ตอนที่ 3 : คนใจร้าย3
ดารินญาใจหายวาบ เมื่อร่างกำยำคร่อมทับอยู่เหนือตัว กดมือทั้งสองข้างของเธอไว้แน่นจนจมลงไปในที่นอน ขยับเขยื้อนไม่ได้ต่อให้ดิ้นรนแค่ไหนก็ตาม “คุณภูคะ อย่าทำอะไรดาเลยนะ ดาไม่ได้เป็นอย่างที่คุณพูดเลย ดาไม่เคย...”
“เงียบไปซะ! ถ้ามีเสียงออกมาจากปากอีกแม้แต่น้อยละก็ ฉันจะยัดเยียดความเป็นผัวให้เธอคืนนี้เลย!” เขาตวาด ทำเอาคนใต้ร่างสะดุ้งสุดตัวแล้วเม้มปากแน่น ปล่อยให้หยาดน้ำตาไหลออกทางหางตาแบบไม่ขาดสาย ใครจะคิดว่าลูกผู้ดี เพียบพร้อมด้วยรูปร่างหน้าตาและการศึกษา จะมีนิสัยใจคอร้ายกาจแบบนี้
ภูริเห็นดารินญาตื่นกลัวจนหน้าซีด จึงนึกสนุกอยากแกล้งให้เธอยิ่งอาการหนักกว่าเดิม เขารวบข้อมือเล็กๆ นั่นไว้เหนือศีรษะ ด้วยมือใหญ่เพียงข้างเดียว ในขณะที่มืออีกข้างอาจหาญเลื่อนลงไปลูบไล้ตรงต้นขา สอดผ่านชายกระโปรงขึ้นมาเรื่อยๆ จนสัมผัสกับทรวงอกอิ่มเต็มที่ปราศจากบราเซียห่อหุ้มให้ขัดใจ เขาเคล้นคลึงเบาๆ และหนักมือขึ้นเพราะเพลิดเพลินกับความนุ่มหยุ่นของมันมากขึ้นทุกที
“เห็นผอมบางแบบนี้ ไม่คิดเลยว่าจะพอดีมือ” เขาก้มหน้าลงพึมพำชิดริมหู ก่อนจะแนบริมฝีปากลงข้างแก้ม ทำเอาหญิงสาวยิ่งกลัวจนตัวสั่นเทิ้ม ทรวงอกสะท้านขึ้นลงจากการหอบหายใจแรง แต่ไม่กล้าปล่อยให้เสียงเล็ดลอดออกมาจากปาก เพราะกลัวว่าเขาจะทำตามคำขู่
“กับไอ้เอก เธอตัวสั่นแบบนี้หรือเปล่า” เขาถาม เลื่อนใบหน้าต่ำลงมาตรงซอกคอ ซุกไซ้สูดกลิ่นหอมกรุ่นของสาวสวยวัยสะพรั่ง “ไม่แปลกหรอก ผู้หญิงหลายคนก็กลัวฉัน...แต่นั่นมันหลังจากที่ได้เห็นนะว่าไอ้หนูของฉันมันใหญ่โตแค่ไหน” สุ้มเสียงทุ้มไพเราะของเขาคงน่าฟังกว่านี้ หากพูดในสิ่งที่จรรโลงใจเสียบ้าง
ดารินญาหลับตา กัดริมฝีปากแน่นขึ้นอีก เมื่อรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างที่แข็งและอุ่นร้อน ดุนดันอยู่ตรงหน้าท้องของเธอ เธออาจจะไร้เดียงสา ไม่มีความรู้เรื่องพวกนี้มากมายนัก แต่เธอก็ไม่ได้โง่จนไม่รู้ว่าปฏิกิริยาของเขามันสื่อความหมายเช่นไร
“ถือว่าทำความรู้จักกัน คืนพรุ่งนี้...เธอจะได้เจอของจริงแน่ ดารินญา” เขารีบผละออกห่างทันทีที่พูดจบ สัมผัสเพียงแค่นี้กลับทำให้ความเป็นชายแข็งขึงขึ้นมาเสียได้ ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่สาวทรงโต สะโพกผายและขาเพรียวยาวแบบที่เขาโปรดปราน เธอตัวเล็ก บอบบาง สูงไม่เกินหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตรด้วยซ้ำ แต่กลับมีแรงดึงดูดมากล้นจนเขายังนึกประหลาดใจอยู่ลึกๆ
มิน่า...เอกราชถึงได้กอดไม่ปล่อยอย่างนั้น!
