บทที่ 4 เขาเป็นคนยังไงกันแน่นะ?
“รถผมจอดอยู่ด้านหลังครับ”
พี่กัลป์เอ่ยบอกฉันด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ก่อนที่เขาจะเดินนำออกไปข้างหน้า ฉันมองแผ่นหลังของร่างสูง หัวใจมันเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง ฉันไม่แน่ใจจริงๆว่าที่มันเต้นแรงแบบนี้ เป็นเพราะฉันกำลังอยู่ในช่วงตัดสินใจ หรือมันเป็นเพราะสายตาของเขากันแน่ สายตาที่...เรียบนิ่ง แต่ดูประหม่า แล้วก็น่าค้นหาในเวลาเดียวกัน
“พี่กัลป์คะ” ฉันกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปหาเขา
“ครับ?”
“จะเป็นไรไหมถ้ามัตจะชวนพี่ไปกินบะหมี่”
“...” คำเอ่ยชวนของฉันมันทำให้เขานิ่งไปในทันที
“คือ...มัตหิวน่ะค่ะ แล้วที่บ้านก็ไม่มีอะไรให้กินเลย...อ๊ะ!” และเพราะฉันไม่ทันระวัง เลยสะดุดเข้ากับก้อนหิน ตัวถลาไปจนเกือบจะล้มไปกองที่พื้น...ต้องล้มแน่ ถ้าหากว่าเขาไปรั้งเอวของฉันเอาไว้
“ระวังครับ!” ในตอนที่ฉันกำลังอยู่ในวงแขนของเขา หัวใจมันก็เต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง เราสบตากันอีกเพียงเสี้ยววินาที กลิ่นหอมอ่อนๆโชยออกมาจากเขา...แล้วเขาก็ปล่อยตัวฉันอย่างรวดเร็ว
“ขะ...ขอบคุณค่ะ” บอกก่อนว่าอันนี้ไม่ใช่แผน ฉันสะดุดจริงๆ ถึงมันจะดูเหมือนว่าฉันจงใจสุดๆก็เถอะ
“ผมคงไปกินบะหมี่กับคุณไม่ได้ ต้องขอโทษด้วย” เขาหลบสายตาฉันขณะที่ปฏิเสธ
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“แต่ระหว่างทางผมจะแวะร้านสะดวกซื้อแล้วหาอะไรให้คุณกลับไปกินที่บ้านครับ”
แล้วเขาก็ทำอย่างที่บอกจริงๆ เขาขับรถไปตามทางกลับบ้านของฉัน พอเห็นร้านสะดวกซื้อเขาก็แวะ แล้วลงไปซื้อของกินมาให้ฉัน โดยที่ไม่ปล่อยให้ฉันลงไปซื้อเอง ด้วยเหตุผลที่ว่า...เขาคิดว่าฉันเมา
“นี่ครับ” ไม่นานเขาก็กลับมาขึ้นรถ ยื่นถุงอาหารให้ฉัน
“ขอบคุณค่ะ...”
“ไม่เป็นไรครับ”
อีกไม่ถึงยี่สิบนาทีก็ถึงบ้านฉันแล้ว เวลายี่สิบนาทีนี้...ฉันคิดว่าฉันจะต้องรู้จักเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แน่นอน...ฉันแค่อยากจะรู้ว่าเขาเป็นคนยังไงกันแน่ ไม่ใช่เพราะฉันพิศวาสอะไรเขาหรอกนะ
“พี่กัลป์เป็นเพื่อนกับพี่เวย์มานานแล้วเหรอคะ?” แล้วฉันก็เริ่มถาม
“ครับ” แต่ดูคำตอบเขาสิ สั้นๆง่ายๆ
“พี่กัลป์ตอบมากกว่าหนึ่งคำก็ได้นะคะ มัตไม่ว่าอะไรหรอก” ฉันยกยิ้ม เอียกคอโยกหน้าไปมองเขาที่ตั้งหน้าตั้งตาขับรถสุดๆ
“ผมไม่รู้จะตอบอะไรครับ”
“ก็เช่น...รู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะค่ะ”
“ตั้งแต่เรียนประถม ก่อนที่ผมจะย้ายไปเรียนที่อเมริกาครับ”
“พี่กัลป์ไม่เหมือนเป็นพวกนักเรียนนอกเลยนะคะ”
“คุณมองออกด้วยเหรอว่าใครเป็นนักเรียนนอก...?” คราวนี้เขาหันกลับมาสบตาฉัน
“ก็อย่างพี่เวย์ หรือพวกที่ชอบพูดไทยคำอังกฤษคำ...แล้วก็คนที่ให้ความสำคัญกับความถูกต้องมากกว่าถูกใจ ไม่ต้องแคร์เรื่องมารยาทหรือระบบรุ่นพี่รุ่นน้อง”
“ผมก็เองก็มองว่าความถูกต้องมาก่อนความถูกใจครับ”
“ทำไมคะ?”
