บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 : ผู้หญิงร่าน 2

“ว่ามาเลย ฉันรอฟังอยู่” ชาติชายนั่งกอดอก

“ผมจะแต่งงาน แต่ขอแค่จดทะเบียนสมรสได้ไหมครับ ผมไม่อยากให้มันเอิกเกริก” ชายหนุ่มเอ่ยถึงประเด็นสำคัญทันที

“นี่แกไม่คิดจะให้เกียรติหนูดาเลยเหรอภู” บิดาถามด้วยสีหน้าเครียดขรึม ก่อนที่จะอกหักกลับมาเมืองไทย ภูริไม่ใช่คนเห็นแก่ตัวถึงเพียงนี้ ตอนนี้ลูกชายคนเดียวกำลังกลายเป็นคนที่พ่อแม่ไม่รู้จักไปเสียแล้ว

“คุณคะ...หนูดามาพอดีเลยค่ะ” อัมพิกาแตะแขนสามี พยักพเยิดไปทางด้านหลังของภูริก็เห็นดารินญากำลังเดินยิ้มแก้มปริเข้ามาข้างใน เมื่อหญิงสาวเห็นแผ่นหลังกว้างของคนที่สูงกว่าเธอเกือบยี่สิบเซนติเมตร เธอก็หุบยิ้มฉับและปรับสีหน้าราบเรียบในทันที

ภูริกลอกตาเมื่อได้ยินชื่อนั้น เขาหมุนตัวหันกลับไปมองด้วยสีหน้าเซ็งสุดขีด แม้จะเฝ้าสงสัยมาตลอดก็ตามว่าผู้หญิงใฝ่สูงที่อยากเป็นเมียเขาจนตัวสั่นจะรูปร่างหน้าตาจัดอยู่ในเกรดไหน แต่พอรู้ว่ากำลังจะได้เผชิญหน้ากันตรงๆ เขาก็เกิดความรำคาญใจขึ้นมาเสียดื้อๆ

ชายหนุ่มชะงัก ลมหายใจสะดุดเล็กน้อยเมื่อเห็นคนตัวเล็กบอบบางยืนอยู่ตรงนั้น ดารินญาเป็นผู้หญิงที่มีผิวพรรณขาวผุดผาด ใบหน้ารูปไข่หวานละมุนแบบที่เห็นครั้งแรกก็ตรึงตาตรึงใจ ดวงตากลมโตที่ทอประกายไร้เดียงสาจับจ้องมายังเขา ก่อนจะเสลงมองพื้นเพราะทนการมองแบบจาบจ้วงนั้นไม่ได้

เธอดึงดูดใจกว่าที่คิดไว้มาก...

แต่เมื่อกี้ก็เป็นเธออีกนั่นแหละที่อยู่ในอ้อมกอดของเอกราช คิดมาถึงตรงนี้ภูริก็ได้สติ เขาแสยะยิ้มเย้ยหยัน ใช่ เธอสวย...แต่ทำตัว ‘ร่าน’ ได้แม้แต่กับลูกคนใช้ในบ้าน ผู้หญิงแบบนี้นี่เองถึงได้ยอมรับการคลุมถุงชนอย่างง่ายดาย ในระหว่างที่เจ้าของตัวจริงอย่างเขาไม่อยู่ เธอก็คงมีไอ้ลูกขี้ข้านั่นช่วยระบายความใคร่ไปไม่รู้กี่ยกแล้วสินะ!

“หนูดา นี่พี่ภูริ เรียกว่าพี่ภูเฉยๆ ก็ได้ลูก...”

“สวัสดีค่ะ พี่ภู” หญิงสาวยกมือไหว้ รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ชอบกลกับสายตาดุดันของอีกฝ่าย ตอนแรกเขามองเธอด้วยความพอใจ แต่เพียงครู่เดียวกลับจ้องเขม็งเสียจนเธอใจหายวาบ

“เราจะแต่งงานกัน ถ้าจดทะเบียนเฉยๆ แต่ไม่มีพิธีรีตองอะไร เธอจะมีปัญหาไหม” เขาไม่รับไหว้ด้วยซ้ำ แต่โพล่งออกมาแบบไร้มารยาทในทันที ชาติชายขยับจะตำหนิ แต่อัมพิกาส่ายหน้าห้าม กลัวว่าการยั่วโมโหในตอนนี้จะทำให้ภูริปฏิบัติตัวไม่ดีต่อว่าที่เจ้าสาว ปล่อยให้ทั้งคู่ตกลงกันเองน่าจะดีกว่า

“ไม่มีค่ะ ดา...”

“แค่นั้นแหละที่ฉันอยากรู้” ชายหนุ่มตัดบท ปรายตามองดารินญาอย่างพิจารณา ผู้หญิงที่ใช้ความสวยเป็นสะพานไปสู่ความสุขสบาย สมแล้วที่จะกลายเป็นเพียงแค่ของเล่นของเขา

แม้เธอจะไม่ใช่ผู้หญิงมือหนึ่ง แต่ไม่เป็นไร เขาไม่ถือหรอก...มีประสบการณ์มาก่อนสิดี จะได้ไม่ต้องมาสอนกันให้เมื่อย รับรองว่าถ้าได้ลิ้มรสบทสวาทของเขา เธอจะไม่ต้องลำบากไปใช้ของชั่วคราวอย่างเอกราชอีกแน่

“แน่ใจหรือหนูดา การแต่งงานมันสำคัญกับลูกผู้หญิงนะลูก” ชาติชายถามเสียงอ่อน นั่นยิ่งทำให้ภูริระคายหูหนักขึ้นอีก หากบิดาพูดจาน่าฟังกับเขาแบบนี้บ้าง มันก็คงดีไม่น้อย

“แน่ใจค่ะคุณลุง แค่นี้ดาก็ไม่รู้จะตอบแทนคุณลุงยังไงแล้ว อย่าจัดพิธีให้มันสิ้นเปลืองเลยนะคะ” ประโยคนี้ทำให้ภูริตาโต เข้าใจว่าเธอหมายถึงบุญคุณเรื่องที่จัดการให้ได้แต่งงานกับเขา ทั้งที่ความจริงแล้ว ดารินญาหมายถึงเรื่องที่ชาติชายกับอัมพิกาช่วยจัดการเรื่องพ่อให้ต่างหาก

“คุณพ่อจะให้ผมจดทะเบียนเมื่อไร บอกมาเลยครับ” ภูริเร่งเร้า

“ตามฤกษ์ยามที่หาไว้ก็วันที่เก้าเดือนหน้า แกมีเวลาทำความคุ้นเคยกับหนูดาเดือนกว่าๆ” ชาติชายบอก

“ครับ งั้นเริ่มจากวันนี้เลยแล้วกัน” เขาตอบ แล้วหันไปคว้าข้อมือดารินญา “ฉันหิว แต่ไม่อยากกินข้าวที่บ้าน ออกไปร้านอาหารใกล้ๆ เป็นเพื่อนหน่อยสิ”

“เอ่อ...”

“จะปฏิเสธเหรอ? ฉันนึกว่าเธอเองก็อยากทำความคุ้นเคยกับฉันเสียอีกนะ” ชายหนุ่มยิ้มเยาะ

“ค่ะ ไปก็ได้ค่ะ ขอตัวไปหยิบกระเป๋าก่อนนะคะ”

“ไม่ต้อง เธอไม่ต้องใช้เงินอยู่แล้ว เพราะว่าที่สามีคนนี้จะจ่ายให้เองทุกบาท น่าจะชอบนะ”