อันที่จริงเขาจะมอบสถานะความเป็นสามีให้เธอตอนนี้เลยก็ได้ แต่แบบนั้นมันจะไปสนุกอะไร...ถ้าการแสดงออกว่ากลัวเขาคือของจริง ไม่ใช่มารยาเรียกร้องความสนใจ เขาก็อยากให้เวลาเธอได้กระวนกระวายเพิ่มขึ้นอีกหน่อย จนกว่าคืนพรุ่งนี้จะมาถึง
ไม่สิ...บางทีหลังจากจดทะเบียนกับเสร็จในช่วงเช้า เขาก็ควรลากเธอขึ้นมาทำหน้าที่นางบำเรอบนเตียงต่อเลย ขลุกอยู่ด้วยกันจนกว่าจะข้ามคืน ถือเป็นการดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ที่ดีอยู่ไม่น้อย
“ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เก็บความร่านของเธอไว้ให้ลึกที่สุด แล้วปรนเปรอฉันแค่คนเดียว ระหว่างที่ฉันยังไม่เบื่อ ห้ามให้ใครมาซ้ำรอยฉันเด็ดขาด ฉันไม่ชอบแบ่งใครกิน วันไหนฉันเบื่อเธอขึ้นมา เธอจะไปนอนกับใครอีกกี่ร้อยคนก็ตามสบาย ฉันไม่ว่า...” เขากระตุกยิ้ม มองคนที่นอนหายใจแรงอยู่บนเตียงแบบไม่กล้าขยับเขยื้อนด้วยความพอใจ
“อ้อ ลืมบอกไป ทีหลังอย่าทำใจกล้ามาตบหน้าฉันอีก ไม่งั้นฉันจะตบคืนให้เจ็บกว่าร้อยเท่าเลย” พูดจบภูริก็คว้ากุญแจสำรองมาถือไว้ ใช้นิ้วชี้สอดไปในห่วงแล้วควงมันเล่น ผิวปากอย่างอารมณ์ดีในตอนที่เปิดประตูห้องไปจากห้องของดารินญา
ร่างบางลุกพรวดขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงประตูปิดลง เธอรีบถลันไปกดล็อกห้อง พิงหลังกับประตูแล้วค่อยๆ ทิ้งตัวนั่งลงบนพื้น ยกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงสะอื้น ไม่คิดเลยว่าภูริจะใจร้ายแบบนี้ ไม่สิ...อย่างเขาต้องเรียกว่าเลวร้ายเสียมากกว่า
เธอไปทำอะไรให้เขาเกลียดชังอย่างนั้นหรือ ไม่ใช่แน่ เพราะเธอแทบไม่เคยพบหน้าเขาเลย หรือถ้าเคยมันก็ไม่ได้อยู่ในความทรงจำด้วยซ้ำ เพราะเธออ่อนกว่าเขาถึงสิบปี เวลาที่ชาติชายไปเยี่ยมเยียนบิดาของเธอ ก็มักไปกับอัมพิกาเพียงคนเดียว ทั้งที่มั่นใจว่าไม่เคยทำอะไรให้เขามาก่อน แต่ทำไมเขากลับตั้งแง่ใส่ร้ายดูถูกเธอสารพัด
หัวใจของเขาทำด้วยอะไร!
“พ่อขา...ฮึก! ดาคิดถึงพ่อ” หญิงสาวนั่งกอดเข่าร้องไห้จนตัวโยน ไม่คิดเลยว่าชีวิตที่ไร้พ่อเคียงข้างจะโดดเดี่ยวถึงเพียงนี้ พ่อจะรู้บ้างไหมว่าภูริไม่ใช่คนดีอย่างที่คาดหวัง เขาจะไม่มีวันดูแลให้ความสุขเธอแน่
แต่เขาจะทำให้เธอตายทั้งเป็นต่างหาก...
ชาติชายกับอัมพิกาต้องรีบไปขึ้นเครื่องบินเพื่อเดินทางสู่ฮ่องกง จึงไม่สามารถไปที่อำเภอเพื่อแสดงความยินดีกับคู่ชีวิตคู่ใหม่ได้ เพียงแค่ส่งดารินญาขึ้นรถพร้อมเอ่ยอวยพรเท่านั้น สองสามีภรรยาไม่สบายใจนัก เพราะเช้านี้เห็นได้ชัดว่าลูกสาวของเด่นเพื่อนรัก มีท่าทีเปลี่ยนไปมาก ไม่ยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนก่อนที่ภูริจะกลับมาที่บ้าน ชาติชายฝากให้ป้าเพิ้งและปนาลีช่วยดูแลหญิงสาว ก่อนจะตัดใจเดินทางไปยังสนามบิน
ภูริยิ้มมีเลศนัยตั้งแต่พบหน้ากันตอนเช้าจนกระทั่งถึงตอนนี้ ดารินญาไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ การจดทะเบียนสมรสเป็นไปอย่างเรียบง่าย เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเขาก็โยนซองเอกสารใส่หน้าเธอ ตอนที่เธอเปิดประตูเข้ามานั่งในรถ
