ตอนที่ 4 อยู่ในสายตาเสมอ
เช้าวันถัดไป
คฤหาสน์สิริวิไลศักดิ์อบอวลไปด้วยแสงแดดยามเช้าอ่อน ๆ ที่ส่องลอดม่านผ้าลูกไม้เข้ามาในห้องโถงใหญ่
หญิงสาวที่เพิ่งทานอาหารเช้าเรียบร้อย ยกมือไหว้พ่อแม่ก่อนจะเดินออกมาหน้าคฤหาสน์ เสียงเครื่องยนต์ที่คุ้นเคยดังแผ่วเบา ทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่าใครมา
บอดี้การ์ดส่วนตัวรีบเดินมาเปิดประตูรถให้ทันทีที่รถจอดสนิท
"สวัสดีค่ะ พี่วายุ" หญิงสาวส่งยิ้มบาง ๆ พลางยกมือไหว้อย่างสุภาพ
"สวัสดีครับ" ชายหนุ่มรับไหว้เธอด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะกวาดตามองเธออย่างไม่ปิดบัง
"มีอะไรรึเปล่าคะ?" หญิงสาวขมวดคิ้วน้อย ๆ เมื่อเห็นสายตานั้นมองเธอไม่หยุด
"เปล่าครับ พี่แค่ดูว่า... เด็กน้อยแต่งตัวเรียบร้อยดีรึยัง"
น้ำเสียงเจือแซวพร้อมแววตาเอ็นดูทำให้เธอเบะปากเบา ๆ พลางเอียงคอมองเขาอย่างจับผิด
วายุแสร้งเบือนหน้ามองออกไปนอกกระจก หวังกลบเกลื่อนอาการเขินของตัวเอง
ตลอดเส้นทางมีแต่เสียงหวานเจื้อยแจ้วของเด็กสาวขี้สงสัยที่ถามเขาไม่หยุด เสียงหัวเราะเบา ๆ กับคำถามน่ารักของเธอทำให้บรรยากาศในรถเต็มไปด้วยความสดใส จนทุกคนอดยิ้มตามไม่ได้
มหาวิทยาลัย
รถยนต์จอดสนิทบริเวณหน้าตึกคณะที่เธอเรียน บอดี้การ์ดลงจากรถประตูรถให้เธออย่างรู้หน้าที่
"สวัสดีค่ะ มิล่าไปเรียนก่อนนะคะ บ๊ายบาย" ก่อนลงจากรถเธอหันมาร่ำลาชายหนุ่มอย่างทุกครั้ง
"ครับ อย่าซนมากนะครับ...และก็อย่าให้ขายอื่นเข้าใกล้ด้วยนะเลิกเรียนแล้วพี่จะรอรับ" ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาทำท่าชูสองนิ้วจิ้มที่ตาตัวเองก่อนส่งไปให้หญิงสาวบอกในเชิงว่าเธออยู่ในสายตาเขาตลอดเวลา
"รับทราบค่ะ" หญิงสาวทำท่าก้มหัวให้ชายหนุ่มอย่างทะเล้น
"บ๊ายบาย" เธอลงจากรถแล้วแต่ยังคงโบกมือบ๊ายบายเขาอย่างกับเด็กน้อย
"ชิ...คนเจ้าระเบียบ" มิล่าสะบัดหน้าใส่เขาอย่างซุกซน ก่อนจะหมุนตัวเดินตรงเข้าตึกเรียนทันที
"มิล่า รอเราด้วย" หญิงสาวหยุดชะงักทันทีเมื่อได้ยินเสียงแหลมของเพื่อนสาวที่ดังมาทางข้างหลัง 'น้ำฟ้า'
"ตะโกนทำไมล่ะ คนมองหมดแล้วนะ!" มิล่าหันกลับมาดุเพื่อนเสียงเขียว
"ก็กลัวเธอไม่ได้ยินนิ รอด้วย" หญิงสาวหน้าแดงนิด ๆ ก่อนจะรีบสาวเท้าเดินหนีออกจากตรงนั้นแทบจะทันที
"อะ...อ้าวรอด้วย" น้ำฟ้ารีบวิ่งตามไปทันที เมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวเริ่มจะหนีเธอไปไกลทุกที
เวลา 11:00 น.
แสงแดดปลายเช้าส่องลอดต้นไม้หน้าอาคารเรียน หญิงสาวร่างบางเดินเคียงข้างเพื่อนสนิทไปยังโรงอาหาร เสียงพูดคุยของนักศึกษาดังคลออยู่รอบตัว แต่หัวใจของหญิงสาวกลับหนักอึ้งยิ่งกว่ากระเป๋าหนังสือที่สะพายไว้
เธอเดินเงียบ ราวกับจมหายอยู่ในความคิด เสียงหัวเราะจากเพื่อนรอบข้างดูห่างไกล ความอึดอัดที่เก็บงำไว้ตั้งแต่เมื่อคืนกำลังจะทะลักออกมา เธออยากระบาย... อยากให้ใครสักคนเข้าใจ
“น้ำฟ้า ฉันมีเรื่องจะปรึกษา” น้ำฟ้าที่กำลังเลือกของกินถึงกับหันขวับมามองด้วยความตกใจ เพราะตลอดเวลาที่รู้จักกันมา หญิงสาวแทบไม่เคยมีเรื่องทุกข์ใจอะไรเลย
“มีเรื่องอะไรเหรอ? ใครทำอะไรเธอ บอกฉันมา เดี๋ยวฉันจะไปจัดการให้!"
“ไม่ใช่แบบนั้น ไม่มีใครทำอะไรฉันหรอก” หญิงสาวรีบโบกมือห้ามเสียงเพื่อนที่เริ่มดังเกินเหตุ
“งั้นมีเรื่องอะไรล่ะ?” น้ำฟ้าถามอีกครั้งก่อนจะถูกเพื่อนลากไปนั่งที่โต๊ะอาหารอย่างรวดเร็ว
“ตกลงเธอเป็นอะไร?” น้ำฟ้านั่งลงพลางมองใบหน้าเครียดของเพื่อนสาวด้วยความห่วงใย
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพูดเบาแทบไม่เป็นเสียง
“ฉัน... ต้องหมั้นกับพี่วายุ”
“ห๊ะ!?” น้ำฟ้าอุทานเสียงดัง รีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน
“ทำไมต้องหมั้นด้วย?” เธอกระซิบถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เบาลง แต่เต็มไปด้วยความสงสัย
“เป็นความต้องการของผู้ใหญ่ แล้วพี่วายุก็ไม่ปฏิเสธอะไรเลย...” คำพูดของหญิงสาวหล่นตามมาพร้อมแววตาเศร้าสร้อย
“แล้วแกไม่อยากหมั้นเหรอ? พี่วายุหล่อจะตาย!” น้ำฟ้าทำท่าทางเขินอาย จนหญิงสาวทนไม่ไหวต้องหยิกแขนเพื่อนเบา ๆ ด้วยความหมั่นไส้
“โอ๊ย! เจ็บนะ”
“ฉันอยากได้คำปรึกษา ไม่ใช่ให้แกมานั่งเพ้อ!”
“ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่ แค่หมั้นเอง ยังไม่ใช่แต่งสักหน่อย...” คำพูดนั้นดูเหมือนจะปลอบใจ แต่มิล่ากลับเงียบลง เธอเหม่อมองออกไปนอกโรงอาหาร ดวงตาสะท้อนความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย
เธอไม่ได้กลัวการหมั้นหมาย...แต่กลัวว่านับจากนี้ ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิมอีก
“อย่าเครียดเลย ไปหาอะไรกินกันดีกว่า” น้ำฟ้ารั้งมือเพื่อนให้ลุกขึ้น ก่อนพากันไปต่อแถวซื้อของ
หลังจากได้ดื่มชานมเย็นแก้วโปรด รอยยิ้มบางก็เริ่มกลับมาแต้มที่มุมปากของหญิงสาว
“สดชื่นจังเลย~” น้ำเสียงเธอฟังดูผ่อนคลายกว่าเดิมมาก น้ำฟ้าเห็นเพื่อนเริ่มอารมณ์ดีจึงโล่งใจ
“ฉันจะอยู่ข้าง ๆ แกเองนะ” คำพูดนั้นมาพร้อมรอยยิ้มจริงใจของเพื่อนสนิท
“ขอบใจนะ” หญิงสาวตอบเบา ๆ พร้อมพยักหน้าให้น้ำฟ้าอย่างซาบซึ้ง
ด้านวายุ
ภายในห้องทำงานของบริษัท วายุเพิ่งประชุมเสร็จ ชายหนุ่มถอนหายใจพลางคลายเนกไทเล็กน้อย ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อส่งข้อความหาคนน้องทันที
“ทานข้าวเที่ยงรึยังครับ” เพียงพิมพ์เสร็จและกดส่ง เขาก็นั่งมองหน้าจอยิ้ม ๆ อย่างเงียบ ๆ
ติ้ง!
เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นแทบจะทันที
‘กำลังทานอยู่ค่ะ’ ตามมาด้วยภาพอาหารในกล่องข้าวบนโต๊ะโรงอาหารที่เธอส่งมาให้
‘พี่วายุทานรึยังคะ’
“ยังเลยครับ เพิ่งประชุมเสร็จเอง”
‘อย่าลืมทานนะคะ มิล่าเป็นห่วง’ เขายิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ เพียงประโยคสั้น ๆ ก็ทำให้หัวใจเขาอ่อนโยนลงได้อย่างประหลาด
“รับทราบครับ” เขาตอบกลับพร้อมรอยยิ้มที่ยังไม่เลือนจากใบหน้า
‘บายบ๊าย มิล่าขอทานข้าวก่อนนะคะ’ วายุหลุดหัวเราะเบา ๆ กับความน่ารักของเธอ ความเหนื่อยล้าจากการประชุมเมื่อครู่หายไปจนหมดสิ้น
“ครับ” เขาพูดกับหน้าจอเบา ๆ ราวกับอีกฝ่ายได้ยิน ก่อนจะวางโทรศัพท์ลง แล้วเรียกลูกน้องคนสนิทให้นำอาหารกลางวันมาให้
