เมียรักของนายหัว

140.0K · จบแล้ว
บุษบาบัณ/นศามณี
82
บท
11.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

‘สิตาล’ คือคนสวยที่ชีวิตช่วงนี้กำลังดวงซวย พี่ชายเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ ทิ้งหนี้สินไว้เป็นภาระ ไหนจะมาเจอเจ้านายที่จ้องจะขายเธอราวกับสินค้า แต่ปัญหาที่เรียงหน้าเข้ามาพร้อมทุกด้าน กลับได้ผู้ชายคนหนึ่งเข้ามากู้วิกฤติชีวิตให้... ‘นายหัวราเมศง มีแววว่าจะมีความเกี่ยวข้องกับพี่ชายเธอไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง สิตาลจึงวางแผนติดตามเขาไปอยู่ที่เกาะมุกตะวันด้วยการโมเมว่าได้เสียเป็นเมียผัวกับเขา แต่สืบไปสืบมาเธอดันลืมคิดไปว่า เขาเองก็หล่อไม่ใช่น้อย เจ้าเล่ห์ไม่หยอก บอกตรงๆ เลยว่า เธอพลาดเอง ที่เดินไปติดกับดักรักของเขาเข้าอย่างจัง! สิตาลเดินไปหยิบชุดว่ายน้ำที่เขาเตรียมไว้ให้ขึ้นมาดู ดวงตาคู่หวานเบิกกว้าง เมื่อเห็นว่าชุดว่ายน้ำสีเหลืองสดมันเซ็กซี่ โชว์แผ่นหลังเต็มๆ “นี่ชุดว่ายน้ำเหรอ ใครจะกล้าใส่” “งั้นคุณไม่ต้องใส่อะไรก็ได้ ผมไม่ได้ถือ” “คนบ้า โรคจิต!” เธอกัดปากแน่นด้วยความโมโหปนหมั่นไส้คนที่เตรียมแผนการมาอย่างดี ไม่งั้นคงไม่เตรียมชุดว่ายน้ำให้เธอหรอกพลันเห็นโทรศัพท์เขาวางอยู่ หญิงสาวปรายตามองเขาแวบหนึ่งแล้วหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมา โชคดีที่เขาไม่ได้ใส่รหัสไว้ เพราะคงมั่นใจว่าไม่มีใครกล้ายุ่ง หญิงสาวยิ้มมุมปากอยากเอาคืนคนเหลี่ยมจัด เลยยืนเอาตัวบังไว้แล้วรีบกดเปิดไลน์อย่างรวดเร็ว เธอไล่หาชื่อของปาหนัน แล้วยิ้มกว้าง มือเรียวรีบพิมพ์ไลน์ลงไป หลังพิมพ์เสร็จกำลังจะลบข้อความทิ้ง “นี่คุณทำอะไรอยู่น่ะ ผมรอนานแล้วนะ” สิตาลสะดุ้งเมื่อคนของเขาเอาเครื่องดื่มมาวางทำให้เธอต้องรีบวางโทรศัพท์ของราเมศกลับที่เดิม ราเมศยังส่งเสียงเรียกอีก “ผมใจร้อนไม่ชอบคอยอะไรนานๆ หรือว่าคุณไม่อยากเซ็นสัญญากับผมแล้ว เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทัน” “เปล่าค่ะ ฉันจะไปเปลี่ยนชุดเดี๋ยวนี้แล้วค่ะ คุณราเมศ” ริมฝีปากบิดพร้อมกับนัยน์ตาวาบขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ ***เรื่องนี้เคยตีพิมพ์กับ สนพ ไลต์ออฟเลิฟ ชื่อเรื่อง เหลี่ยมรักนายหัว***

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักประธานสัญญาทางรักมาเฟียพระเอกเก่งจีบเมียเก่าบอสซึนเดเระเศรษฐีโรแมนติก18+

ตอนที่ 1-1 หลง

เกาะมุกตะวัน

มุกน้ำเค็ม เป็นมุกที่มีราคากว่ามุกน้ำจืดมากด้วยความหายากของมัน การทำฟาร์มมุกจำเป็นต้องมีที่เลี้ยงมุกในความลึกไม่ต่ำกว่าสี่ร้อยเมตร ใช้เวลาในการเพาะเลี้ยงหลายปี เกาะมุกตะวันมีทิศเหนือติดกับตำบลปากแม่น้ำ ทิศใต้ติดกับตำบลกะเปอร์ ทิศตะวันออกติดกับตำบลหงาว และทิศตะวันตกติดกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา บริเวณนี้จึงเป็นสถานที่เหมาะแก่การทำสัมปทานฟาร์มมุก

‘นายหัวเดชา’ ตาของ ‘นายหัวราเมศ เซร์เกร์ ลักษณะเดช’ เป็นผู้ได้รับสัมปทานการเลี้ยงหอยมุกจากรัฐบาลเป็นรายแรก มุกที่เกาะนี้ขึ้นชื่อว่างาม คุณภาพดี ทำให้ขายได้ราคาดีมาก ด้วยระบบนิเวศและยังอยู่ห่างไกลจากชายฝั่ง ต้องใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมงจึงจะถึงที่นี่ ทำให้หอยมุกเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่ หากเป็นเมื่อก่อน การเดินทางมาที่เกาะมุกตะวันนั้นเป็นไปได้ยากผิดจากเวลานี้ แม้เกาะมุกตะวันจะเป็นเกาะส่วนตัวของคนในตระกูลลักษณะเดช แต่กลับมีทั้งไฟฟ้า น้ำประปา รวมถึงสัญญาณอินเทอร์เน็ต อีกทั้งยังมีโรงพยาบาล และโรงเรียนระดับประถมศึกษาสำหรับลูกหลานคนงานบนเกาะ

ทางทิศตะวันตกของเกาะ ร่างสูงใหญ่ของนายหัวราเมศกำลังแหวกว่ายอยู่ในท้องทะเลสีครามด้วยกางเกงว่ายน้ำสีดำ ปล่อยท่อนบนเปลือยเปล่า มีเพียงขนสีน้ำตาลอ่อนปกปิดเอาไว้อย่างน่ามอง ต่ำลงมาคือหน้าท้องแกร่งที่ขึ้นเป็นลอนอย่างสวยงามตามแบบฉบับคนที่นิยมออกกำลังกาย

นายหัวราเมศมีความสามารถด้านดำน้ำลึก เขาคงมีปอดเหล็กถึงดำน้ำได้นานกว่าคนทั่วไปถึงเท่าตัว ที่บริเวณชายฝั่งหาดทรายสีขาวขนาดกับแนวต้นสนสีเขียว ‘นายแก้ว’ คนสนิท ซึ่งเป็นลูกคนงานเก่าแก่ของฟาร์มมุกตะวันแห่งนี้และรับใช้นายหัวราเมศมานับสิบปี เรียกจนคอแหบคอแห้งกว่าผู้เป็นนายจะผุดขึ้นมากลางทะเล

“หน่ายฮั่ว หน่ายฮั่ว มีเรื่องด่วนครับน้าย” (นายหัว นายหัว มีเรื่องด่วนครับนาย)

ราเมศผุดขึ้นจากน้ำแล้วว่ายเข้าหาฝั่ง “ว่าพรื้อ! ไอแก้ว” (มีอะไรวะ! ไอ้แก้ว)

ร่างสูงใหญ่เดินขึ้นจากน้ำ ผมที่เปียกชุ่มรับกับกรอบหน้าหล่อเข้มแบบลูกครึ่ง ดวงตาคมแฝงความเฉียบขาดเอาไว้ตลอดเวลารับกับจมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหยักคมแดงเข้ม มีไรเคราเขียวครึ้มล้อมกรอบหน้า ยิ่งทำให้นายหัว ราเมศ เซร์เกร์ ลักษณะเดช คือผู้ที่คว้าเอาแต่ยีนเด่นระหว่างมารดาที่เป็นชาวไทยและบิดาที่เป็นชาวรัสเซียมาไว้บนใบหน้า

ชายหนุ่มผิวเข้ม ฟันขาว หน้าตรงปกว่ามีพื้นเพเป็นคนใต้อย่างแน่นอน หอบเหนื่อยยิ่งกว่าคนที่เพิ่งเดินขึ้นมาจากทะเลหมาดๆ

“คุ้ณปราบครับหน่ายฮั่ว คุ้ณปราบแลงหว่า มีนักท่องเที่ยวขับรถเอทีวีเข้าไปเที่ยวต๊ก แหล่วล้ง โย้เครงยังห้าหม่ายท่า คุ้ณปราบ แก่สากลัวหว่าจะล้งเข้าป่าที่เอารถเข้าไปหม่ายด่าย หวันฉ่ายแหล่ว ถ้าหวันดับยังหม่ายท่า อันตรายแหน่” (คุณปราบครับนายหัว คุณปราบบอกว่ามีนักท่องเที่ยวขับรถเอทีวีเข้าไปชมน้ำตกในป่า แล้วพลัดหลงหายตัวไป ตอนนี้ยังหาไม่เจอ คุณปราบแกเกรงว่าจะหลงไปในพื้นที่ที่เอารถเข้าไปตามหาไม่ได้ แล้วนี่ก็บ่ายแล้ว ถ้าค่ำยังหาไม่เจออันตรายแน่ๆ)

“เหยดครก” (ฉิบหายแล้ว) ราเมศแค่นยิ้ม เขารู้จักบริเวณที่ลูกน้องคนสนิทรายงานเป็นอย่างดี เลยจากผาน้ำตกเข้าไปเป็นเส้นทางเล็กๆ ที่มีธรรมชาติสวยงาม แต่รถยนต์ไม่สามารถเข้าไปชมความงามนั้นได้ มีเพียงช่องทางเล็กๆ ที่รถเอทีวีสามารถผ่านเข้าไปได้ แม้จะมีธรรมชาติที่สวยงามแต่กลับเต็มไปด้วยอันตราย ทั้งช้างป่าและเสือ ที่จริงแล้วทาง ‘PP Monster Advance’ ที่มีนายปราบเพื่อนสนิทของเขาเป็นเจ้าของนั้นคอยดูแลตักเตือนไม่ให้ลูกค้าเข้าไปในพื้นที่ต้องห้ามอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวแอบฝ่าฝืนเข้าไป จนสุดท้ายถูกเสือลากไปกิน แล้วถ้ามีเหตุอีกครั้ง มีหวัง PP Monster Advance คงถูกสั่งให้ปิดตัวลง

“หมันครับ เหยดครก ถ้าคืนหนี่หานักท่องเที่ยวหม่ายท่า คุ้ณปราบเล่ยโทร.ให้ผ้มมาแจ้งให้หน่ายฮั่วลุบปายรุม ก็มีแต่หน่ายฮั่วแหล่วครับ ที่เข้าไปที่นั่นลาวหม่ายล้ง หาม้ายใครแถวหนี่ขับเอทีวีหรอยเท่าหน่ายฮั่ว” (ใช่ครับ ฉิบหายแน่ ถ้าคืนนี้หาตัวนักท่องเที่ยวคนนั้นไม่เจอ คุณปราบเลยโทร.ให้ผมมาแจ้งให้นายหัวรีบไปช่วยหน่อย ก็มีแต่นายหัวนั่นแหละครับ ที่เข้าไปที่นั่นแล้วไม่หลง อีกอย่างไม่มีใครแถวนี้ขี่เอทีวีเก่งเท่านายหัว)

แม้ราเมศจะหงุดหงิดที่ถูกขัดจังหวะการผ่อนคลายด้วยการลงไปแหวกว่ายชมปะการังน้ำตื้น แต่ก็รู้ดีว่าชีวิตของคน คนหนึ่งสำคัญมากแค่ไหน ชายหนุ่มถอนหายใจพรืดยาว

“กูเหล่ยซ้วยหมันหม่าย ไอแก้ว ไปติ๊ดเรือป่าย” (กูก็เลยซวยใช่ไหมไอ้แก้ว ไปเตรียมเรือไป) คนหน้าหล่อจัดแบบลูกครึ่งแต่สำเนียงใต้ชัดเป๊ะ สั่งแล้วก็เดินตรงไปที่บ้านหลังใหญ่ เพื่อเตรียมข้ามไปอีกเกาะหนึ่ง ซึ่งเป็นเกาะชื่อดัง มีสถานที่สวยงาม

อีกฟากหนึ่ง บรรยากาศในป่าที่ความมืดโรยราลงมาปกคลุม เวลานี้ ‘สิตาล’ อยู่ในป่าเพียงลำพัง เธอไม่เคยเดินป่ามาก่อน และไม่ได้คิดอยากจะออกนอกเส้นทาง แต่ระหว่างที่ขี่เอทีวีรั้งท้ายตามเพื่อนๆ ไป รถเกิดขัดข้องขึ้นมา หญิงสาวร้องเรียกเพื่อนๆ แต่พวกเขามุ่งหน้าไปไกลแล้วจึงไม่มีใครได้ยิน

แต่สิ่งที่โชคร้ายที่สุดคือมีเสียงช้างโขลงหนึ่งร้องขึ้น ทำให้สิตาลตกใจจนเผลอบิดคันเร่ง จึงพบว่าเครื่องยนต์ติดแล้ว พอออกตัวได้ เธอก็บิดหนีอย่างไม่คิดชีวิต แต่ด้วยความตกใจกลัวทำให้หลงเข้ามาลึกเกินไป และผิดเส้นทาง สัญญาณโทรศัพท์หายไป ในขณะที่ไอ้รถเจ้ากรรมเดี๋ยวติดเดี๋ยวดับ แล้วมันก็มาดับตรงนี้ ที่มีทัศนียภาพสวยงามอยู่เมื่อครู่ตอนเย็น แต่พอพลบค่ำ เสียงหวีดหวิวของสายลมที่กระทบกับใบไม้ในป่ากลับฟังแล้ววังเวงน่ากลัว สิตาลที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยได้แต่กอดอกแล้วมองไปรอบๆ ตัว

“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย ฉันอยู่ที่นี่”

เธอตะโกนสุดเสียง เพราะมั่นใจว่าทาง PP Monster Advance ต้องส่งพนักงานออกตามหาเธอ

“เขาไม่ปล่อยให้นักท่องเที่ยวหลงป่านานหรอกจริงไหม”

คนสวยถามตัวเอง แล้วมองนาฬิกาข้อมือซึ่งขณะนี้ปาเข้าไปสามทุ่มแล้ว แต่ทุกสิ่งก็ยังคงเงียบสงัดดังเดิม ยกเว้นเสียงหนึ่งที่เพิ่งจะดังขึ้นมา

“โฮก โฮก” เสียงคำรามในคอครืดคราดเหมือนมีอะไรติดคอมันอยู่ สิตาลแยกออกว่าเป็นเสียงของเสืออย่างแน่นอน แต่เธอถูกมารดาสอนไว้ว่า

‘เข้าป่าห้ามพูดถึงเสือ ลงเรือห้ามพูดถึงจระเข้’

เสียงย่ำลงบนใบไม้ที่ดังใกล้เข้ามาทำให้สิตาลต้องยกมือขึ้นปิดปาก หัวใจดวงน้อยเต้นตุบๆ ยิ่งกว่ากองเพล เวลานี้มันแทบจะกระโดดทะลุอกออกมา จะไม่พูดอะไรออกมาก็อัดอั้นเสียจนแทบทนไม่ไหว

“ซวยแล้ว...”

เท้าเรียวยืนนิ่งอยู่กับที่ ร่างทั้งร่างแข็งค้าง ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง เพราะไม่รู้ว่าอันตรายจะเข้ามาประชิดตัวตอนไหน ความมืดที่โรยตัวลงมาทำให้มองอะไรไม่ถนัด สิตาลมองเห็นแต่เงามืด และได้ยินเสียงใบไม้ปลิวไหวตามแรงลมกับเสียงสัตว์กลางคืนที่เริ่มออกหากิน

ร่างสวยค่อยๆ ขยับเท้าไปข้างหลังอย่างช้าๆ เพราะไม่อยากเป็นเป้านิ่ง เคยได้ยินมาว่าพวกสัตว์ป่าที่ออกหากินกลางคืนสายตาของมันดีมาก คิดแล้วก็อดกลัวไม่ได้ คนที่วิ่งไวกว่าเต่าไม่เท่าไหร่อย่างเธอจะวิ่งหนีมันได้ทันไหม ทว่ายังไม่ทันคิดจบ เสียงสวบสาบคล้ายมีฝีเท้าหนักๆ ย่ำลงบนใบไม้ก็ทำให้ใจดวงน้อยของสิตาลตกไปอยู่ตาตุ่ม

‘เสียงอะไร’

ความหวาดกลัวทำให้สิตาลขาดสติรีบวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต และเจ้าสัตว์ร้ายก็เหมือนจะรู้ว่าเหยื่อรู้ตัวแล้ว เพราะเธอได้ยินเสียงมันไล่ตามหลังมาติดๆ

เท่านี้ สาวเจ้าก็แทบสติแตกส่งเสียงร้องขึ้นอย่างลืมตัว “ช่วยด้วย!! ช่วยด้วยค่ะ!!”