บทที่ 7 มัตขออนุญาตชอบพี่กัลป์ได้ไหมคะ?
ฉันนั่งมองพี่กัลป์ที่กำลังขับรถอยู่เงียบๆ เราไม่ได้พูดอะไรกันเลย ระหว่างทางที่กำลังไปบ้านของฉัน บอกตามตรงว่าฉันสับสนหรือเกิน ว่าอะไรกันแน่ที่เป็นเรื่องจริง...เพราะในสายตาฉัน พี่กัลป์ดูไม่เหมือนคนเลวเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าหากว่าฉันเลือกที่จะเชื่อสายตาตัวเอง...นั่นแปลว่าสิ่งที่คุณไลลาพูดมันเป็นเรื่องโกหกน่ะสิ งั้นแล้วเขาจะทำไปเพื่ออะไร? มันจะมีเหตุผลอะไรที่ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งอยากจะหย่ากับสามีที่แสนดีอย่างเขา...
“คุณเอาแต่จ้องผม มีอะไรจะพูดหรือเปล่าครับ?” คำถามของพี่กัลป์ปลุกให้ฉันตื่นจากภวังค์
“มัตแค่สงสัยค่ะ” ฉันยังคงจ้องมองเขา อย่างที่ไม่อาจจะละสายตาไปไหนได้
“สงสัยอะไรครับ?”
“พี่กัลป์มาทำอะไรแถวที่เราเจอกันคะ?”
“ผมมาส่งเพื่อนร่วมงานครับ พอดีว่าหอพักของเขาอยู่ในซอยนั้นครับ แล้วภรรยาของผมก็ทำงานอยู่ที่ออฟฟิศแถวนั้นด้วย ไม่แปลกหรอกถ้าเราจะเจอกันแถวนั้น” ดูเขาอธิบายสิ เหมือนพยายามจะบอกอะไรฉันเป็นนัยน์...ทำนองว่า อย่าคิดเยอะ มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ
“พี่กัลป์จะบอกว่ามันบังเอิญที่เราเจอกันใช่ไหมคะ?”
“คุณทำงานอยู่ในซอยนั้นเหรอครับ?” เขาเลี่ยงที่จะตอบว่า...ใช่
“ค่ะ มัตทำงานอยู่ที่ SKL น่ะค่ะ” เอาล่ะ เรามาเริ่มงานของฉันกัน
“?” ดูเหมือนว่าเขาจะตกใจเล็กน้อยที่ได้ยินแบบนั้น
“อย่าบอกนะว่ามัตทำงานที่เดียวกับภรรยาของพี่กัลป์?”
“คะ...ครับ”
“จริงเหรอคะเนี่ย? บังเอิญจังเลยนะคะ แล้วภรรยาพี่กัลป์ทำงานอยู่แผนกไหนคะ ชื่ออะไร เผื่อมัตจะรู้จัก...”
“ภรรยาผมชื่อไลลาน่ะครับ”
“หะ?!” ฉันแสร้งทำเป็นว่าตกใจสุดขีด ก่อนจะรีบก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว
“อย่าทำแบบนั้นเลยครับ”
“มัตขอโทษนะคะ มัตไม่รู้จริงๆว่าคุณกัลป์เป็นสามีของเจ้านาย...มันขอโทษค่ะ ถ้ามัตล่วงเกิดอะไรคุณกัลป์ไป มัตต้องขอโทษด้วยนะคะ” บ้าจริง...นี่มันไม่ใช่ตัวฉันเลย
เอี๊ยยยยด!
ในตอนนั้นรถก็หยุดจอดที่ข้างทาง ฉันที่ก้มหน้างุดก็ถูกเขาประคองไหล่ทั้งสองข้างให้เงยขึ้น...นี่เขาโดนตัวฉันเหรอเนี่ย?
“อย่าทำแบบนี้เลยครับ ผมเป็นแค่สามีของไลลา ผมไม่ใช่เจ้านายคุณ...คุณไม่จำเป็นต้องคิดว่าตัวเองอยู่ในฐานะที่ต่ำกว่าผมหรอก”
“แต่ยังไงคุณกัลป์คือเจ้านายค่ะ” ฉันช้อนสายตาขึ้นไปมองเขา และฉันเห็นว่าเขากำลังมองเรือนร่างที่เปียกชื้นไปทั้งตัวของฉัน สายตาของเขาจ้องลึกลงไปที่เสื้อแสนบางที่พอเปียกแล้วจะเห็นไปถึงข้างใน เขาสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ขบกรามแน่น แล้วเลี่ยงมองไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว
“ไหนว่าผมเป็นเพื่อนของรุ่นพี่คุณไงครับ เคยเรียกผมยังไงก็เรียกแบบนั้นเถอะ”
“คะ?”
