บทที่ 5 แลก
แกร็ก!
เสียงเปิดของประตูบ้านดังขึ้นมาทำให้ฉันต้องรีบผละออกจากความคิดของตัวเองทันทีต้องเป็นพี่ยิวแน่ๆ เลย ในที่สุดวันนี้ฉันก็ได้ทานข้าวกับพี่ชายสุดที่รักของตัวเองเสียที
“พี่ยิวมาทานข้าวค่ะ”
เสียงของยาหยีดังขึ้นมาก่อนที่จะตามศีรษะที่โผล่ออกจากประตูที่เชื่อมต่อหลังบ้านที่เป็นห้องครัว ใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มที่แสดงออกมาอย่างจริงใจไม่เสแสร้งเหมือนกับผู้คนสมัยนี้ดวงตาที่สดใสเป็นประกายมันสื่อถึงความไร้เดียงสาในตัวเอง ยาหยีเป็นผู้หญิงค่อนข้างที่จะไม่ค่อยสนใจโลกสมัยนี้ แต่งตัวก็เชยๆ ไม่เคยที่จะใส่กางเกงสั้นเกินเข่าส่วนเสื้อก็จะเป็นเสื้อยืดเป็นส่วนใหญ่แบบนี้แหละที่ผมหวังว่าไอ้ซันมันคงจะชอบ
“พี่ยิวเป็นอะไรหรือป่าวมองหยีทำไมแบบนั้น?”
พอผมรู้สึกตัวอีกทีหนึ่งเสียงเล็กแหลมของยาหยีก็เข้ามาในโสตประสาทพร้อมกับใบหน้าหวานที่ตอนนี้อยู่ตรงหน้าของตัวเองแล้วแต่ก็ช่างเถอะในนาทีนี้ผมต้องคิดถึงตัวเองสิ
“หยี ต้องไปกับพี่”
“…”
เสียงของพี่ยิวเปล่งออกมาในขณะที่ฉันยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับสบตาสีดำของพี่ยิว ใบหน้าที่บ่งบอกว่าตอนนี้เครียดสุดๆ หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพี่ยิวอีกนะ
“หยีต้องไปอยู่กับเจ้านายของพี่”
ประโยคนี้ทำเอาร่างกายของฉันชาวาบไปทั้งตัว สมองมันขาวโพนไปหมดเสมือนกับการที่ตัวเองหลงไปในป่าลึกจนหาทางกลับออกมาไม่ได้
“ทำไมหยีต้องไปคะหรือว่า...”
ปัง!
เสียงถีบประตูดังขึ้นมาผมที่พูดกับยาหยีอยู่รีบหันหน้าไปทันทีโดยที่ไม่สนใจประโยคของยาหยี สายตาก็สบกับสายตาสีรัตติกาลที่คุยเคยเป็นอย่างดีถึงแม้ว่าเขาคนนั้นจะใส่แว่นตาก็ตาม
“ไอ้ซัน”
“กูมาเอาของที่มึงบอกว่าจะให้ใช้หนี้แทน”
ใบหน้าที่ยากจะคาดเดาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เฉียบขาดและเด็ดเดี่ยวมากแค่ไหน ซึ่งคนอย่างผมก็น่าจะรู้จักผู้ชายที่เดินเข้ามาในบ้านเป็นอย่างดี นึกไม่ถึงด้วยซ้ำว่าคนอย่างซัน VILLAIN จะมาด้วยตัวเอง ทั้งๆ ที่ผมยังไม่ได้ตกลงหรือพูดอะไรกับยาหยีด้วยซ้ำที่หายไปสองวันก็เพื่อรักษาตัว
“เออ กูเองไอ้ยิว”
ฉันยังพูดไม่ทันจะจบประโยคก็มีเสียงเปิดประตูบ้าน ไม่ใช่สิแรงแบบนี้เขาเรียกว่าถีบดีกว่ามั้งเข้ามาขัดจังหวะ เมื่อได้ยินแบบนั้นจึงหันหลังกลับไปดูทันที ร่างสูงใหญ่ของผู้ชายที่พี่ยิวเรียกว่าซันเดินเข้ามานั่งริมกับขอบหน้าต่างพร้อมกับพ่นควันบุหรี่สีขาวออกมาอย่างไม่เกรงใจรูปร่างเหมือนกับนายแบบที่หลุดออกมาจากในนิตยสารก็ไม่ปาน
ผมส้มออกทองๆ รับกับใบหน้าเรียวที่ขาวจัด จมูกโด่งแต่เสียดายที่ริมฝีปากคล้ำไปหน่อยเนื่องจากสูบบุหรี่หนัก ไปอยู่เมืองที่หิมะตกมาหรือยังไงนะผิวถึงได้ขาวราวกับไม่เคยถูกแสงแดดบวกกับการแต่งตัวที่ค่อนข้างธรรมดา กางเกงยีนดำขาดๆ กับเสื้อยืดสีขาวสวมทับแจ็คเก็ตหนังสีดำยิ่งทำให้ดูดีเข้าไปใหญ่แต่เสียดายที่มีแว่นตาสีดำมาบดบังสายตา
“หนี้พี่อย่าบอกนะว่าฉันคือของ?”
ฉันพูดขึ้นเมื่อได้ยินประโยคแรกที่ชายที่ชื่อว่าซันเอ่ยขึ้นมาอย่างเรียบๆ โดยไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลยด้วยซ้ำ
“…”
“ถ้าใช่แล้วจะทำไมพี่ชายเธอติดหนี้ชั้นสิบล้าน!”
ผมตอบกลับประโยคของผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องของไอ้ยิวทันทีเมื่อเห็นว่าพี่ชายตัวดีของเธอเงียบกริบ
“สะ สิบล้าน!”
เธอรีบหันตัวไปทางไอ้ยิวทันทีเมื่อได้ยินประโยคที่ผมเน้นพูดออกไปทีละคำสายตาเบิกกว้างของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าผมมันยิ่งทำให้ตัวเองรู้สึกสะใจมากเป็นพิเศษ
ความเปิ่นความโก๊ะและก็ไร้เดียงสาคงมีอยู่ไม่น้อย ท่าทางที่เธอแสดงนั้นมันอยู่ในสายตาของผมหมด ใบหน้าหวานทั้งรอยยิ้มและท่าทางแต่น่าเสียดายที่มันไม่ใช่สเปกของผมเชยขนาดนี้ สิ่งที่สนใจมีเพียงเรื่องเดียวนั่นก็คือ ซิง
“ไม่จริงใช่ไหมพี่ยิวทะ ทำไมพี่ถึงได้ไปติดหนี้เขาเยอะขนาดนั้นมันไม่มีทางเป็นไปได้แน่ๆ”
