เมียร่านสวาท

54.0K · จบแล้ว
อินทุภา
23
บท
2.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“ถ้าเกลียดกันนัก เราควรหย่ากันเลยจะดีกว่านะคะ ถึงเราจะเพิ่งจดทะเบียนกันได้แค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม ฉันจะอธิบายทุกอย่างกับคุณพ่อคุณแม่ของคุณเอง” “หย่าเหรอ? โอ้...ไม่หรอกคนดี ขืนทำแบบนั้น เธอก็ต้องลำบากไปถ่างขาให้ผู้ชายคนอื่นน่ะสิ ลืมไปแล้วเหรอว่าตัวเองทั้งร่านทั้งเห็นแก่เงิน ถ้าไม่มีขุมสมบัติอย่างฉันให้ถลุง คนอย่างเธอก็คงทำได้แค่ขายตัว!” “ก็อาจจะใช่ค่ะ บางทีการเป็นผู้หญิงขายตัว อาจจะมีความสุขกว่าการเป็นเมียของผู้ชายใจร้ายอย่างคุณก็ได้” คำพูดนี้ทำเอาภูริหน้าชาราวกับถูกตบ ชายหนุ่มกระชากผ้าห่มออกจากร่างเปลือยของคนบนเตียง ดวงตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธ นั่นทำให้ดารินญาหน้าซีดหนักขึ้นอีก และก่นด่าตัวเองอยู่ในใจที่เผลอทำตัวปากดีใส่เขาอีกแล้ว “ดูเหมือนเธอจะต้องเรียนรู้ใหม่นะ เพราะต่อให้เธอไปขายตัวให้ไอ้หน้าไหน เธอก็จะไม่มีวันเจอคนที่เก่งเรื่องบนเตียงอย่างฉันแน่ รับรองได้เลย!” ภูริประกาศกร้าว “ฉัน...ฉันอยากเข้าห้องน้ำ” ดารินญาเปลี่ยนเรื่องเอาเสียดื้อๆ ขยับจะก้าวขาลงจากเตียงเพื่อยุติการเผชิญหน้า แต่ความปวดร้าวที่กลางกาย ทำให้เธอเคลื่อนไหวได้ช้ากว่าปกติอย่างมาก สุดท้ายจึงถูกร่างกำยำใหญ่โตกระชากตัวเข้าไปหา แล้วกดให้นอนลงบนเตียงตามเดิมด้วยท่าทีคุกคาม “อยากไปไหนก็ไสหัวไป แต่ก่อนไป เธอต้องถ่างขาให้ฉันอีกรอบก่อน!” ภูริตวาด

นิยายรักโรแมนติกแต่งงานก่อนรักนิยายปัจจุบันนิยายรักโรแมนติกดราม่า

ตอนที่ 1 : ฝากฝังดวงใจ 1

บ่ายนี้อากาศดูไม่ค่อยดีนัก ท้องฟ้าหม่นหมองมืดครึ้มคล้ายกับว่าพายุลูกใหญ่กำลังจะเคลื่อนตัวเข้ามา ไม่ทันไรเสียงฟ้าร้องครืนคำรามลั่นก็ดังขึ้นประกอบความคิด ดารินญารีบกระวีกระวาดเปิดประตูออกมาข้างนอก เก็บเสื้อผ้าทุกชิ้นที่ตากอยู่บนราวลงในตะกร้าใบใหญ่ แล้วยกมันกลับเข้าไปในบ้านก่อนที่ฝนจะเทลงมาอย่างหวุดหวิด

“ฝนตกอีกแล้วเหรอดา” เสียงทุ้มสั่นเครือนั่นดังขึ้นข้างหลัง ดารินญาที่ยืนกอดอกมองสายฝนอยู่ตรงประตูกระจกแบบบานเลื่อน รีบหันกลับไปมองคนต้นเสียงด้วยสีหน้าตื่นตกใจ