“เรียกผมว่าพี่กัลป์เหมือนเดิมดีแล้วครับ”
“...”
พรึ่บ!
แล้วในจังหวะอันรวดเร็วนั้น พี่กัลป์ก็สูทตัวนอกที่แขวนอยู่ที่เบาะหลังมาคลุมตัวฉันไว้
“สวมไว้ครับ เสื้อคุณบางมาก”
“ขอบคุณค่ะ...พี่กัลป์”
ด้วยเพราะว่าวันนี้เป็นวันศุกร์ แถมยังเป็นศุกร์สิ้นเดือนที่ฝนตกหนัก มันเลยทำให้บนถนนนั้นรถติดหนักมาก ติดทั้งไฟจราจร ติดทั้งตำรวจที่ตั้งด่าน แล้วก็ติดเพราะอุบัติเหตุ ฉันเล็งเห็นแล้วว่า...คงต้องฉลองวันเกิดบนถนนแน่ๆ แต่มันเป็นเรื่องดีมากเลยนะ...ที่อย่างน้อยปีนี้ฉันไม่ต้องฉลองวันเกิดคนเดียวอีกแล้ว
“รถติดมากเลยนะคะ” ฉันเอ่ยขึ้นมา
“ครับ วันศุกร์สิ้นเดือนก็แบบนี้แหละ...” ขณะที่พี่กัลป์บอกออกมาแบบนั้น ดูเหมือนว่าเขาจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“นี่ก็สี่ทุ่มแล้ว...มัตว่าถ้ารถยังติดอยู่แบบนี้ มัตคงต้องฉลองวันเกิดบนรถแน่ๆ”
“...” เขาเงียบ สายตาดูครุ่นคิด
“ถ้าได้เป่าเค้กก็คงดี พี่กัลป์รู้ไหมคะว่าตั้งแต่เกิดมา...นับครั้งได้เลยที่มัตจะได้เป่าเค้กวันเกิดตัวเอง”
“...” เขายังคงเงียบ
“มัตน่ะ ไม่มีพ่อแม่ค่ะ โตมากับป้าที่ตอนนี้ป่วยหนักต้องนอนอยู่โรงพยาบาล ตั้งแต่ที่จำความได้...วันเกิดแต่ละปีของมัต ก็มีแต่ความว่างเปล่า ไม่ได้เป็นวันสำคัญอะไร” ฉันอยากให้เขารู้จักฉัน นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันอยากจะเล่าเรื่องตัวเองให้ใครสักคนฟัง
“คุณคงมีวัยเด็กที่ลำบาก...”
“มัตลำบากมาทั้งชีวิตค่ะ ลำบากจนชินแล้ว ลำบากมาตลอดจนลืมไปแล้วว่าความสุขความสบายคืออะไร”
“…” เขาไม่ตอบอะไร แต่อยู่ๆกลับหักพวงมาลัยรถแล้วเลี้ยวกลับไปอีกทาง
“พี่กัลป์จะหนีรถติดเหรอคะ?” ฉันอดที่จะถามไม่ได้ เพราะคิดว่าเขาอาจรำคาญที่ต้องมานั่งฟังฉันบ่นถึงชีวิตบัดซบของตัวเอง
“ถ้าวันเกิดปีนี้ของคุณต้องมาจบลงบนถนนเพราะรถติด ผมคงรู้สึกผิดมาก” คำตอบของเขาทำเอาฉันไปต่อไม่ถูก และฉันไม่เข้าใจว่าเขาคิดจะทำอะไร จนกระทั่งเขาพาฉันออกมาจากถนนที่รถติดขัดแล้วจอดลงที่หน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง
“รอเดี๋ยวนะครับ” เขาลงไปจากรถ ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับเค้ก...เพียงเท่านั้นหัวใจของฉันก็เต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง
“พี่กัลป์?”
“ถือไว้ก่อนครับ...” แล้วเขาก็ยื่นเค้กให้ฉัน ก่อนจะขับรถออกไป เขาพาฉันเข้านอกออกในซอยต่างๆที่น่าจะเป็นทางลัดเพื่อไปไหนสักที่ ตอนนี้ถนนหนทางไม่น่ามองเท่ากับใบหน้าหล่อเหลาของเขาอีกแล้ว หลังจากที่ฝ่าถนนที่มีรถมากมายมาได้ ฉันกับพี่กัลป์ก็มาอยู่ที่ริมแม่น้ำสายหลักของเมือง เขานำฉันลงจากรถ แล้วฉันเองก็รีบตามไปอย่างไม่รีรอ นี่เขาจะฉลองวันเกิดกับฉันอย่างนั้นเหรอ?
