3
“เสี่ยไม่เอาดอก เอาแต่ต้น”
“ไม่เอาดอกหรือคะ” ภาพิมลถามย้ำ กิตติศัพท์เรื่องเขี้ยวลากดินของเสี่ยทินระบือไกล ไม่เคยลดดอกให้ใคร พอถึงเวลาไม่มีเงินมาจ่าย ลูกหนี้ไม่โดนซ้อมก็ยึดข้าวของ
“ใช่ ไม่เอาดอกเบี้ย” จบคำตอบ อินทิยาเป็นฝ่ายรับเงินแทนเพื่อน
“ขอบคุณค่ะเสี่ย ขอบคุณมากๆ ค่ะที่ไม่เอาดอกเบี้ย”
อินทิยายกมือไหว้เสี่ยทิน นำเงินใส่กระเป๋าสะพายภาพิมล
“เสี่ยไม่เอาดอก จะไม่มีปัญหาหรือคะ เดี๋ยวเสี่ยก็บอกว่า โรสจ่ายหนี้ไม่ครบ” ภาพิมลสีหน้าเป็นกังวล
“ปกติเสี่ยไม่ลดดอกให้ใครนะ แต่เสี่ยสงสารโรสน่ะ ไม่ใช่หนี้ของตัวเองแท้ๆ แต่ตามเช็ดตามล้างให้พ่อกับแม่ตลอด และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกด้วย สำคัญที่สุดเท่าที่เสี่ยรู้มา โรสจ่ายหนี้ให้พ่อกับแม่หลายเจ้า” แวดวงเงินกู้ไม่แคบ แต่ถ้าละแวกนี้ต่างถึงกัน “ไม่ต้องคิดมาก เสี่ยให้โดยไม่มีเล่ห์เหลี่ยม สบายใจได้”
“ขอบคุณค่ะเสี่ย” ภาพิมลสบายใจ
“เสี่ยทินคะ ถ้าจะให้ดี อย่าให้เงินป้านางกับลุงเดชกู้นะคะ สงสารโรสน่ะค่ะ ถ้าโรสหาเงินมาใช้เสี่ยไม่ได้ เงินเสียปลิวไปเลยนะคะ” อินทิยาไม่อยากให้เพื่อนตามใช้หนี้บุพการี ที่ผ่านมาถือว่ามากเกินพอ
“ได้ เสี่ยก็ไม่อยากให้หรอก เก็บยาก” เสี่ยทินรับปาก
“ขอบคุณอีกครั้งค่ะเสี่ย โรสกับลินท์ขอตัวกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ” สองสาวยกมือไหว้เจ้าของสถานที่ จากนั้นพากันเดินออกไปจากบ้าน โดยมีสายตาเสี่ยทินมองตามไปด้วยความสงสารและเห็นใจ
“ฉันขอบใจแกมานะลินท์ที่ให้ยืมเงินน่ะ งั้นแกก็เอาคืนไปสี่พัน ฉันจะได้ติดหนี้แกแค่สองหมื่น” ทันทีที่เข้ามานั่งในรถยนต์ของอินทิยา ภาพิมลรีบหยิบเงินส่งคืนให้เพื่อนรัก
“แกเก็บไว้เถอะ ฉันรู้ว่าแกต้องใช้” อินทิยารับเงิน แต่ไม่ได้ใส่กระเป๋าตัวเอง หล่อนหย่อนเงินลงกระเป๋าเพื่อน “ฉันมี ไม่ได้เดือดร้อนอะไร แกเก็บไว้แหละ เอาไว้สำรอง”
“ขอบใจมากนะ งั้นฉันก็ติดหนี้แกสองหมื่นสี่เหมือนเดิม แถมมีหนี้เก่าอีก ฉันเกรงใจแกจัง”
“ย่ะ มีเมื่อไหร่ค่อยคืน ไม่มีก็ยังไม่ต้องคืน” อินทิยายิ้มให้เพื่อน “สำหรับแก ไม่ต้องคืนก็ได้ ฉันให้ไปเลย แล้วก็ไม่ต้องคิดมาก มันหนักสมอง”
“ไม่คืนไม่ได้หรอก รวมๆ แล้วก็เยอะนะ ถึงแกจะมีเงินเยอะก็เถอะ”
“ไม่เอาไม่พูดแล้ว เบื่อเสียงแก ไปรับกัปตันดีกว่า ฉันสัญญากับหลานไว้ว่า จะพาไปกินไอติม” ภาพิมลกำลังอ้าปากพูด ทว่าเสียงเจ้าของรถกลบเสียก่อน “ไม่ต้องพูดไงเล่า เงียบไปเลย เป็นผู้โดยสารที่ดีเข้าใจมั้ย”
อินทิยาขับรถออกจากจุดที่จอด มุ่งตรงไปยังโรงเรียนอนุบาลสันติวงศ์ เพื่อรับเด็กชายชลกวี หรือน้องกัปตัน ลูกชายสุดรักสุดหวงของภาพิมลกับลูกครึ่งไทยอิตาลี ผู้หล่อเหลา มาเฟียตัวร้ายแห่งกรุงโรม คนที่เขาไม่รู้ว่า วันที่ทั้งสองหย่ากัน ภาพิมลมีลูกของเขาอยู่ในครรภ์
หลังจากไปรับชลกวีที่โรงเรียน ภาพิมลกับอินทิยาพาเด็กชายมายังห้างสรรพสินค้าพารากอน จากความตั้งใจเดิมว่า จะไปกินไอศรีมในห้างใกล้บ้าน แผนเปลี่ยนเมื่อกานดา ผู้เป็นป้าของอินทิยา โทรมาไว้วานให้ตนไปรับกระเป๋าที่ส่งมาทำความสะอาดในห้างนี้ อินทิยาจึงพาหลานชายมากินไอศกรีมที่นี่
“อร่อยมั้ยครับหลานรักของป้า”
“อร่อยฮะป้าลินท์สุดสวย” นอกจากหน้าตาหล่อตั้งแต่เด็ก ยังฉลาดและปากหวานอีกด้วย คนถูกชมถึงกับยิ้มแก้มแทบแตก
“น่ารักและปากหวานอย่างนี้ เดี๋ยวคุณป้าลินท์สุดสวยพาไปซื้อของเล่นกับเสื้อผ้าดีมั้ยครับ”
“เย้ๆๆ ดีคับ ดี ดีที่สุดในสามโลกเลยฮะนางฟ้าของผม” เด็กชายปากหวานต่อเนื่อง ถูกอกถูกใจอินทิยามาก
“พอแล้วแก แกให้มาเยอะแล้ว ไม่ต้องซื้อหรอก ฉันเกรงใจแก”
“โอ๊ย เกรงจงเกรงใจทำไมล่ะ ฉันเป็นเพื่อนแกนะ แล้วก็เป็นป้าสุดสวยรวยเสน่ห์ของกัปตันด้วย แค่นี้ฉันจ่ายไหว” อินทิยาแย้งทันใด “ห้ามค้านนะ กินไอติมไปเถอะ”
ภาพิมลยิ้มให้เพื่อนสนิทที่ดีที่สุดของตน เพื่อนที่อยู่เกือบทุกช่วงเวลาของชีวิต ไม่ว่าสุข ทุกข์หรือเสียใจ อินทิยาไม่เคยทอดทิ้งตน กลับช่วยเหลือตนเรื่อยมา
ขณะที่ทั้งสามกินไอติมรสชาติอร่อย สองหนุ่มสาวคู่หนึ่งเดินเข้ามาในร้าน ฝ่ายหญิงชื่อนิลุบลหรือแพม ฝ่ายชายเป็นหนุ่มอิตาเลี่ยน-เยอรมันนามว่า แพททริค นิลุบลยิ้มเมื่อเห็นภาพิมล หล่อนเดินไปหาเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนานหลายปี
“โรส” เจ้าของชื่อเล่นมองเจ้าของเสียง สีหน้าภาพิมลตกใจที่เห็นนิลุบล พนักงานในบริษัทของนิคโกโล อดีตสามี ที่ไม่คิดว่าจะได้เจอกันที่นี่ เวลาที่ชลกวีนั่งอยู่ด้วย “ไม่คิดนะว่าจะได้เจอเธอ เป็นไงสบายดีมั้ย”
“อ๋อ สบายดีจ้ะ แล้วเธอล่ะเป็นไงบ้าง กลับมาเที่ยวเมืองไทยเหรอ” ภาพิมลทำตัวตามปกติ
“สบายดีจ้ะ” นิลุบลตอบกลับ สายตามองหน้าเด็กชายที่มองปราดเดียว รู้ได้เลยว่าเป็นลูกครึ่ง “ฉันได้มาเที่ยวเมืองไทย ฉันย้ายมาอยู่ที่นี่เลยจ้ะ”
“ย้ายมาอยู่ที่นี่เหรอ แล้วงานเธอล่ะ” หน้าที่การงานนิลุบลอยู่ในขั้นดีมาก เป็นผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ของบริษัท ติดอันดับหนึ่งในห้าของอิตาลี เงินเดือนหากคิดเป็นเงินไทยราวแปดแสนบาท ยังมีสวัสดิการอย่างอื่นอีก การลาออกจากงาน ย้ายที่อยู่มาทำมาหากินที่เมืองไทย ย่อมต้องมีเหตุผลหนักแน่นมาก