“พ่อ! ลุกขึ้นมาจากเตียงทำไมคะ” หญิงสาวรีบปราดเข้าไปประคอง พาบิดานั่งลงบนโซฟาตัวยาวด้วยความระมัดระวัง

“พ่อเบื่อ นอนทั้งวัน”

“แต่หมอบอกให้พ่อพักผ่อนมากๆ นะคะ หลังให้คีโมร่างกายต้องพักฟื้นมากกว่าปกติ นี่พ่อหายคลื่นไส้เวียนหัวหรือยังคะ” คนเป็นลูกถามอย่างห่วงใย

เด่นยกมือขึ้นลูบศีรษะลูกสาว ดารินญาอายุครบยี่สิบปีไปเมื่อเดือนก่อน ไม่มีงานเลี้ยงวันเกิด ไม่มีเค้กหรือการขอพรพร้อมเป่าเทียน มีเพียงคำอวยพรที่เขามอบให้ลูกสาว ก่อนเข้ารับคีโมเพื่อรักษาโรคมะเร็งที่กว่าจะตรวจพบก็แพร่กระจายไปแล้วหลายจุด

ดารินญาถูกผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าแม่ ทอดทิ้งไปตั้งแต่อายุได้เพียงไม่กี่วัน เด่นจึงเป็นทั้งพ่อและแม่ เลี้ยงดูบุตรีมาจนเติบใหญ่ในสภาพชีวิตที่ไม่ได้ร่ำรวยนัก มีฐานะปานกลาง แต่ก็สุขสบายกันตามอัตภาพ จนกระทั่งตรวจพบว่าเป็นโรคร้ายนี่แหละ ดารินญาจึงต้องลาออกจากมหาวิทยาลัย หางานทำเพื่อหวังจะนำเงินมารักษาพ่อ เหนื่อยสายตัวแทบขาด แต่เงินที่ได้กลับน้อยนิดจนบางครั้งต้องอดมื้อกินมื้อ

“ดีขึ้นแล้วลูก แล้วนี่ผ้าแห้งดีหรือเปล่า”

“แห้งหมดแล้วค่ะ โชคดีมากเลย คืนนี้ดาจะได้รีดผ้า เตรียมส่งให้ลูกค้าพรุ่งนี้เช้า” หญิงสาวยิ้ม แม้จะเหนื่อยที่ต้องวิ่งวุ่นดูแลพ่อไปพร้อมกับการทำงานซักรีด แต่เธอยอม ขอแค่ให้พ่อแข็งแรงขึ้นและมีชีวิตอยู่เป็นหลักยึดให้เธอต่อไปก็พอ

“เหนื่อยแย่เลยนะดา ไหนจะต้องดูแลพ่อ ไหนจะทำงานอีก” เด่นมองสบกับดวงตากลมโตหวานซึ้งของลูกสาว แม้ใบหน้าจะซีดเซียวดูอิดโรย แต่ดวงตาของดารินญายังคงสุกสกาวสดใสเสมอ

“ไม่เหนื่อยอะไรหรอกค่ะ ดาอายุยังน้อยอยู่ ทำอะไรได้อีกเยอะแยะ ยิ่งถ้าเป็นเรื่องดูแลพ่อ ดาเต็มใจมาก จะมีลูกสักกี่คนที่จะมีโอกาสได้ดูแลพ่อแบบนี้”

“เด็กดีของพ่อ” เด่นยิ้ม ยกมือขึ้นโคลงศีรษะลูกสาวเบาๆ

“ถ้าพ่อไม่อยากให้ดาเหนื่อย พ่อต้องกินเยอะๆ พักผ่อนให้มากๆ นะคะ” เธอกำชับแล้วดึงมือซูบผอมของบิดามาแนบแก้ม หมอบอกว่าการรักษาไม่คืบหน้านัก คนป่วยน่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน ความจริงข้อนี้กรีดหัวใจของเธอจนย่อยยับ ทว่าไม่เคยคิดที่จะยอมแพ้ เธอมีความหวังเสมอ

“พ่อจะพยายามนะ อืม...จริงสิ เย็นนี้ลุงชาติจะมาเยี่ยมพ่อที่บ้าน บอกว่าอยากกินข้าวเย็นด้วยกันสักมื้อ แต่จะเป็นคนซื้อกับข้าวเข้ามาเอง ดาแต่งตัวสวยๆ หน่อยนะลูก” เด่นบอกเรื่องที่เพิ่งนึกขึ้นได้ สายตากวาดมองดวงหน้ารูปไข่ของลูกสาวด้วยความชื่นชม

“ทำไมต้องแต่งตัวสวยด้วยละคะ?” เธอขมวดคิ้วมุ่น

“ชาติชายเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวที่พ่อมี ลูกก็รู้นี่นา เขามากินข้าวที่บ้านเราทั้งที พ่อก็เลยอยากให้เราสองพ่อลูกดูดีหน่อย ดาช่วยเลือกเสื้อผ้าให้พ่อด้วยนะ เอาที่หล่อๆ เลย”

“ไม่ต้องห่วงค่ะพ่อ วันนี้พ่อจะต้องหล่อที่สุดแน่นอน” ดารินญายิ้มเต็มใบหน้า มองบิดาที่ดูมีชีวิตชีวากว่าทุกวันด้วยความสุขใจ มีเพื่อนมาหาพ่อบ้างก็ดีเหมือนกัน ท่านจะได้ไม่เหงาอย่างทุกวัน

เสีงเอะอะจากห้องทำงานชั้นล่างของคฤหาสน์อาภาชนะโชติ ดึงให้อัมพิการีบก้าวเท้ายาวๆ เพื่อหวังจะเข้าไปห้ามศึกระหว่างสามีกับลูกชายเพียงคนเดียว ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็ถึงกับต้องอ้าปากค้าง เพราะบนใบหน้าบริเวณโหนกแก้มของภูริผู้เป็นลูกชาย มีเลือดไหลซึมออกจากบาดแผลที่ปริแตกเล็กน้อย เมื่อหันไปมองทางฝ่ายสามี พบว่าเขากำลังโกรธจัดจนเลือดขึ้นหน้า สังเกตไม่ยากเลยจากทรวงอกที่หอบสะท้านและมือที่กำแน่นอยู่ข้างตัว

“คุณชาติ! นี่ถึงกับต้องทำร้ายลูกเลยหรือคะ”

อัมพิกาถามเสียงสั่น ปราดเข้าไปหาลูกชายและย่นจมูกทันทีที่ได้กลิ่นเหล้าโชยมา

“ผมไม่ได้ทำ! ลูกชายคุณเมาแล้วล้มไปฟาดกับเหลี่ยมโต๊ะเองต่างหากล่ะ ถึงผมจะโกรธเจ้าภูแค่ไหน แต่ผมไม่มีทางทำร้ายลูกหรอกนะคุณอัม” ชาติชายมองคนที่ยืนแทบไม่อยู่ด้วยสายตาเอือมระอาเกินทน ตั้งแต่ภูริกลับมาเมืองไทย ไม่มีวันไหนเลยที่จะไม่ทำตัวให้ปวดหัว มีเรื่องชกต่อยบ้าง หิ้วผู้หญิงเข้าบ้านไม่ซ้ำหน้าบ้าง เมาหัวราน้ำบ้าง แต่ละวันทำเอาต้องรับมือจนเหนื่อย อายุสามสิบปีแล้ว ยังทำตัวเหมือนพวกวัยรุ่นสิ้นคิดขาดการอบรมอยู่ได้