“คุณบอกเองว่าถ้าบริสุทธิ์ใจ ก็ไม่ต้องคิดอะไร...” เขาเอ่ยขึ้นมา เมื่อเราสองคนนั่งลงที่ริมแม่น้ำ
“...” ส่วนฉันกลับพูดอะไรไม่ออก
“ผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน...แต่อยากให้คุณเข้าใจว่าผม แค่อยากให้คุณได้เป่าเค้กสักครั้ง” เขาหันมามองหน้าฉัน
“มัตเข้าใจค่ะ พี่กัลป์คงสงสารมัต”
“เปล่าครับ ผมไม่ได้สงสารคุณ...แต่ผมไม่อยากรู้สึกผิด วันนี้เป็นวันเกิดของคุณ คุณควรจะได้ฉลอง”
“ขอบคุณนะคะพี่กัลป์...ขอบคุณมากจริงๆ”
“คุณอยากเป่าเค้กเลยไหม?”
“เป่าเลยก็ได้ค่ะ เดี๋ยวจะดึกเกินไป เดี๋ยวพี่กัลป์กลับดึกแล้วคุณไลลา เธอจะรอ”
“ไม่ต้องห่วงครับ เจ้านายคุณน่ะ...ไปดูงานที่ต่างจังหวัดทุกวันศุกร์ ผมกลับไปตอนนี้ก็ไม่เจอเธอหรอก”
“งั้น...รอก่อนก็ได้ค่ะ”
ตลอดเวลาที่นั่งรอเวลา ฉันก็เล่าทุกอย่างในชีวิตฉันให้พี่กัลป์ฟัง เล่าตั้งแต่ที่พ่อแม่จากไปแล้วทิ้งหนี้ก้อนโตไว้ให้ฉัน เล่าถึงป้าที่เลี้ยงดูฉันมาอย่างอยากลำบาก เล่าว่าฉันต้องถีบตัวเองเพื่อให้อยู่รอดยังไง เขารับฟังฉันอย่างตั้งใจ ทำเพียงรับฟังแต่ไม่เอ่ยคำใดๆ สายตาของเขาที่มองมา...มันน่าพิศวงมาก ฉันไม่รู้เลยว่าเขากำลังคิดอะไร เมื่อได้ฟังเรื่องราวอัปยศอดสูของฉัน
“พี่กัลป์กำลังคิดอะไรอยู่คะ?” ฉันอดที่จะเอ่ยถามออกไปไม่ได้จริงๆ
“ผมกำลังคิดว่าคุณเก่งมาก...ขนาดเจอเรื่องร้ายมากมาย คุณก็ยังยิ้มได้...แถมยังเป็นรอยยิ้มที่สดใสมาก” นี่เขาชมฉันงั้นเหรอ?
“บางที่มัตก็แค่แกล้งยิ้มเพื่อบอกตัวเอง...ว่ามันจะไม่เป็นไร”
“ครับ มันจะไม่เป็นไร...ผมเองก็เชื่อแบบนั้นเหมือนกัน” เขายิ้มเพื่อให้กำลังใจฉัน ฉันยิ้มเพราะเห็นเขายิ้ม เราสบตากัน...แล้วหัวใจของฉันก็เต้นแรงเหมือนกลองสะบัดไช
“นี่ก็จะพ้นวันเกิดคุณแล้ว...เรามาเป่าเค้กวันเกิดคุณกันเถอะครับ” ว่าแล้วเขาก็หยิบเอาเทียนขึ้นมาปักบนหน้าเค้กก้อนเล็ก ใช้ไม้ขีดไฟจุดเทียน ยามที่ไฟจากเทียนมันสว่างขึ้นมา ฉันก็หลับตาลงเพื่ออธิษฐาน
ฟู่วววว์!
ฉันลืมตาขึ้นมาเป่าเทียน หลังจากอธิษฐานถึงสิ่งที่ต้องการ
“สุขสันต์วันเกิดครับ ผมขออวยพรให้คุณ...มีความสุขในทุกๆวัน” พี่กัลป์อวยพรวันเกิดฉัน รอยยิ้มและสายตาของเขามันทั้งอบอุ่นและจริงใจเหลือเกิน...
“ถ้าได้เจอพี่กัลป์ทุกวัน มัตก็คงมีความสุขค่ะ”
“คุณมัตสริน...”
“รู้ไหมคะว่ามัตขอพรให้ตัวเองว่าอะไร...มัตขอให้มัตไม่หวั่นไหวกับพี่กัลป์...มัตขอให้มัตไม่ชอบพี่กัลป์ค่ะ แต่ดูท่าว่าคำขอของมัตมันจะเป็นผลซะแล้วล่ะ...” ฉันช้อนสายตาขึ้นมองเขา เช่นเดียวกับที่เขามองฉันไม่วางตา
“...” เขาเงียบ...ไม่ตอบอะไรฉันอีกแล้ว
“มัตขออนุญาตชอบพี่กัลป์ได้ไหมคะ?”
