บทที่ 1 คู่หมั้นคู่หมาย
“หาที่อยู่ของเธอเจอหรือยัง?” องศาเอ่ยถามผู้ช่วยส่วนตัวที่มีตำแหน่งเป็นทั้งผู้ช่วยส่วนตัวและเลขา
“เจอที่อยู่แล้วครับ แต่คนของเรายังไม่พบเธอ” ธามไทตอบ
“นายหมายความว่าไง?”
“คนของเรารายงานว่าเธอออกไปทำงานต่างจังหวัดครับ แม่ของเธอก็ไม่รู้ว่าไปจังหวัดไหน หากเธอกลับมาก็จะโทรมาบอกครับ”
“อื่ม” องศาใช้นิ้วเคาะโต๊ะอย่างครุ่นคิด “แล้วของที่ฉันสั่งไว้ล่ะ เสร็จหรือยัง?”
“ทางร้านแจ้งว่าอีกประมาณ 1 สัปดาห์ครับ”
“โอเค นายไปทำงานของนายเถอะ”
“ครับ”
องศา กิตติพลภัทร อายุ 29 ปี เป็นนักธุรกิจหนุ่มที่มากความสามารถ ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารของห้างสรรพสินค้าชั้นนำของประเทศ และยังมีสาขาอยู่ทุกจังหวัดอีกด้วย
งานอดิเรกที่ชอบที่สุดก็คือการว่ายน้ำ แล้วทำไมองศาถึงชอบว่ายน้ำงั้นเหรอ? ก็เพราะว่าตอนที่เขาอายุ 9 ขวบเขาตกสระน้ำและก็ว่ายน้ำไม่เป็น หากไม่มีเด็กสาวคนหนึ่งเสี่ยงชีวิตลงมาช่วยดึงเขาขึ้นสระ ตอนนี้ก็คงไม่มีหนุ่มหล่ออย่างองศาคนนี้เสียแล้ว
หลังจากเหตุการณ์ตกน้ำในวันนั้น องศาก็เรียนว่ายน้ำจนได้เป็นนักกีฬาว่ายน้ำที่ต่างประเทศ แต่เพราะการสืบทอดธุรกิจของพ่อ เขาจึงลาออกจากการเป็นนักกีฬาแล้วกลับประเทศมารับตำแหน่งผู้บริหารของห้างสรรพสินค้าและโรงแรมชั้นนำอีกหลายแห่งของครอบครัว
เมื่อองศากลับประเทศมารับตำแหน่งเป็นผู้บริหาร เขาก็ไม่ลืมที่จะไปตามหาเด็กผู้หญิงที่เคยช่วยชีวิตเขาเอาไว้ตอนเด็ก
“แกกลับมาตั้งหลายอาทิตย์แล้ว ยังไม่ได้ไปเยี่ยมลุงปริญเลยนะ” อธิผู้เป็นพ่อเอ่ย
“ผมกลับมาก็ต้องเรียนรู้งานอีก จะเอาเวลาที่ไหนไปเยี่ยมลุงปริญได้ล่ะครับ” องศาเอ่ยอย่างลำคาน
คิดว่าเขาไม่รู้เหรอว่าพ่อกำลังคิดอะไร? คงอยากให้เขาไปหาว่าที่คู่หมั้นในวัยเด็กล่ะสิ?
“ถึงงานจะเยอะแค่ไหน แกก็ต้องแบ่งเวลาไปเยี่ยมลุงปริญให้ได้!” อธิเอ่ยอย่างไม่พอใจ ลูกชายคนนี้คิดจะขัดคำสั่งของเขาใช่ไหม? ไม่มีทางซะหรอก
“ผมไม่ว่าง”
“ไม่ว่างก็ต้องว่าง! ไปเย็นนี้เลย” อธิสั่งอย่างแน่วแน่
“ก็ผมบอกว่าไม่ว่างไงครับ เย็นนี้ยังต้องประชุมทางไกลกับคณะผู้บริหารของแต่ละจังหวัดอีก” เขาวางปากกาลงแล้วเอ่ยอย่างหัวเสีย จะบังคับเขาให้ได้ใช่ไหม?