“พอทีเถอะภู เลิกพูดจายียวนได้แล้ว” ชาติชายอดตำหนิไม่ได้

“ขอโทษครับที่ทำให้ขุ่นเคืองใจ เอาเป็นว่าผมจะระวังคำพูดนะครับ” ไม่มีความรู้สึกผิดใดๆ ทั้งสิ้นสำหรับคนที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับบิดามาตลอด อัมพิกาแตะแขนสามีเบาๆ อีกครั้ง เมื่อเขาทำท่าจะพูดจาตอบโต้ ไม่อยากให้มันยืดยาวจนดารินญาอึดอัดและทำตัวไม่ถูกมากไปกว่านี้

ภูริจูงมือว่าที่ภรรยาออกไปข้างนอก เปิดประตูรถแล้วดันไหล่เธอให้ขึ้นไปนั่งเคียงข้าง ตลอดทางที่ขับรถไปยังร้านอาหาร หญิงสาวนั่งนิ่งไม่พูดจา ส่วนคนที่ทำหน้าที่สารถีคอยลอบมองด้วยความพอใจ ไม่คิดเหมือนกันว่าลูกสาวเพื่อนสนิทของบิดาจะสวยหวานไปทั้งตัวแบบนี้ จริงๆ ก่อนนี้เขาเองก็คงเคยเห็นเธออยู่บ้าง แต่คงไม่ได้ใส่ใจอะไร ใบหน้าจิ้มลิ้มนี้จึงไม่เคยอยู่ในความทรงจำมาก่อน และแม้ว่าอีกใจจะชิงชังที่เธอใจง่ายยอมแต่งงานกับคนแปลกหน้าอย่างเขา เพียงเพราะหวังสบาย แต่มันก็ห้ามใจไม่ให้มองเธอไม่ได้จริงๆ

“กินข้าวเย็นแล้วใช่ไหม” เขาชวนคุย

“เรียบร้อยค่ะ” เธอตอบเสียงนุ่ม ยิ่งทำให้เขาพึงพอใจ

“กินอีกไหวหรือเปล่า ฉันไม่ชอบกินข้าวคนเดียว”

“ก็ถ้าพี่ภูอยากให้ดากินเป็นเพื่อน ดากินได้ค่ะ”

“เธอพูดคุยสนิทสนมแบบนี้กับทุกคนเลยหรือเปล่า โดยเฉพาะกับไอ้เอก” เมื่อได้ยินคำค่อนขอดนั่น ดารินญาก็นั่งบีบมือตัวเองเงียบๆ ไม่พูดไม่จา คนในบ้านเคยบอกไว้แล้วว่าภูริเป็นคนแบบไหน แต่เธอเพิ่งได้สัมผัสเองเป็นครั้งแรก จึงคิดว่าการเจียมตัวน่าจะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

เมื่อไม่โต้ตอบ ภูริก็ไม่สามารถหาเรื่องได้อีก เขาสะบัดหน้าหลับไปมองหนทางเบื้องหน้า เมื่อถึงร้านอาหารใกล้บ้านก็เลี้ยวรถเข้าไปจอด พนักงานสาวสวยกระวีกระวาดมาต้อนรับลูกชายเศรษฐีกระเป๋าหนักทันที ภูริเปิดประตูลงไป ปล่อยให้สาวสวยสองคนกอดแขนคนละข้าง แล้วพาเข้าไปในนั่งที่โต๊ะประจำ โดยไม่สนใจคนที่ยังอยู่ในรถด้วยซ้ำ

“นี่มันร้านอาหารประเภทไหนกัน พนักงานถึงแต่งตัวกันแบบนั้น” ดารินญายกมือขึ้นปิดหน้าอกตัวเองแล้วทำแก้มป่อง เนื่องจากขนาดของมันเล็กกว่าพวกแม่สาวทรงโต ที่ตอนนี้กำลังนั่งเอนกายเบียดชิดว่าที่สามีของเธออยู่ นอกจากจะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้นวับๆ แวมๆ แล้ว พวกหล่อนยังดูสวยเฉี่ยวกันทุกคน ทำเอาผู้หญิงจืดชืดอย่างเธอแทบไม่กล้าลงไปจากรถเลย