“ความถูกใจไม่ยืนยาว แต่ความถูกต้องก็อยู่ตลอดไป และถ้าผมจะแนะนำอะไรคุณได้...ผมก็อยากให้คุณมองว่าความถูกต้องเป็นสิ่งที่ต้องมาก่อนอันดับแรก” โอ...คุณอาจารย์คนนี้กำลังจะบอกอะไรบางอย่างกับฉันล่ะ
“อะไรบ้างคะที่พี่กัลป์มองว่ามันถูกต้อง?”
“ก็เรื่องที่ผมกับคุณไม่ควรอยู่ด้วยกันสองต่อสองในเวลาแบบนี้ไงครับ”
“ฮ่ะๆๆๆๆ” แล้วฉันก็หัวเราะพรวดออกมาทันที อาจารย์คนนี้ไม่ธรรมดาหรอก เพราะเขามองฉันออก เขาต้องรู้แน่ว่าฉันอ่อยเขาอยู่ น่าสนุกขึ้นมาอีกขั้นแล้วนะ...
“มีอะไรตลกครับ?” เขานิ่วหน้าถามฉัน
“ก็พี่กัลป์ไงคะที่ตลก”
“ผมตลกยังไง?”
“พี่กัลป์คิดว่ามัตกำลังอ่อยอยู่ใช่ไหมล่ะ?”
“?!!” เขาตกใจไม่น้อยกับคำถามของฉัน พอได้มองเขาในตอนนี้แล้ว...บอกตามตรงว่ามันขัดกับสิ่งที่เมียเขาบอกฉันมาก มองยังไงฉันก็มองไม่ออกว่าผู้ชายคนนี้จะเจ้าชู้ หรือเป็นพวกชอบทำร้ายเมียตัวเอง
“ฮ่ะๆๆๆ มัตไม่ได้อ่อยหรอกค่ะ มัตก็แค่...เป็นคนแบบนี้”
“ผมไม่ได้คิดว่าคุณ...ให้ท่าผมครับ แต่ผมคิดว่าคุณกำลัง...ทดสอบผมอยู่” บ้าจริง! ไม่แปลกใจเลยที่ได้เป็นอาจารย์ทั้งๆที่อายุเพียงเท่านี้ เพราะเขาไม่โง่เลยสักนิด
“ทดสอบ? ทำไมมัตต้องทดสอบพี่กัลป์ด้วยคะ?”
“นั่นคือสิ่งที่คุณต้องบอกผมไม่ใช่เหรอ? ข้างหน้าต้องเลี้ยวซ้ายหรือขวาครับ?”
“เลี้ยวขวาแล้วจอดได้เลยค่ะ บ้านมัตอยู่ปากซอย”
แล้วเขาก็เลี้ยวรถเข้ามาจอดที่หน้าบ้านหลังซอมซ่อของฉัน เขามองบ้านฉัน...ก่อนจะเลียริมฝีปากเล็กน้อย...สายตามีแววครุ่นคิด
“ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์มาส่งมัต”
“ไม่เป็นไรครับ”
ขณะที่ฉันกำลังจะเปิดประตูลงไปจากรถ เขาก็คว้าข้อมือของฉันเอาไว้แน่น...
“คุณอยู่คนเดียวหรือเปล่า?”
“คนเดียวค่ะ...ทำไมเหรอคะ?”