“โธ่! ตาภู!” อัมพิกาถลันเข้าไปประคองได้ทันพอดี

“คุณจัดการต่อแล้วกัน ผมจะไปบ้านเด่นเลย อุตส่าห์รอมันกลับบ้านเพื่อที่จะได้ออกไปด้วยกัน แต่ดันเมาเหมือนหมาตั้งแต่เย็นเอาเสียได้!” ชาติชายเอ่ยเสียงขุ่น ก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำงานโดยไม่เสียเวลาหันหลังกลับมามอง ทิ้งให้ภรรยารับมือกับลูกชายขี้เมาต่อเอง

ชาติชายบอกให้สาวใช้นำอาหารที่เตรียมไว้ขึ้นไปบนรถ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งแถบชานเมืองเพื่อพบกับเพื่อนรักตามนัด เด่นเป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยม แม้จะเติบโตมาในครอบครัวที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่ทั้งคู่เข้ากันได้ดีและเพื่อนเป็นที่คอยช่วยเหลือกันมาตลอด จนกระทั่งเรียนจบมหาวิทยาลัยถึงได้ห่างกันไป เพราะต่างคนต่างมีหน้าที่และครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบ กระนั้นก็ใช่ว่าจะขาดการติดต่อไปเลยเสียทีเดียว ยังได้พบเจอถามไถ่กันบ้างในหลายๆ โอกาส

หลังจากรู้ว่าเด่นเป็นมะเร็ง ชาติชายที่ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีก็รีบเสนอตัวเข้าช่วยเหลือทันที ทว่าเด่นปฏิเสธอย่างนุ่มนวล บอกว่าตราบใดที่มีลมหายใจ เขาจะพยายามด้วยตัวเองจนถึงที่สุด หากชาติชายมีความปรารถนาดีต่อเขาจริงๆ ขอให้ช่วยดูแลลูกสาวเพียงเดียวอย่างดารินญาไม่ให้ตกระกำลำบากนักก็พอ

ตอนนี้ชาติชายคิดออกแล้วว่าควรทำอย่างไร...

ดารินญาเป็นเด็กสาวที่มีความสุภาพเรียบร้อย รูปร่างหน้าตาไม่เป็นรองใคร ออกจะโดดเด่นเข้าตาเสียด้วยซ้ำ เขาเห็นเธอมาตั้งแต่วันแรกที่เกิด ได้เจอกันหลังจากนั้นอีกเป็นระยะ ทำให้เขาพอรับรู้ได้ว่าดารินญาเป็นเด็กดีเพียงใด ไม่เคยทำตัวเสื่อมเสีย แม้จะเติบโตมาโดยไม่มีมารดาคอยอบรมสั่งสอนถึงความเป็นกุลสตรี แต่เด่นได้ทำหน้าที่นั้นแล้วอย่างสมบูรณ์แบบ เขาเชื่อว่าคิดไม่ผิดแน่ถ้าเลือกเธอมาเป็นส่วนหนึ่งของบ้านอาภาชนะโชติ

เมื่อรถเลี้ยวเข้าไปจอดตรงหน้าบ้าน ร่างบอบบางของสาวน้อยในชุดกระโปรงสีครีมพอดีตัวก็เดินออกมาต้อนรับ ดารินญายกมือไหว้ ยิ้มให้และช่วยถือของที่หิ้วมาพะรุงพะรัง ก่อนจะเชื้อเชิญให้เข้าไปข้างใน

ชาติชายยิ้มทักทายเด่น เข้าไปตบไหล่เพื่อนรักเบาๆ ขณะซ่อนแววตาที่เป็นกังวลนั้นไว้อย่างมิดชิด ไม่เจอกันแค่สัปดาห์เดียว เด่นซูบผอมลงมากจนเรียกได้ว่าหนังหุ้มกระดูก ขอบตาลึกโหลดำคล้ำ ใบหน้าซีดเซียวดูไม่มีชีวิตชีวาเหมือนเมื่อก่อน

“ดีใจจังที่นายมา” เสียงของคนป่วยแผ่วระโหยเต็มทน

“ฉันตั้งใจจะมาให้บ่อยๆ เลย” ชาติชายยิ้มบาง