“ยกเลิก! ไม่งั้นก็ให้ธามไทประชุมแทน” อธิสั่งเด็ดขาด น้ำเสียงจริงจัง
องศาไม่อยากขัดใจพ่อจึงตอบรับไปอย่างไม่เต็มใจ
“ได้ครับ ผมจะไป” เขาปิดเอกสารแล้วเรียกให้ธามไทเข้ามาหาเพื่อสั่งงาน
บ้านอัครวิบูลย์
ปริญให้คนใช้ไปตามลูกสาวมาพบที่ห้องทำงาน ถึงเวลาแล้วที่เขาต้องพูดถึงเรื่องการหมั้นหมายอย่างเป็นจริงเป็นจังสักที
“พ่อหมายถึงพี่องศาเหรอ?” ปลาดาวถามอย่างตื่นเต้น
“ใช่ ลูกกับพี่องศาได้หมั้นหมายกันเอาไว้ตั้งแต่เด็กแล้ว” ปริญบอก
“พี่องศาเป็นนักกีฬาว่ายน้ำอยู่ที่ต่างประเทศไม่ใช่เหรอคะ?”
“ใช่ แต่ตอนนี้เขากลับประเทศมาหลายอาทิตย์แล้ว ถึงยังไงก็ต้องกลับมารับช่วงต่อธุรกิจของครอบครัวอยู่ดี”
“พี่องศารู้เรื่องการหมั้นหมายนี้มั้ยคะ?”
“ก็น่าจะรู้แล้วแหละ ไม่งั้นลุงอธิคงไม่โทรมาบอกพ่อว่าเขาจะมาเยี่ยมพ่อเย็นนี้หรอก”
“พี่องศาจะมาบ้านเราเย็นนี้เหรอ?” ปลาดาวดูตื่นตระหนกเล็กน้อย
“ใช่ ทำไม? ลูกไม่อยากเจอพี่เขาเหรอ?” ปริญเอ่ยถามอย่างกังวลเมื่อเห็นท่าทางของลูกสาว
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ หนูแค่กลัวว่าพี่องศาจะจำหนูไม่ได้แล้ว และกลัวว่าเขาจะไม่ตกลงแต่งงานกับหนูด้วย”
“จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง ตอนเด็กหนูช่วยพี่เขาขึ้นจากสระน้ำแล้วตัวเองก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด พี่เขาต้องจำลูกได้แน่นอนอยู่แล้ว”
“อีกอย่าง หนูก็ไม่รู้ว่าพี่องศามีคนรักหรือยัง? หากเป็นแบบนั้นหนูก็ไม่อยากบังคับเขา”
“ไม่น่าหรอกมั้ง งั้นเขาจะตอบรับลุงอธิแล้วมาทานอาหารเย็นที่บ้านของเราวันนี้ทำไม? นอกจากว่าเขาตกลงเรื่องแต่งงานกับลูกแล้ว”
“เอาแบบนี้ได้มั้ยคะคุณพ่อ หนูจะปิดบังตัวตนแล้วเข้าไปอยู่ในบ้านของพี่องศา เพื่อดูให้แน่ชัดว่าพี่เขาคิดยังไงกับหนูหรือว่าพี่เขามีคนรักแล้วหรือยัง”
“ลูกจะเอาแบบนี้จริงเหรอ?”
“จริงค่ะ แต่คุณพ่อต้องให้คุณลุงอธิช่วยหนูอีกทางหนึ่งด้วย”
“โอเค เอาที่ลูกสบายใจก็แล้วกัน พ่อจะไม่บังคับ”
“ดังนั้น เย็นนี้หนูจะไม่เจอหน้าพี่องศานะคะ เพราะถึงยังไงเราก็เคยเจอกันแค่ตอนเด็กเท่านั้น ตอนโตพี่เขาก็ยังไม่เคยเห็นหน้าหนู หากเจอกันอีกครั้งก็คงจำกันไม่ได้หรอก”
“ได้”
‘ปลาดาว’ ปุณญิศา อัครวิบูลย์ อายุ 26 ปี ทายาทเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำ เป็นหมอสูตินรีเวช เป็นคนร่าเริง รักเด็ก มีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น สิ่งที่ปลาดาวกลัวที่สุดก็คือทะเล กลัวน้ำลึกเป็นที่สุด
ตั้งแต่ที่ปลาดาวได้ช่วยชีวิตเด็กผู้ชายคนหนึ่งในวัยเด็กขึ้นจากสระน้ำ เธอก็กลัวสระน้ำและไม่อยากเข้าใกล้อีกเลย จนผู้เป็นพ่อต้องจ้างคนงานให้มาถมสระน้ำนั้นแล้วปลูกเป็นสวนดอกไม้ไปเลย
ปลาดาวช่วยเด็กชายคนหนึ่งขึ้นจากสระน้ำจนตัวเองเกือบเอาชีวิตไม่รอดเพราะสำลักน้ำ หลังจากนั้นก็ป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะปอดติดเชื้อ เธอจึงกลายเป็นคนที่กลัวทะเลและน้ำลึกเป็นที่สุด
