ตอนที่ 2-1 นอนด้วยกัน
อีกฟากหนึ่งที่ออฟฟิศของ PP Monster Advance ‘ฟ้าใส นันทกิจ’ พี่รหัสสมัยเรียนอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกัน แถมเป็นผู้ชวนสิตาลมาเที่ยวผจญภัยครั้งนี้ กำลังว้าวุ่นใจ กว่าสิบสองชั่วโมงแล้วที่สิตาลหายไปในป่า จะให้เธอนั่งเฉยๆ รอฟังข่าวได้อย่างไร สิตาลไม่ได้เดินอยู่ในห้างสรรพสินค้าแล้วพลัดหลงกัน แต่หญิงสาวหลงไปในป่าลึก ซึ่ง ‘คุณปราบ’ ชายหนุ่มหน้าตาดีผู้เป็นเจ้าของ PP Monster Advance ยอมรับออกมาเองว่าบริเวณที่สิตาลน่าจะหายเข้าไปนั้นเป็นป่าดิบรกชัฏ ทำให้ปราบยิ่งเป็นกังวล แม้จะกระจายกำลังออกค้นหาหลายชุด แต่ก็คว้าน้ำเหลวออกมา
เจ้าของร่างเล็กมีสีหน้ายุ่ง แล้วลุกพรวดขึ้นจากโซฟาหลังจากที่เห็นทีมค้นหาหลายชุดกลับเข้ามา
“เราจะทำอะไรได้มากกว่านี้ไหมคะ ฉันเป็นห่วงเพื่อนมาก”
“ผมก็ร้อนใจไม่น้อยไปกว่าคุณ แต่การค้นหาในเวลากลางคืนอันตรายมากครับ แต่เราก็ยังมีความหวัง เพราะราเมศไม่กลับออกมาแบบนี้ นั่นหมายความว่า บางทีเขาอาจจะเจอคุณสิตาลแล้วก็ได้”
ชายร่างสูง ผิวขาว หน้าตาดีที่ยืนอยู่ด้านหลังฟ้าใสสะดุดกับประโยคนี้
“ราเมศ ใครเหรอครับ หรือว่าเป็นพนักงานที่นี่ เขามีความชำนาญป่าดีใช่ไหม”
‘ณกรณ์’ โพล่งขึ้น เขาเป็นห่วงสิตาลมากจนขอเข้าไปตามหาสิตาลด้วย แต่ปราบไม่อนุญาต เพราะหากไม่ชำนาญป่าจะยิ่งทำให้ทุกอย่างล่าช้า แล้วอาจเกิดการพลัดหลงเพิ่มปัญหามากขึ้นกว่าเดิม
“ราเมศ หรือนายหัวราเมศ เป็นเพื่อนของผม และเป็นเจ้าของเกาะมุกตะวัน ราเมศเป็นผู้ที่ชำนาญในการเดินป่า เขารู้เส้นทางที่นั่นดี และเป็นคนเดียวที่พารถเอทีวีเข้าไปที่นั่นได้ เส้นทางแถบนั้นทั้งแคบและสูงชัน อันตรายมาก”
“ถ้าเพื่อนของคุณมีโอกาสเจอสิตาล แล้วทำไมยังไม่พาเธอกลับมาอีก”
จะไม่ให้เขาห่วงรุ่นน้องสาวคนสนิทได้อย่างไร ในเมื่อสิตาลสวยขนาดนั้น ผิวก็ขาวราวกับไข่มุก มีเส้นผมยาวสลวยสีน้ำตาลล้อมกรอบหน้ารูปไข่ ดวงตาโตหวานฉ่ำรับกับจมูกโด่งทรงหยดน้ำที่ไม่เคยผ่านการศัลยกรรม แต่ได้รับมาเป็นมรดกจากมารดาที่เป็นถึงอดีตนางงามเชียงใหม่
ฟ้าใสฟังณกรณ์พูดแล้วเบิกตากว้าง “นั่นสิคะ ถ้าเจอแล้ว ทำไมไม่รีบพายายสิตาลออกมา”
ปราบมองสองนักท่องเที่ยวแล้วส่ายหน้าช้าๆ “ในป่า กลางคืนอันตราย และความน่ากลัวของมันมีมากกว่ากลางวันเยอะครับ”
เสียงเข้มกับสีหน้าจริงจังของปราบทำให้ฟ้าใสและณกรณ์เงียบลง
ภายในป่า สิตาลหันไปมองรอบกายที่มีแต่ความมืด แหงนหน้าขึ้นไปก็เห็นแต่ต้นไม้สูงใหญ่กับเสียงสัตว์ร้องดังแว่วๆ มาชวนให้ขนลุกจนต้องยกมือขึ้นมากอดอก แล้วสะดุ้งขึ้นเมื่อได้ยินน้ำเสียงวางอำนาจ
“ผมกางเต็นท์เสร็จแล้ว จะเข้ามานอนด้วยกัน หรือว่าจะไปหัดผูกเปลก่อน”
แสงสว่างจากกองไฟทำให้เห็นว่าสิตาลแอบแลบลิ้นใส่ราเมศที่หันหลังให้เธอ มืออีกข้างก็จัดการกับฟลายชีตเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำซึมเข้าไปในเต็นท์หากเกิดฝนตกหรือน้ำค้างแรงจัด
“ฉันอยากอยู่ในเต็นท์มากกว่า นอนเปลยุงกัดตายแน่ หรือไม่ก็ตากน้ำค้างจนปอดบวมพอดี” สิตาลบอก เพราะรู้สึกว่า คืนนี้น้ำค้างแรงมาก แล้วรีบลุกขึ้นเดินไปที่เต็นท์เล็กๆ ขนาดสำหรับสองคน
สาวสวยกำลังจะหันไปรูดซิปปิดเต็นท์ แต่แล้วคนตัวสูงก็เดินตามเข้ามาด้วย ทำให้สิตาลเบิกตากว้าง
“คุณเข้ามาทำไมคะ ฉันเป็นผู้หญิง แล้วเราก็ไม่รู้จักกันมาก่อน นอนเต็นท์เดียวกันไม่ได้”
“ก็รู้จักกันแล้วนี่ ผมชื่อราเมศ ส่วนคุณชื่อสิตาล หรืออยากรู้จักกันให้ลึกกว่านี้”
เขามองเธออย่างมีความหมาย ทำให้สิตาลยกมือขึ้นกอดอกแล้วถอยกรูด
“คนบ้า ฉันไม่อยากรู้จักคุณลึกไปกว่านี้หรอก แต่ฉันยืนยันว่าฉันเป็นสุภาพสตรี และเป็นลูกค้า คุณควรดูแลฉันอย่างดี ไม่ใช่ฉวยโอกาสกับฉัน”
นายหัวราเมศจ้องเขม็งมองหญิงสาวด้วยสายตาดุดัน “ถามจริง คุณเป็นคนประเภทไหน โตมายังไง ผมต้องเสียเวลาเข้ามาในป่าตามหาคุณ เต็นท์นี้ ผมก็เอามา คุณต้องขอบคุณผมมากกว่าที่อนุญาตให้คุณนอนร่วมเต็นท์ด้วยได้ ผมจะนอนในเต็นท์นี้ด้วย หลบไป”
คนถือสิทธิ์เป็นเจ้าของเต็นท์อยากแกล้งแม่ตัวยุ่งจึงเดินเข้าไปในเต็นท์โดยไม่สนใจเสียงร้องห้าม สีหน้าของสิตาลเวลานี้ฉายแววตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด
ดวงตาคู่คมจดจ้องคนหน้าตื่นๆ ยืนตัวเกร็งนั้น
“นอกจากไม่ขอบคุณแล้ว ยังคิดจะให้ผมนอนตากน้ำค้างอีก ดีไม่ดี เกิดมีงูเงี้ยวเขี้ยวขอมาฉกผมกลางดึกจะทำไง ผมก็ไม่ใช่คนใจหล่อเหมือนหน้าตาซะด้วย” ราเมศบอกแล้วถือสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ แสร้งล้มตัวลงนอนอย่างไม่สนใจสายตาใครทั้งสิ้น สิตาลเห็นท่าไม่ดีเลยเลือกที่จะเป็นคนออกไปนอนนอกเต็นท์เอง
“ผู้ชายบ้าอะไร ไม่เป็นสุภาพบุรุษเลย งั้นฉันไปนอนข้างนอกเองก็ได้” หญิงสาวว่าเขาแล้วก็รีบออกจากเต็นท์
ราเมศไม่ได้ห้ามปราม เขาก็อยากดูว่าเธอจะทนยุงป่ากับสภาพอากาศคืนนี้ที่มั่นใจว่าฝนตกแน่ไปได้นานสักแค่ไหน
เพียะ เพียะ เพียะ
สิตาลตบยุงป่าที่ชุมจนคันไปหมด แล้วก็ได้ยินเสียงคนในเต็นท์พูดลอยๆ ออกมา
“จะบอกอะไรให้นะว่ายุงป่าน่ากลัวกว่าไอ้เจ้าเพื่อนสี่ขาที่คุณวิ่งหนีมันอีก ยุงป่าพวกนี้มันทำให้เกิดโรคไข้มาลาเรีย นิสัยอย่างคุณ เรื่องเยอะแบบนี้ท่าจะยังหาผัวไม่ได้ คงไม่อยากเอาชีวิตมาทิ้งกลางป่าหรอกมั้ง”
สิตาลเบ้ปาก “ปากเสีย แต่ถ้าฉันดวงซวยโดนยุงป่ากัดตาย ฉันจะมาหลอกผู้ชายไร้ความเป็นสุภาพบุรุษอย่างคุณเป็นคนแรกเลย คอยดูสิ”
เสียงจากในเต็นท์ดังออกมา “ผมไม่กลัวผีหรอกคุณ เจอจนชินแล้ว ในป่านี้มีผีเพียบ ถ้าจะเพิ่มคุณอีกหนึ่งคงไม่น่ากลัวไปกว่านี้แล้ว คุณมองไปที่ด้านซ้ายของเต็นท์สิ เห็นต้นไม้ใหญ่ๆ ขนาดสี่คนโอบนั่นไหม”
สิตาลหันไปมองตามที่คนในเต็นท์บอก “เห็นค่ะ มีอะไรเหรอ”
“มีเจ้าแม่ตะเคียนอยู่ไง ไปทำความรู้จักกันไว้สิ เผื่อคุณตายในป่านี้จะได้มีเพื่อน”
“กรี๊ดดด”
คนในเต็นท์ตกใจ ตั้งรับไม่ทันเมื่อจู่ๆ สาวเจ้าก็กระโจนเข้ามาข้างใน แล้วยังสะดุดขาตัวเองล้มคะมำหน้าฟาดเข้ากับของแข็งอย่างจัง ทำเอาคนที่กำลังนอนหงายสองมือสอดประสานอยู่ที่ท้ายทอยเป็นฝ่ายหน้าแดงเสียเอง เขาเคยเจอมาบ้าง พวกแม่สาวใจร้อนที่เห็นของอร่อยก็ตั้งหน้าตั้งตาเข้ามาขอชิม แต่ไม่คิดว่าแม่ตัวยุ่งนี่ก็เป็นแบบนั้นด้วยอีกคน
คนนอนหงายอยู่ก้มหน้ามองต่ำไปที่ช่วงล่างของตนเอง รู้สึกจุกท้องน้อยไปหมด เห็นศีรษะของหญิงสาวที่เงยขึ้นมาจากเป้ากางเกงยีนของเขา สีหน้าเหมือนจะร้องไห้ออกมา
“เรารู้จักกันแล้ว แต่ไม่คิดว่าคุณจะคิดไกล ใจร้อนอยากรู้จักผมลึกขนาดนี้”
คลื่นโทสะที่อยากต่อว่าตัวเองที่ซุ่มซ่ามจนหลงป่า แล้วยังมาเจอผู้ชายหน้าหล่อแต่ปากร้าย ชีกอ ผลักดันคำพูดให้โพล่งออกมาอย่างเหลืออด
“คนบ้า ฉันไม่ได้ตั้งใจ ก็คุณหลอกเรื่องผีฉัน ฉันก็เลยรีบวิ่งเข้าเต็นท์มาแล้วสะดุดล้ม”