แต่เขามีเพื่อนกินข้าวแล้วนี่...คงไม่สนใจเธอหรอก

ดารินญาตัดสินใจที่จะไม่ลงไปจากรถ เธอเปิดหน้าต่างรับลมไม่ได้ เพราะชายหนุ่มดับเครื่องยนต์แล้วนำกุญแจติดตัวไปด้วย จึงเปิดประตูเอาไว้แทน เสียงเพลงจากร้านอาหารดังกระหึ่มมากระทบหู มองไปก็พบสาวๆ ทยอยยกอาหารมาเสิร์ฟให้ แต่แปลกที่ภูริเอาแต่ชะเง้อมองมาทางเธอ แล้วทำหน้าบึ้งตึงเต็มแก่ แน่นอนว่าคนมองโลกในแง่ดีอย่างดารินญา ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าการนิ่งเฉยของเธอ กำลังทำให้เขาโมโห

เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง ภูริก็เดินกระแทกเท้ากลับมาที่รถ ทั้งที่ปกติเขามักใช้เวลาต่อกับพวกสาวๆ จนดึก ที่พาดารินญามาด้วยก็เพราะตั้งใจจะแกล้งให้เธอนั่งตบยุงรออยู่ข้างๆ ในขณะที่เขาเชยชมสาวงามรอบกาย แต่นี่อะไร...เธอไม่ชายตามองหรือคิดจะหวงว่าที่สามีของตัวเองด้วยซ้ำ เอาแต่เอนกายพิงเบาะรถรับลมสบายๆ ไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย

“ทำไมไม่ลงไป!” เขาตะคอกถามทันทีที่เข้ามาในรถ ทำเอาคนตัวเล็กที่เกือบเคลิ้มหลับสะดุ้งสุดตัว

“ก็...เห็นมีคนอื่นนั่งเป็นเพื่อนแล้วนี่คะ” หญิงสาวตอบใสซื่อ รีบขยับตัวนั่งตรง แล้วดึงประตูรถปิด

“ทีหลังอย่าขัดคำสั่งฉันอีก” เขาออกคำสั่ง

“ค่ะ” เธอรีบรับคำทันที

ภูริขบกรามแน่น มองคนที่นั่งก้มหน้างุดอยู่ข้างตัวอย่างคาดโทษ ก่อนจะขับรถออกไปด้วยความเร็วสูง เมื่อกลับไปถึงบ้านก็เปิดประตูลง ปิดกระแทกดังสนั่นแล้วก้าวอาดๆ เข้าบ้านไปทันที ปล่อยให้ดารินญาเปิดประตูลงตามหลังอย่างไม่ใส่ใจ ใช่...เขาไม่ควรใส่ใจหรือคิดจะทำอะไรเพื่อหวังว่าเธอจะแสดงอาการทุกข์ร้อนใดๆ ในตัวเขา บางทีเขาก็คงบ้าไปแล้ว ถึงได้แต่คอยลอบมองผู้หญิงหยำฉ่าคนนี้ เจอกันยังไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ แล้วทำไมเธอถึงดึงความสนใจของคนอย่างเขาไปได้

ก็แค่ผู้หญิงร่านสวาทอยากมีผัวรวย!

ภูริกำลังจะขึ้นบันไดไปชั้นบน อยากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงมานั่งดื่มเหล้าข้างล่างเงียบๆ เพื่อนึกถึงความหลังอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ แต่เมื่อคลำลงบนกระเป๋ากางเกง เขากลับเพิ่งนึกได้ว่าลืมโทรศัพท์มือถือไว้ในรถ จึงต้องหมุนตัวกลับออกไปข้างนอกเพื่อหยิบมัน เกือบจะก้าวพ้นประตูออกไปอยู่แล้ว แต่เห็นเอกราชกำลังยืนคุยกับดารินญาอยู่ เขาจึงยืนฟังเงียบๆ

“ไปไหนมาเหรอครับ” เอกราชถามคนที่เพิ่งก้าวลงจากรถ แล้วปิดประตูลงอย่างเบามือที่สุด

“คุณภูยังไม่ได้กินข้าวเย็นน่ะค่ะพี่เอก เลยให้ดาออกไปเป็นเพื่อน”

“แล้วคุณภูได้ทำอะไรไม่ดีกับคุณดาไหมครับ”

“ไม่นี่คะ เขาก็ปกติดี แต่ดูโมโหง่ายอย่างที่ทุกคนบอกจริงๆ ถ้าไม่จำเป็นดาก็ไม่อยากอยู่ใกล้นัก ดากลัวค่ะ”

“ไม่ต้องกลัวหรอกครับ ถ้ามีอะไรก็บอกคุณท่านได้เสมอ คุณท่านทั้งสองรักและเอ็นดูคุณดามาก”

“ดารู้ค่ะ แต่ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ดาก็ไม่อยากเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องไปรบกวนท่าน ดาอยากอยู่ในที่ของตัวเองไปเงียบๆ มากกว่า ไม่อยากมีปัญหากับคนที่ดาจำเป็นต้องแต่งงานด้วย ดาไม่อยากให้คุณลุงคุณป้าเป็นทุกข์มากขึ้นกว่าเดิมค่ะพี่เอก”

สิ่งที่ได้ยินทำให้ภูริหน้าชาไปหมด สำหรับเธอ เขาคือเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างนั้นหรือ? เป็นแค่คนที่จำเป็นต้องแต่งงานด้วยอย่างนั้นใช่ไหม? ช่างอวดดีเหลือเกินแม่คุณ...แบบนี้เห็นทีคงจะญาติดีกันไม่ได้แล้ว นับจากนี้ไปจนถึงวันแต่งงาน เขาจะเมินเฉยใส่เธอให้สาแก่ใจ ในเมื่อมองเขาว่าเป็นพวกไร้ตัวตน เธอก็อย่าหวังเลยว่าจะมีค่าในสายตาเขา

“มาแอบคุยอะไรกับว่าที่เมียฉัน” ภูริก้าวออกไปแล้วถามอย่างพาลพาโล

“ผมจะมาเอารถไปจอดในโรงรถให้ครับ เห็นคุณดาเพิ่งเปิดประตูลงมาเลยคุยกันนิดหน่อย” เอกราชตอบนอบน้อม

“ดูสนิทกันจังเลยนะ” ลูกชายคนเดียวของบ้านแค่นยิ้มจับผิด เอกราชไม่ตอบอะไร เพราะรู้ว่าเขาจะพูดหรือจะทำอะไรก็ไม่เคยดีในสายตาภูริอยู่แล้ว ตั้งแต่สมัยเรียนจนถึงวัยทำงาน ไม่มีช่วงเวลาไหนเลยที่ภูริจะยอมพูดดีด้วย ตรงกันข้าม...กลับยิ่งแสดงความจงเกลียดจงชังมากขึ้นทุกที

เอกราชค้อมศีรษะน้อยๆ เป็นเชิงขอตัวนำรถไปจอด ดารินญาสบตากับภูริแวบหนึ่ง ก่อนจะเดินเลี่ยงเข้าไปในบ้าน ตอนแรกเขาตั้งใจจะรั้งเธอไว้ แล้วพูดจาแดกดันให้สะใจเล่น แต่พอคิดได้ว่าสำหรับเธอ เขาไม่ได้มีความสำคัญอะไร เป็นแค่คนที่ต้องแต่งงานด้วยเพื่อความก้าวหน้าในชีวิต เขาจึงกำมือไว้แน่นที่ข้างตัว ไม่ยื่นออกไปคว้าแขนเธอไว้ดั่งใจที่คิดจะทำ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel