บทที่ 4 สักวันจะได้เจอกัน
“ทำหน้าแบบนี้แสดงว่ามีของที่มันถูกใจชัวร์วะ?”
เสียงของไอ้คิน ไอ้โจเนสและไอ้ยูพูดขึ้นพร้อมกันราวกับมีการนัดหมายมาก่อนก็มันแน่อยู่แล้วละเป็นเพื่อนกันมากี่ปีแล้วทำไมเรื่องแค่นี้พวกมันจะดูไม่ออก
ทันทีที่ผมหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาดูก็พบกับรูปสาวน้อยคนหนึ่งที่มีรอยยิ้มที่แจ่มใสสายตาที่เธอสื่อออกมานั้นมันไร้เดียงสามากอีกทั้งยังมีถ้าให้ผมเดาผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างไม่รู้เรื่องอะไร อ่อนต่อโลกเป็นแน่ ใบหน้าเรียวสวย ริมฝีปากนิดๆ จมูกหน่อยๆ หน่อยรับเข้ากับใบหน้าที่ตัดผมหน้าม้า ผมสลวยยาวสีน้ำตาลทองเผยให้เห็นใบหน้าที่ไม่ต้องแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางใดๆ ทั้งสิ้น ออกจะดูเรียบๆ แต่มันมีสิ่งที่น่าดึงดูดจากปากพี่ชายของเธอนั้นก็คือ ชั้นรับรองจริงๆ นะว่ายาหยียังสด ยังซิง จริงๆ ขนาดเที่ยวกลางคืนยังไม่เคยนับประสาอะไรมันจะเคยเรื่องแบบนั้น
สำหรับผมมันช่างเป็นประโยคที่น่าสนใจมากเลยทีเดียวน่าสนใจมากเป็นพิเศษยิ่งการได้รับการการันตีจากพี่ชายมันยิ่งน่าสนใจ น่าทดลองมากเป็นพิเศษเลยว่ามั้ย ยิ่งถ้าเป็นผู้ชายได้มาฟังประโยคนี้เหมือนที่ผมได้ยินใครมันจะไม่อยากลองล่ะผมไม่ได้เสียหายอะไรสักหน่อยมีแต่ได้กับได้ แต่ถ้ามันไม่เป็นอย่างที่ไอ้ยิวพูด เตรียมตัวตายได้เลยมึง!
“มันแน่อยู่แล้ววะพวก “ของกูโคตร.....”
ผมคว้าแก้วเหล้าที่อยู่ตรงหน้าแล้วจัดการกระดกเข้าปากอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ลุกขึ้นเต็มความสูงของตัวเองแล้วก้มวางแก้วลง
“อีกสองวันเราจะได้เจอกันยาหยี”
กลิ่นหอมของอาหารหลากหลายอย่างฟุ้งไปทั่วบ้านเช่าหลังเล็กๆ ที่อยู่ท้ายซอยแออัดแห่งหนึ่งในเมืองหลวง บ้านที่มีขนาดเล็กสภาพก็เท่ากับรูหนูอีกทั้งยังค่อนข้างทรุดโทรมไปกับการเวลา
คนรวยไม่เรียกว่าบ้านเสียด้วยซ้ำ ชุมชนแห่งนี้ก็มีสภาพวิสัยทัศน์ที่ค่อยข้างติดลบขยะมากมายที่มาพร้อมกับน้ำที่เน่าเสียส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วแต่สำหรับคนจนๆ คงจะไม่มีทางเลือกที่มากนักนอกจากการยอมรับชะตากรรมของตัวเอง
ภาพผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งกำลังตั้งใจทำอาหารอย่างสุดท้ายแล้วเพื่อรอให้พี่ชายคนเดียวของเธอ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นอาหารพื้นก็เถอะ
“เสร็จแล้ว”
น้ำเสียงหวานละมุนและอ่อนโยนพูดขึ้นหลังจากที่เธอวางจานอาหารลงบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว รอยยิ้มแห่งความดีใจก็เผยให้เห็นพร้อมกับการใช้มือเล็กๆ ปาดเหงื่อบนใบหน้าแสนหวานของตัวเอง สายตาก็มองไปยังอาหารบนโต๊ะที่มีน้ำพริกปลาทู ไข่เจียวหมูสับและก็ต้มข่าไก่
“พี่ยิวคงดีใจแน่ๆ เพราะมีแต่ของชอบทั้งนั้น”
ใบหน้าหวานเอ่ยขึ้นด้วยความหวังสองวันแล้วสินะที่ต้องทำอาหารเก้อรอแบบนี้ ใช่แล้วล่ะฉันทำอาหารรอพี่ชายของตัวเองทุกๆ วัน แต่มันก็จบลงด้วยการทานคนเดียว ไม่รู้ว่าพี่ชายตัวเองไปไหนถึงไม่ค่อยกลับบ้านกลับช่องอาทิตย์หนึ่งจะเห็นหน้าแค่เพียงไม่ถึงครึ่งวันด้วยซ้ำแต่แล้วอาทิตย์นี้มันแปลกเหลือเกิน
พี่ยิวไม่กลับบ้านเลยสักครั้งถือว่าผิดปกติมาก ฉันใจคอไม่ดีเลยเพียงเพราะคำว่า “ห่วง” เท่านั้น พี่ยิวมักจะออกไปกู้หนี้ยืมสินของคนที่ปล่อยเงินกู้เป็นประจำทำให้ฉันต้องตามไปชดใช้หนี้ให้ด้วยเงินจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองที่มีค่อนข้างน้อยแต่ทำยังไงได้ในเมื่อฉันรักพี่ชายของตัวเองเท่าชีวิต
แกร็ก!
เสียงเปิดของประตูบ้านดังขึ้นมาทำให้ฉันต้องรีบผละออกจากความคิดของตัวเองทันทีต้องเป็นพี่ยิวแน่ๆ เลย ในที่สุดวันนี้ฉันก็ได้ทานข้าวกับพี่ชายสุดที่รักของตัวเองเสียที
“พี่ยิวมาทานข้าวค่ะ”
เสียงของยาหยีดังขึ้นมาก่อนที่จะตามศีรษะที่โผล่ออกจากประตูที่เชื่อมต่อหลังบ้านที่เป็นห้องครัว ใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มที่แสดงออกมาอย่างจริงใจไม่เสแสร้งเหมือนกับผู้คนสมัยนี้ดวงตาที่สดใสเป็นประกายมันสื่อถึงความไร้เดียงสาในตัวเอง ยาหยีเป็นผู้หญิงค่อนข้างที่จะไม่ค่อยสนใจโลกสมัยนี้ แต่งตัวก็เชยๆ ไม่เคยที่จะใส่กางเกงสั้นเกินเข่าส่วนเสื้อก็จะเป็นเสื้อยืดเป็นส่วนใหญ่แบบนี้แหละที่ผมหวังว่าไอ้ซันมันคงจะชอบ
“พี่ยิวเป็นอะไรหรือป่าวมองหยีทำไมแบบนั้น?”