“เอาไป ยินดีด้วยที่สุดท้ายเธอก็ได้มีผัวเป็นตัวเป็นตนเสียที จะเอาไปใส่กรอบบูชาก็ตามสบายนะ แต่อย่าให้มันรกสายตาฉันก็พอ” เขาเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ กดปุ่มสตาร์ตรถแล้วเคลื่อนตัวออกจากที่ว่าการอำเภอ เคาะนิ้วบนพวงมาลัยอย่างอารมณ์ดี ตั้งใจว่าเมื่อกลับถึงบ้าน เขาจะเชยชมเธอให้สาแก่ใจ อยากรู้นักว่าถึงตอนนั้นแล้ว เธอจะยังทำเป็นปั้นหน้านิ่ง ไม่พูดไม่จาเหมือนเป็นหุ่นยนต์อยู่อีกหรือเปล่า หรือเมื่อเจอภูริน้อยเข้าไป เธอจะครางลั่นจนลืมวิธีหุบปากกันแน่
ภายในรถเงียบงันจนอึดอัด ภูริจึงเปิดเพลงสากลคลอเบาๆ เกือบจะถึงทางเลี้ยวเข้าบ้าน หมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยก๋ติดต่อเข้ามา เขาลังเลในทีแรก แต่สุดท้ายก็กดรับสายเพื่อตัดรำคาญ
“ภูริครับ” เขาแนะนำตัวเอง
“สวัสดีค่ะคุณภู นี่รำไพนะคะ เลขาของคุณชาติ”
“อ๋อ ครับ คุณรำไพ”
“คุณชาติสั่งให้ดิฉันโทรศัพท์มาหาคุณภูน่ะค่ะ ว่าถ้าจดทะเบียนสมรสแล้ว ให้ไปส่งคุณดาที่บ้าน จากนั้นก็ให้คุณภูเข้ามาที่บริษัทเพื่อเริ่มต้นเรียนรู้งานในวันนี้เลยค่ะ” เลขานุการวัยห้าสิบปีที่ชำนาญงานเป็นอย่างดี เอ่ยบอกด้วยสุ้มเสียงสุภาพนุ่มนวล แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังทำให้ภูริไม่สบอารมณ์อยู่ดี
“ทำไมต้องวันนี้ครับ” เขาย้อนถาม
“ไม่ทราบค่ะ ดิฉันทำตามคำสั่งคุณชาติ”
“คุณพ่อนะคุณพ่อ” ชายหนุ่มพึมพำเบาๆ
“คุณชาติบอกว่าถ้าคุณภูทำตามคำสั่งแต่โดยดี สามารถเรียนรู้งานได้ตามเป้าหมายในระยะเวลาที่กำหนด ท่านจะจัดการเคลียร์หนี้บัตรเครดิตทุกใบให้ค่ะ แล้วก็จะคืนรถคันโปรดให้คุณภูด้วย” ข้อแลกเปลี่ยนนี้ทำเอาภูริถึงกับค้านไม่ออก
“ได้ครับ ส่งดาแล้วผมจะรีบเข้าไป” เมื่อรำไพได้ยินดังนั้นก็เอ่ยลาและกดตัดสายไปทันที ชายหนุ่มฉุนเฉียวน้อยลงกว่าเดิมมาก เมื่อรู้ว่าการยอมไปเรียนรู้งานที่บริษัทจะทำให้ได้ทุกอย่างคืนมาทีละน้อย
เมื่อหันมองคนข้างตัวที่เอาแต่นั่งเหม่อมองผ่านกระจกรถออกไปข้างนอก เขาก็อดเสียดายไม่ได้ มันคงดีถ้าได้เห็นเรือนร่างไร้อาภรณ์ของเธอให้เต็มสายตา อยากฝากรอยรักไว้บนผิวเนื้อขาวผ่องให้ถ้วนทั่ว เพื่อให้เอกราชเห็นชัดว่าผู้หญิงที่มันเคยยุ่งด้วย ได้กลายมาเป็นสมบัติของเขาแล้ว และมันจะไม่มีทางได้แตะต้องผู้หญิงคนนี้อีกจนกว่าเขาจะเบื่อ
แล้วเททิ้งให้หมาชั้นต่ำอย่างมันมารับช่วงกินต่อ!
เขาเกลียดเอกราช เกลียดจนฝังใจ เพราะบิดามักชื่นชมเสมอว่ามันเก่งกว่า ฉลาดกว่าและขยันมากกว่าเขา เคยเปรยถึงขั้นว่าอยากได้มันมาเป็นลูกอีกคนด้วยซ้ำ ทำให้เขาชิงขังจนแทบไม่อยากมองหน้า ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ตัวอยู่เหมือนกัน เพราะเห็นเขาทีไร มันก็มักจะหลบเลี่ยงอยู่แทบทุกครั้ง
“เธอนอนกับไอ้เอกมานานหรือยัง” จู่ๆ ก็โพล่งถามขึ้นมา ดารินญากดหัวคิ้วชนกัน หันมามองเขาด้วยสายตาตัดพ้อ แต่ยังคงไม่ปริปากพูดจนเขาต้องตะคอกเสียงดัง “ฉันถามก็ตอบมาสิ! ใบ้กินหรือไง”
“ไม่ค่ะ ไม่เคย” ดารินญาก้มหน้างุด อ้อมแอ้มตอบออกไปโดยไม่คิดจะเสียเวลาอธิบายให้มากความ ด้วยรู้ดีว่าเขาคงไม่ยอมรับฟังแน่
“แน่ใจนะ?”
“ค่ะ ฉันกับเขาไม่เคยมีอะไรกัน” การแทนตัวที่เปลี่ยนไปทำให้ภูริระคายหู แต่เขาก็บอกตัวเองว่าไม่จำเป็นต้องใส่ใจ เธอไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับเขา
