บท
ตั้งค่า

5

พอหวนคิดถึงเรื่องของเขา ภาพและเสียงในค่ำคืนนั้นก็พลันปรากฏขึ้นในมโนนึก

'ฉันกินเผ็ดไม่ค่อยได้' เสียงทุ้มนั่นลั่นไล้ไปตามหน้าท้องขาวเนียนดุจผืนทรายละเอียด

เคราประปรายที่ถูกตัดจนสั้นเตียน ละเลียดแผ่วเบาเชื่องช้า แต่ความรู้สึกของเธอ กลับเหมือนถูกกรีดด้วยมีดคมกริบ ที่มีเลือดไหลซิบแต่กลับรู้สึกคันด้วย

'อื้อ' สะโพกเปลือยเปล่าร่อนขึ้น เมื่อเงาของจมูกงุ้มกำลังจะจมจ่อมลงไปในหลุมเล็กเหนือหัวเหน่า

ร้อนผ่าวนัก...

จดจำได้จนต้องหลับตาหนีบขาตัวเองแน่น

"ระวังแก้วแตก" เสียงเชิงพร่าดังชัดราวกับไม่ได้อยู่ในห้วง 'หวนระลึก'

'ระวังฉันจะแตก' จริงๆ แล้วเขาพูดประโยคนี้ต่างหากเธอจำได้ เขาพูดตอนที่เธอกลืนกินเขารอบแล้ว รอบเล่า...ไม่หยุดปาก

"เมาแล้วหรือไง"

ไม่น่าจะใช่ละ คนหัวไวอย่างญานินรีบขับไล่ทุกห้วงอารมณ์ที่จะทำให้ตัวเองเสียหน้า

มือที่บีบแก้วในมืออย่างไม่รู้ตัว ผ่อนคลายลงเล็กน้อย กิริยา 'ทำเป็น' สลัดศีรษะตกอยู่ในความขันเล็กๆ ในแววตาของเขา

"เอ๋? ยังไงนะคะ" แสร้งว่า หากแต่แนบเนียนนัก ในสายตาผู้รับชมอย่างเขา

"ผมเห็นคุณยืนบีบแก้วในมือตัวเองมาสักพัก จะว่าโกรธใครจนจะทำให้แก้วแหลกก็ไม่ใช่ มันเหมือนกับ..." เว้นระยะประโยคเชิงครุ่นคิด ช้อนนัยน์ตาสีนิลสนิทสบกับแววตาตื่นตระหนกซุกซ่อน

"เหมือนกับอะไรเหรอคะ?" กัดปากตัวเองอัตโนมัติ จะไปเปิดช่องให้เขาทำไม!

"เปล่าครับ ว่าแต่เป็นยังไงบ้างครับ อาหารที่ทางแบรนด์จัดเตรียมมาถูกปากมั้ย?" กิตติธัชเปิดเผยด้านสุภาพอย่างที่สุดออกมา จนเธอแอบไม่แน่ใจว่าแท้จริงแล้ว ตัวตนของเขาเป็นแบบไหน

'พี่ธัชเขาเป็นคนขี้อาย มาเจอใครยาก' ป้าเคยบอกเธอเอาไว้แบบนั้น นั่นคือเหตุผลสะสมที่ทำให้เธอต้องมาอยู่ ณ ตรงนี้

ตอนนี้

ตรงหน้าเขานี้...

"เหม่ออีกแล้วนะครับ" เสียงกระแอมเชิงล้อของเขา ปัดเป่าห้วงคำนึงขาดผึงไปในพริบตา

อา...

รู้สึกไม่เป็นตัวเองเลย ร่ำร้องอยู่ในใจ ก่อนปรับโหมดสีหน้าใหม่ ต่อหน้าเขานั่นแหละ

"สงสัยฉันท่าจะเมาจริง"

"หาอะไรทานให้สร่างดีมั้ยครับ?" เขาช่างดูสุภาพ เข้าอกเข้าใจเป็นสุภาพบุรุษเกินไป เกินกว่าที่เธอเคยรู้จัก...

ไม่ว่าจะเป็นบนเตียงอันร้อนเร่า หรือ..ช่างเถอะ เธอยังไม่คิดถึงมันดีกว่า

"ขอบคุณค่ะ" เขาไม่ถามเปล่าไง ยื่นถาดผลไม้ออร์แกนิคเล็กๆ มาให้ ซึ่งเธอก็หมายจะหยิบมาชิมอยู่พอดี

"จริงๆ แล้วภาพลักษณ์ของแบรนด์เนี่ย อาจจะได้แรงบันดาลใจหลักมาจากอะไรที่ไม่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ก็ได้นะครับ เพียงแต่เวลาเขียนคอนเทนต์ ค่อยโยงให้สอดคล้องกันอย่างสมเหตุสมผลเอาก็ได้ครับ" เขาเสนอแนะแบบสบายๆ ระบายรอยยิ้มจางๆ สุภาพออกมาจนไร้ซึ่งคราบเสือสมิงเจ้าเล่ห์ในวันนั้น

หึ ไม่ผิดนักหรอก เขาเหมาะแล้วที่จะเป็นเสือสมิง ลอบคิดจนระบายยิ้มออกมากลายๆ จนเขาต้องเลิกคิ้วเชิงถาม

"แต่ดิฉันมองว่า ก่อนจะถึงจะจุดนั้น เราควรจะมองสิ่งที่แบรนด์มีจริงๆ ให้ทะลุปรุโปร่งเสียก่อน เพราะว่ายังไงแล้ว สิ่งที่เราต้องการจะขาย ก็คือแบรนด์นั่นแหละค่ะ" กิตติธัชพยักหน้าอย่างเห็นตาม แต่แววตากรุ้มกริ่มนิดๆ นั่นมีความคิดบางอย่างซ่อนอยู่

"ไม่ผิดหวังเลยนะครับ ที่ได้ร่วมงานกับคุณ" แววตาของเขาดูจริงใจ น่าเชื่อถือจนญานินแอบเสียวสันหลังวาบ

เขาแนบเนียนมาก เขาทำเหมือนไม่เคยรู้จักเธอมาก่อน ทั้งๆ ที่วูบในดวงตาก่อนหน้าเผยแจ่มชัดว่า 'จำ' เธอได้แน่

"ดิฉันพยายามจะรักษามาตรฐานนี้นะคะ"

"ครับ"

นั่นคือบทสนทนาสุดท้ายในค่ำคืนนั้นระหว่างคนสองคน

แต่พอได้ล้มหัวลงหมอนเมื่อไหร่ ภาพต่างๆ เกี่ยวกับเขาก็ย้อนคืนมาพาลพาให้เธอไม่ต้องหลับต้องใหล

"เฮ้อ เขาเป็นคนยังไงกันแน่เนี่ย" พลิกไปทางซ้ายก็แล้ว พลิกไปทางขวาก็ยังหยุดคิดไม่ได้

อันที่จริงญานินไม่ได้ตั้งใจที่จะรับงานของบริษัทเขา มันจวนตัวเกินกว่าจะปฏิเสธ แม้ว่าตั้งแต่แรกที่เธอสนใจที่จะเรียนนิเทศศาสตร์สาขาการโฆษณา ก็หวังว่าจะไปสมัครงานที่บริษัทของเขา

จนมารู้ความจริงบางอย่างเข้าซะก่อน เมื่อตอนที่เธอเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว

นั่นแหละ... เป้าหมายใหม่จึงเริ่มที่จะตามมา

'ฉันไม่ใช่คนใจดี' ซุ่มเสียงต่ำเชิงดุว่าอย่างอ่อนโยน ขณะพลิกสะโพกขาวโพลนให้หันไปเผชิญหน้า

เธอฟุบลงกับพื้นเตียงหนานุ่มรวดเร็วจนจับความรู้สึกตื่นเต้นระคนตระหนกของตัวเองไม่ได้

สองมือขยุมผ้าปูที่นอนสีขาวแน่น ยกสะโพกลอยสูงตามแรงชักจูงของเขา

เมื่อแก้มก้นถูกเขาคลี่ออกเพียงนิด เจ้ากลีบเร้นลับก็พร้อมที่จะผลิบานเผยเกสรให้เขาเห็นสีแดงฉ่ำของมันอย่างเปิดเผย

ส่วนเกสรสั่นเล็กน้อย ในคราที่เขาพ่นลมหายใจเฉียดใกล้

'ฉันรักความสะอาด' ยิ่งลมแผ่วเบาที่ปลิวออกมาคราที่เขาพูดพร่ำช้าๆ ติ่งเกสรอันหวาดผวาก็กระตุกรับ ทรวงอกสล้างทรุดราบไปกับเตียงมากขึ้น

'เธอหอมกว่าใคร' ว่าขณะใช้ปลายจมูกสูดไล้วนรอบกลีบเนื้อเกสร

มือสากระคายบีบแก้มก้นกลมกลึงขาวให้ยิ่งได้ผลิออก เหมือนภาพสลักงดงามราวกับไม่เคยถูกมือใครแตะต้อง

'อื้อ' ท้วงครางพร้อมเคลื่อนไหวเชิงกระตุก เมื่อลิ้นสากระคายแตะต้องทักทายเพียงนิด

มุมปากหยักลึกเชิงพอใจ

เขาชอบใจที่ได้สร้างความทรมานอันหวานชื่นให้กับร่างเปลือยเปล่า

ความเสียวซ่านเกินกว่าจะบรรยายนี้ ญานินไม่เคยคิดฝัน ช่องท้องโหวงหวิวถูกเติมเต็มด้วยความหดเกร็งกร้าว

และเริ่มรวดร้าวไปทั่วสรรพางค์กาย

'เธอน่าอร่อย'

'อ๊า!!' เสียงครางลั่นทำเอาเขายิ้มพราย นัยน์ตาสีนิลสนิทลุ่มลึกประกายความพึงพอใจขนานใหญ่

เขาไม่เคยแตะต้อง 'ของ' ของใครด้วยปลายลิ้นมาก่อน แต่ความสวยสะอาดของเธอทำเอาเขาไม่อาจหักห้ามใจได้

ปลายชิวหารุกล้ำยิ่งขึ้น ละเลงช่วงชิมจนเข่าสองข้างแทบจะรองรับไม่ไหว

ความนุ่มละมุนจากปลายลิ้นร้าย เสียดสีกลับกลีบนอกกลีบใน จนกลายเป็นหฤหรรษ์

ตุ่มสวรรค์เล็กจ้อยเริ่มบวมเป่ง ผลุบเข้าออกทักทายกับปลายลิ้นของเขาแบบสนุกสนาน

'ฮื่อ' น้ำหนักตึงเต็มที่ทอดตัวอยู่แถวโคนขา ผวาซ้ำแล้วซ้ำเล่า!

"อื้อ..." เรียวนิ้วที่ซุกอยู่แถวกึ่งกลางกาย ฉ่ำชื้นรับแรงกระตุกจากเนินนั้น จนค่อยๆ สงบลง

นี่ไม่ใช่ความฝัน แต่มันน่าจะเรียกว่า 'ความคิดถึง'

ญานินคิดถึงคืนนั้นจนต้องช่วยตัวเองให้ผ่านพ้นห้วงอารมณ์หวามไม่หยุดหย่อน ให้สงบลงได้

นี่ไม่ใช่คืนแรกที่เธอ 'จำต้อง' ทำมัน

แต่แทบจะทุกคืนที่ถ้าไม่ได้ทำ เธอจะต้องนอนไม่หลับ และหวนนึกถึงความรู้สึกนั้น ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือ เหมือนจะมาได้ทันเวลา เพราะถ้ามาก่อนหน้าเธอคงต้องค้างเติ่งเป็นแน่

"ว่าไง" กรอกเสียงลงไป พร้อมควานหาสวิตช์ไฟหัวเตียง

ญานินอาศัยอยู่ในคอนโดใจกลางเมืองเพียงลำพัง หลังจากที่ยื่นกู้ได้ ญาติผู้ใหญ่ที่อยู่ต่างจังหวัดต่างไม่เห็นด้วยนัก กับการเลือกมาอยู่ในมหานครแห่งนี้เพียงลำพัง

ใช่... เธอมีเพียงญาติผู้ใหญ่ ตั้งแต่ที่พ่อแม่จากไปด้วยอุบัติเหตุรถคว่ำ และมีพันธะหนึ่งที่พ่อแม่ทิ้งเอาไว้ให้ ที่ทำให้ความหวังในการมีชีวิตอยู่ต่อไปของเธอ สว่างวาบขึ้น

"หายไปนานเลยนะยะ ไม่มีติดต่อมาหา" เสียงค่อนขอดจากปลายสาย หาใช่ใครอื่น เพื่อนสนิทที่สุดในชีวิต ที่แม้นานๆ จะได้คุยกันที แต่ความจริงใจไม่เคยจะเสื่อมคลาย

"ช่วงนี้งานยุ่งน่ะ ได้โปรเจคใหม่มา ทำไมคิดถึงเหรอ" ว่าอย่างกวนๆ ตามแบบฉบับ แม้หนังตาเริ่มจะหนัก...เพราะง่วงเต็มทีที่เหนื่อยล้าจากการไปประชุมโปรเจคมา

เธอเพิ่งเดินทางกลับจากเกาะส่วนตัวที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ของเครือเจริญบริโภคทรัพย์เมื่อช่วงเย็น วุ่นวายกับการเก็บของจัดห้องใหม่

แล้วก็มาจบที่คิดถึง 'ใครบางคน' ก่อนจะข่มตาลงนอน แล้วพาลให้ไม่ได้นอนเสียทุกที

"คิดถึงมากกก หมายถึงลูกค้าน้อยใหญ่ที่แกไปชายตาทิ้งไว้ให้ ตั้งแต่วันขึ้นไปร่ายรำแล้ว" ญานินเพิ่งจะนึกออก ก่อนเหตุการณ์คืนนั้น ในเวลาห่างกันไม่กี่ชั่วโมง

เธอลงทุนสร้างจุดเด่นให้กับตัวเอง ด้วยการขึ้นไปเต้นเพลงบรรเลงฉบับอ่อนช้อย เพื่อให้ 'ใครบางคน' อีกนั่นแหละ เลือกเธอไปเสพสุขกับเขา

"ธรรมดาแหละ ก็ฉันสวยเซ็กซี่ซะขนาดนั้น" ว่าอย่างกวนๆ ตามประสาจนกิติยาหรือกี้เพื่อนผู้รู้ใจ ส่ายหัวให้อย่างเบื่อหน่าย

"แล้วเป็นไง ไม่เล่าเรื่องคืนนั้นให้ฟังหน่อยเหรอ ลงทุนไปตั้งเยอะ...ได้อะไรมั่งอ่ะ" เธอรู้ว่าเพื่อนกำลังประชดใส่ ในความบ้าดีเดือดของเธอเรื่อง 'เขา'

เขาที่เธอแทบจะยกให้เป็นทุกอย่างของชีวิต

"ได้เริ่มต้นไง ว่าแต่...เขาไม่มาถามหาฉันมั่งหรอ"

"เฮ้อ คนเรานี่ละน้า ทำไปหวังให้เขาเพ้อหา แต่น่าจะเป็นตัวเองมากกว่านะที่เพ้อหาเขา" เจ็บจี๊ดไปถึงกระดองใจ หากแต่จะให้ยอมรับง่ายๆ ก็ไม่ใช่เธอแล้ว

"แค่ตอบว่าไม่ ก็จบแล้วป่ะ"

"เออ ป้ารสเล่าให้ฟังว่า เขามาถามหาแกหลายรอบแล้ว" ท้ายที่สุดก็ยอมเอ่ยถึงธุระจริงจัง ที่จะมาบอกกล่าวออกมาได้เสียที

"จริงเหรอ" ถามด้วยน้ำเสียงโทนปกติ แต่รอยยิ้มแย้มกว้าง ริมฝีปากอิ่มถูกกัดเม้มจากเรียวฟันขาวแบบไม่ได้ตั้งใจ

"อือ แล้วจะเอาไง จะสวมบทเป็นนางงามหน้าแห่งคลับเลิฟเวอร์ต่อไปอย่างนั้นเหรอ?" กิติยาไม่เห็นด้วยกับเพื่อนมาตั้งแต่แรก เธอเติบโตมากับ club แห่งนี้ หากแต่ไม่เคยคิดที่จะไปเกี่ยวข้อง

รศสุดา หรือเจ๊รส ผู้จัดการ club หรือเรียกง่ายๆ ก็คือ 'แม่เล้า' ดีๆ นี่แหละเป็นป้าที่เลี้ยงเธอมาจนได้ดิบได้ดี เพราะเธอเองก็กำพร้าไม่แพ้ญานิน

ความเหมือนกันตรงนี้แหละมั้ง ที่เป็นจุดเริ่มต้นของความเป็นเพื่อนยาวนาน จวบจนทุกวันนี้

"ฉันลงทุนขนาดนี้ แกคิดว่าฉันจะไปเป็นแค่คืนนั้นคืนเดียวเหรอ" ว่าอย่างหมายมาดดังเก่า ญานินเป็นคนมุ่งมั่นชนิดที่อยากได้อะไร ต้องพยายามทำให้ได้

สำหรับกิติยาแล้ว มีนิยามเดียวที่จะมอบให้ได้ นั่นก็คือ 'หัวดื้อ' ดีๆ นี่แหละ

"เออ ตามใจ มีอะไรให้ช่วยก็บอก"

"มีแน่ล่ะ" รีบว่า จนปลายสายต้องถอนหายใจดังๆ ให้

ญานินใจกล้าบ้าบิ่นถึงขั้นร่ำเรียนตำราหญิงแห่ง club lover จากป้าของกิติยาโดยเฉพาะ

ลงทุนเรียนบัลเล่ต์แหกแข้งขา ให้เยื่อพรหมจารีฉีกขาด เพื่อไม่ให้เขารู้ว่า...เธอยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง

ต้นเหตุความคิดนี้ มันมาจากเมื่อหลายปีก่อน...
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel