ตอนที่ 3 ขวางหูขวางตา
เดี๋ยวแผลปริ” เสียงหวานอ่อนนุ่มพร้อมกับอมยิ้มอ่อน ๆ
“เธอเริ่มก่อน” เขาจ้องมองริมฝีปากอวบอิ่มยังไม่จุใจอยากจูบเธออีกครั้ง
“ช่วยไม่ได้ เสียงร้องเซ็กซี่เลยอดใจไม่ไหว......” ดวงตากลมโตมองกะลิ้มกะเหลี่ยลากนิ้วเรียวเกลี่ยอกแกร่งตามรอยกล้ามเนื้อ
“ฮึ จะมีใครรู้ไหมนะ ว่าหมอไวน์ที่เรียบร้อยน่ารัก ร่านขนาดไหน” ทศราชยกยิ้มมองเด็กร่านของเขาตาหวานเยิ้ม
“ก็ว่าจะลองนอนกับคนอื่นดู เขาจะได้รู้ว่าหนูร่าน......”
“เอาสิ ถ้าอยากให้พวกมันตาย!” เขาแสยะยิ้มเหี้ยมเอาจริง
“ไหนบอกว่าถ้าหนูอยากมีใครก็ให้มีได้ไง........” ไวน์ยิ้มอ่อนหยิบยาทาแผลมาบรรจงทาให้บริเวณแผลอย่างใจเย็น
“มีได้หลังจากที่ฉันเบื่อเธอ”
“คุณไม่เบื่อหนูง่าย ๆ หรอก” นัยน์ตาหวานเหลือบมองชายหล่อเข้มตรงหน้า ที่จ้องมองเธอราวกับเหยื่ออันโอชะ
“รู้นี่ เราคงต้องอยู่ด้วยกันจนตาย....”
“ไม่เอาค่ะ อยากมีชีวิตปกติไม่อยากอยู่กับมาเฟีย ลุ้นทุกวันแบบนี้ไม่ไหว” เธอรีบปฏิเสธหยิบผ้าพันแผลมาวางเพื่อปิดบาดแผล
“อีกไม่นานหรอก คนอย่างฉันเดี๋ยวก็ตาย”
“อย่าพูดอย่างนั้น!” หน้าสวยขึงขังไม่อยากให้เขาพูดเรื่องตายมันเป็นลางไม่ดี
“เป็นห่วงเหรอ” เขายิ้มกรุ้มกริ่มนัยน์ตาเป็นประกายแอบดีใจอยู่ลึก ๆ ที่ยังมีคนเป็นชีวิตเขา
“ค่ะ” เธอหลบสายตาเขินอายเสียงอ่อนลงก้มมองผ้าพันแผลขาวสะอาดปิดแผลไว้สนิทบนหน้าท้องแกร่ง ก่อนจะหันไปเก็บอุปกรณ์ในกระเป๋าให้เป็นระเบียบ
“คืนนี้นอนเป็นเพื่อนหน่อยสิ”
“หนูต้องกลับไปเข้าเวรค่ะ”
“งานบ้าบออะไรไม่มีเวลารู้อย่างนี้ไม่ส่งให้เรียนแพง ๆ ให้เป็นอีตัวคอยบำเรอดีกว่า” เขาเสียงเหวี่ยงมองตาขวางอย่างหงุดหงิด ไวน์หันมามองแล้วยิ้มอ่อน
“ถ้าหนูเป็นอีตัวคุณเขี่ยหนูทิ้งตั้งแต่ตอนเรียกใช้ครั้งที่สามไปแล้ว ที่ยังอยู่ได้ถึงตอนนี้เพราะหนูฉลาด...คุณชอบคนสวยและฉลาด”
“เปล่า ฉันชอบที่เธอร่านต่างหาก” คิ้วเข้มเลิกขึ้นกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ เธอมองด้วยใจสั่นไหวยื่นหน้าเข้ากระซิบข้างหูชายหนุ่ม
“พูดแบบนี้ หนูอยากขึ้นบนตัวคุณจัง” หน้าสวยเอียงมองสบตากับชายหนุ่มที่เธอหลงใหลคลั่งจนโงหัวขึ้นเขาเป็นทั้งผู้มีบุญคุณและผัวทูนหัวในเวลาเดียวกัน
“เดี๋ยวแผลปริ” ทศราชยิ้มเยาะสายตากรุ้มกริ่ม ไวน์พ่นลมหายใจลุกขึ้นยืนหยิบกระเป๋าอุปกรณ์ทำทีจะเดินออกจากห้อง
“ช่วงนี้อยู่ห่างกันสักหนึ่งอาทิตย์แล้วกันนะคะ รอแผลหายก่อน”
“เข้าเวรทุกวันเลยเหรอ แล้วใครจะล้างแผลให้” เขาเงยมองด้วยความสงสัยปกติเธอจะมีวันหยุดไม่เคยทำงานยาวหนึ่งอาทิตย์
“เปล่าค่ะ มีวันหยุดแต่ไม่อยากเจอกลัวอดใจปล้ำคุณไม่ไหว เดี๋ยวแผลจะอักเสบ”
“เหอะ พูดซะของขึ้นเลย” ริมฝีปากหนาขบเม้มเหลือบมองเป้ากางเกงตัวเอง หมอไวน์หันไปอมยิ้มชอบใจ
“กลับก่อนนะคะ เดี๋ยวบานปลาย” มือเรียวยกขึ้นไหว้ผู้มีบุญคุณอุปการะเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่วัยรุ่น แล้วหันหลังเดินบิดนวยนาดยั่วคนเจ็บที่ทำได้แค่มองอย่างกระหายอยาก
สิรดาเดินมายังห้องครัวเพื่อบอกกับแม่บ้านผ่องว่าจะกลับ พอดีกับเป็นเวลาพักทานอาหารเย็นของเหล่าคนงาน คนรับใช้และลูกน้องนับสิบชีวิตที่ทยอยกันผลัดเปลี่ยนมาทานอาหาร
“วันนี้รีบกลับจังไวน์” เสกโตมาพร้อม ๆ กับไวน์เอ่ยถามขณะนั่งทานข้าวอยู่กับกลุ่มลูกน้องคนอื่น
“เราต้องไปเข้าเวร” ไวน์หยิบขวดน้ำดื่มในตู้เย็นมาบิดเสียบหลอดดูดท่าทางนุ่มนิ่มเรียบร้อย
“กินข้าวด้วยกันก่อนสิ ชอบกินน้ำพริกไม่ใช่เหรอ” บาสชวนให้เธอนั่งทานข้าวด้วยกัน ไวน์มองอาหารบนโต๊ะมีน้ำพริกปลาทูของโปรดก็หิวขึ้นมาทันที เลยนั่งลงข้างเพื่อน เสกหยิบจานมาตักข้าวส่งให้แล้วนั่งทานอาหารพูดคุยกันสนิทสนมเหมือนครั้งวัยเยาว์ พวกเขาห่างเกินกันไปบ้างช่วงที่ไวน์เรียนหมอและทำงานหนักจนแยกไปอยู่คอนโดคนเดียวเนื่องจากคฤหาสน์หลังนี้อยู่ชานเมืองกว่าจะขับรถเข้าเมืองได้ต้องฝ่ารถติดทำให้เธอไม่ค่อยสะดวก ไวน์จึงไม่ค่อยมีโอกาสสุงสิงกับเพื่อนที่โตมาด้วยกันสักเท่าไหร่
เมื่อทานอาหารเสร็จ เสกเดินถือกระเป๋าอุปกรณ์ใบใหญ่มาส่งสิรดาที่รถหรู เขาหันมองเพื่อนที่เดินมาเคียงคู่กันด้วยวสายตาลึกซึ้งรู้สึกดีกับเธอเกินกว่าเพื่อนและรู้อยู่แก่ใจว่าไม่อาจเป็นไปได้มากกว่านี้ สิรดาเหลือบหางตามองรู้ว่าเสกมองเธอแต่ไม่พูดอะไร
“ไวน์เปลี่ยนไปมากเลยนะ ดูสุขุมขึ้น ก็อย่างว่าหน้าที่การงานดีก็ต้องวางตัวดี” เสกยิ้มให้พลางมองดวงหน้าสวยเปล่งปลั่งตรงหน้าใกล้กันแค่นี้แต่ไกลเกินเอื้อม ไวน์หยุดเดินหันมามองแววตาสุกใส
“เราติดท่าทางพวกนี้เพราะต้องทำตัวให้เหมาะสมกับหน้าที่ ถึงยังไงเราก็ยังเป็นไวน์คนเดิมนะ”
“เสกดีใจที่เห็นไวน์เติบโตไปได้ด้วยดี” เขายินดีจากใจที่เห็นเพื่อนได้ดี
“เราก็ดีใจเหมือนกัน เสกเป็นคนขยันจริงจังในการทำงานสักวันเสกต้องได้ดีมากกว่านี้ในสายงานของตัวเอง” ริมฝีปากอวบเคลือบด้วยลิปสติกสีอ่อนแย้มยิ้มให้อย่างจริงใจให้กับเพื่อนที่ดีเสมอมา
“ขอบใจนะ เราจะสู้ต่อไป” เสกแววตาสั่นไหวแค่เพียงได้เห็นรอยยิ้มสดใส สิ่งที่เคยตั้งใจไว้ว่าห้ามคิดเกินเลยก็แทบพังทลาย ระหว่างที่เพื่อนทั้งสองแสดงมิตรภาพที่ดีต่อกันรองเท้าแตะหนังสีดำก็ลอยมาแต่ไกลแล้วตกลงที่พื้นเกือบถึงตัวคนทั้งสองจนต้องเขยิบหนี
“เฮ้ย! จีบกันอยู่หรือไง ขวางหูขวางตาชะมัด” ทศราชยืนหน้าตึงอยู่ประตูบ้านมือจับที่หน้าท้องหายใจแรงด้วยความหึงหวง ก่อนหน้านี้เขาเผลอหลับไปงีบหนึ่งพอตื่นขึ้นมาเห็นรถของเธอยังจอดอยู่ก็ลงมาดูด้วยความแปลกใจ ดันเห็นภาพคนทั้งสองจู๋จี๋กันน่าหมั่นไส้เลยถอดรองเท้าขว้างไปขัดจังหวะ ไวน์ก้มมองรองเท้าอย่างขุ่นเคือง
“สถุล ไม่มีมารยาท!” เธอตวาดกลับเสียงแข็งจ้องเขาไม่วางตา เสกสะดุ้งตกใจหน้าตาเหลอหลาที่เธอกล้าต่อว่าเจ้านาย
“กล้าว่าฉันเหรอไวน์!” ทศราชขบกรามแน่นรวบรวมแรงงอตัวเดินย่องตรงไปหาชายหญิงคู่นั้น
“เรากลับก่อนนะ.....” ไวน์ไหวตัวทันรีบลาเพื่อนแล้วเดินลิ่วไปที่รถโดยไม่หันหลังกลับไปมองแม้จะมีเสียงตะโกนของทศราชดังตามหลัง
“แน่จริงอย่าหนีสิวะ รอตรงนั้นเลยได้เจอดีแน่ หยุด ไวน์ บอกให้หยุดไง!” ทศราชเสียงดังจนเจ็บแผลฝืนเดินต่อหมายให้ถึงตัวหญิงสาว ถึงกระนั้นก็ไม่ทันรถหรูสีดำที่แล่นออกไปจากรั้วบ้านอย่างรวดเร็ว ทศราชโกรธจัดเมื่อเอาเรื่องสิรดาไม่ได้กรรมก็ต้องไปตกอยู่ที่เสก
“ไอ้เสกมาหากู!” ทศราชแววตาแข็งกร้าวจ้องหน้าเสกที่ยืนอยู่ไกล ๆ เสกหน้าเสียถอนหายใจเอือกใหญ่เดินก้มหน้ารับสภาพด้านทศราชยืนรอให้เสกเดินมาหาได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นก็ยกขึ้นมาดูขึ้นชื่อ “ไวน์”
“อย่ายุ่งกับเสกนะ” ทันทีที่กดรับสายเสียงหวานที่คุ้นเคยก็เปล่งออกมาดักหน้าราวกับรู้ว่าเขาต้องพาลหาเรื่องคนอื่น
“ห่วงชู้หรือไง” ทศราชเสียงเหวี่ยงหงุดหงิดที่เธอชอบห่วงคนอื่นมากกว่าเขา
“ค่ะ เผื่อเก็บไว้สำรองตอนเหงา” ปลายสายยียวนไม่เกรงกลัว ทำเอาคนตัวโตของขึ้น
“ถ้ามีอะไรกับมันเธอตายแน่!”
“ถ้าคุณทศทำอะไรเสก ไวน์จะไม่มาเจอคุณอีก” เธอยื่นคำขาดหวังให้เขาไม่เอาเรื่องเพื่อน
“นึกว่าแคร์เหรอ จะไปไหนก็ไปเลย ไป!” ทศราชอารมณ์คุกรุ่นอาละวาดไม่เลิกแล้วกดตัดสายหัวฟัดหัวเหวี่ยง
“แม่งเอ้ย!”
“คุณทศครับ” เสกเดินมาถึงก็ก้มหน้ารับสภาพ
“ไสหัวไปซะ!” ทศราชหันมองขุ่นเคืองก่อนจะหน้าตาขึงขังเดินเข้าบ้านไปดื้อ ๆ ไม่เอาเรื่องเสกเพราะไม่อยากให้ไวน์หายไปจากเขาอีก เสกเงยมองอย่างแปลกใจก่อนจะลอบถอนหายใจโล่งอก..............
