปีนั่งข้าง ๆ ชายหนุ่มและลูบแขนของเขาด้วยคาวมเป็นห่วง
“ธาม...ปวดหัวอีกแล้วเหรอคะ”
“ใช่...ผมนึกอะไรไม่ออกเลย ปวดหัวมาก...แต่ผมจำได้ว่าเคยมาที่นี่”
“ยังไม่ต้องรีบร้อนนะคะ คุณจะค่อย ๆ จำได้ อย่าเพิ่งนึกอะไรตอนนี้ มันอาจจะทำให้คุณเครียด...จะกลับเลยไหมคะ”
“ก็ได้...ผมอยากกลับตอนนี้ ผมปวดหัวมาก”
“ค่ะ...ฉันจะพาคุณกลับนะคะ”
ลิลลี่รับคำและช่วยพยุงเขาลุกขึ้น ทุกอย่างอยู่ในสายตาของเมษยาที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากกดร่างลูกน้อยที่ยังหลับสนิทแนบอก เธอตีบตัน งงงวยขณะเดินตามเพื่อนสนิทที่ช่วยพยุงร่างสูงกลับไปยังรถสปอร์ตหรูหราที่จอดอยู่ริมทางเท้า เมษยาตามไปอย่างเชื่องช้ากระทั่งลิลลี่พยุงร่างนั้นเข้าไปนั่งในรถและปิดประตูและหันกลับมา เธอยิ้มและพูดว่า
“ธามไม่สบาย”