“ให้ผมเข้าไปในบ้านคุณได้ไหม?”
“คะ?!”
ฉันเดินนำพี่กัลป์เข้ามาในบ้าน หัวใจยังคงเต้นแรงไม่หยุด ฉันคิดไม่ออกเลยว่าทำไมเขาอยากเข้ามาในบ้านฉัน...
“คุณอยู่ที่นี่คนเดียวจริงๆเหรอ?” เขาสอดสายตามองไปรอบบ้าน ก่อนจะมาหยุดลงที่ฉัน
“สรุปว่าบ้านมัตมีอะไร พี่กัลป์บอกมาเถอะค่ะ”
“ทั้งหน้าต่าง ทั้งประตูบ้านคุณ มันมีรอยงัดแงะทั้งหลัง มันไม่ใช่เรื่องปกติ” ก็นึกว่าเรื่องอะไร...
“ค่ะ”
“นี่คุณรู้อยู่แล้วเหรอว่าบ้านคุณโดนงัด?” เหมือนว่าเขาจะแปลกใจกับคำตอบของฉันมาก
“งัดไปก็เหนื่อยเปล่าค่ะ เพราะบ้านมัตไม่มีอะไรให้ขโมยหรอก ที่นี่ไม่มีอะไรมีค่า”
“ทำไมจะไม่มี...อย่างน้อยตัวคุณก็มีค่า...” เมื่อไหร่เขาจะเลิกทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงสักทีนะ
“ตั้งแต่เกิดมาจนถึงอายุยี่สิบห้า พี่กัลป์เป็นคนแรกที่บอกว่ามัตมีค่า” ฉันไม่รู้ว่ารอยยิ้มที่ยิ้มออกไปมันจริงใจพอหรือยัง แต่ฉันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ
“ชีวิตของทุกคนมีค่า ผมว่ามันอัตรายมากถ้าคุณจะอยู่ที่นี่ต่อไปทั้งๆที่บ้านโดนงัดเป็นว่าเล่นแบบนี้ ถ้าโจรพวกนั้นงัดเข้ามาตอนกลางคืนแล้วเจอคุณนอนหลับอยู่ ผมว่ามันไม่คุ้มเลยนะ”
“พี่กัลป์เป็นห่วงมัตเหรอคะ?”
“คุณเป็นรุ่นน้องของเพื่อนผม มีอะไรที่ช่วยได้ ผมก็ยินดีช่วย”
“ขอบคุณค่ะ แต่มัตอยู่ได้ พวกมันไม่ทำอะไรมัตหรอกค่ะ” ไม่ใช่โจรหรอกที่งัดเข้ามา แต่มันคือไอ้พวกตามทวงนี้ฉันต่างหาก และฉันมั่นใจว่ามันไม่ฆ่าฉันแน่ เพราะถ้าฉันตาย...หนี้ที่ติดไว้ก็สูญเปล่า
“เอาเป็นว่าผมขอแล้วกันนะครับ วันเสาร์นี้เป็นวันหยุดของผม ผมจะเข้ามาซ่อมประตูหน้าต่างและติดเหล็กดัดให้”
“เราเพิ่งจะรู้จักกันไม่กี่ชั่วโมง พี่กัลป์ไม่ต้องดีกับมัตขนาดนี้ก็ได้ค่ะ”
“ผมไม่ได้คิดว่ามันคือการทำดีครับ นี่ก็ดึกแล้ว ผมขอตัว...วันเสาร์ช่วงบ่ายผมจะเข้ามานะครับ” เขาทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินออกไป...
แต่ฉันว่าไม่ต้องถึงวันเสาร์หรอก พรุ่งนี้เช้าเขาต้องมาหาฉันถึงหน้าบ้านแน่ๆ เพราะฉันทิ้งกระเป๋าตังค์เอาไว้ในรถเขาแล้วน่ะสิ...ขอโทษนะคะพี่กัลป์ ยิ่งได้เห็นว่าพี่เป็นคนดี มันก็ยิ่งทำให้ฉันอยากจะเป็นเมียน้อยของพี่ขึ้นมาจริงๆ
