ตอนที่ 2 แผลเก่า
ตอนที่ 2
แผลเก่า
ประตูห้องพักฟื้นคนไข้วีไอพีเลื่อนเปิดออกด้วยฝีมือคูเปอร์
“ทำไมมาช้าวะ คนอื่นต้องรอมึงคนเดียว” ทันทีที่ร่างสูงใหญ่เข้ามาในห้องเป็นคนสุดท้าย เคนตะพี่ชายคนกลางเอ่ยขึ้นพร้อมส่ายหน้าที่ต้องมานั่งรอ น้องชายคนเล็กอย่าง ‘คูเปอร์’
“มันก็มาแล้วนี่ไง จะบ่นทำไมวะ” คริสเตียนพี่ชายคนโตกล่าวต่อ
“ตกลงจะย้ายปู่ไปรักษาที่ไหน” คูเปอร์ไม่อยากพูดให้มากความ เลยเข้าเรื่องที่ต้องนัดกันมาโรงพยาบาลแห่งนี้
“กลับไปรักษาตัวที่บ้าน”
“...” คูเปอร์ฟังเงียบ ๆ
“ทางเดียวที่จะทำให้ปู่กลับมาเป็นเหมือนเดิม คือรักษาสภาพจิตใจและเยียวยาด้วยสิ่งที่ปู่รัก” คนเป็นพี่บอกตามที่ฟังคำอธิบายจากหมอให้น้อง ๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วน
“แล้วอะไรล่ะ สิ่งที่ปู่รัก!?” เคนตะเงยหน้ามองคริสเตียนสลับกับคูเปอร์เพื่อช่วยกันคิดหาคำตอบ
“ยังไม่รู้ ต้องพาปู่กลับไปที่บ้านก่อน แล้วค่อยสังเกตกัน”
ด้วยความที่คางูยะปู่ของพวกเขาเป็นคนเก็บตัวและไม่เปิดเผยตัวตนเท่าไรนัก พวกหลาน ๆ จึงไม่สามารถรับรู้ ถึงแม้จะอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน ทว่านาน ๆ ครั้งถึงจะพบหน้า
อีกด้าน
“เดือนหน้า แพรว่าไง” หมอติณณ์เข้าเรื่องที่ทำให้ร่างบางตรงหน้ามาหาเขาในวันนี้ พร้อมยื่นซองเอกสารให้เธอ
แพร์พีญาเผยรอยยิ้มดีใจเมื่อรู้ว่าได้คิวการรักษาแล้ว แต่ต่อมาใบหน้าเฉี่ยวกลับสลดเศร้าเมื่อรับเอกสารมาอ่านรายละเอียดการรักษาและค่าใช้จ่ายที่สูงลิบลิ่ว “ห้าแสน!”
หมับ!
“แพรไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย พี่จะจัดการให้เอง” ติณณภพยื่นมือไปกุมมือบางที่วางบนโต๊ะไว้
ฟึ่บ! แต่แล้วแพร์พีญาก็เลื่อนมือออกจากการเกาะกุม เปลี่ยนมาวางบนหน้าขาตัวเองแทน
“พี่หมอเองก็มีภาระเหมือนกัน เรื่องนี้แพรจะหาทางจัดการเองได้ค่ะ” เพราะตั้งแต่เธอกลับเข้าไปเรียนต่อในรั้วมหา’ลัยอีกครั้งและได้รู้จักกับติณณภพ แพร์พีญาได้รับความช่วยเหลือจากเขามาโดยตลอด
ทั้งที่เขาเองเป็นแค่เด็กทุนและทางบ้านลำบากไม่ต่างจากเธอ เขายังอุตส่าห์มีน้ำใจช่วยเหลือ
เพราะงั้นจะให้เธอยกภาระหน้าที่ของตัวเองให้คนอื่น เธอทำไม่ได้
“อย่าเกรงใจพี่เลยนะ พี่เต็มใจอยากช่วย…”
“…พี่ไม่เคยคิดว่าแพรเป็นคนอื่นและพี่ก็รักพีพีเหมือนลูกสาวพี่เอง” ติณณภพมองใบหน้าเฉี่ยวเพื่อดูเชิง อยากจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวแพร์พีญามาตลอด ทว่าเธอไม่เคยเปิดโอกาสให้เขาเลยสักครั้ง
“แพรอยากหาเงินรักษาพีพีเองค่ะ”
“แต่...”
“ถ้าแพรไม่ไหวจริง ๆ แพรจะนึกถึงพี่หมอเป็นคนแรก” ร่างบางตัดบทสนทนาทันที การที่เธอทำกับข้าวมาให้ไม่ใช่ทำในฐานะอื่น แต่เธอแค่อยากตอบแทนในฐานะน้องสาวคนหนึ่งก็เท่านั้น
และแพร์พีญามั่นใจว่าติณณภพรับรู้สถานะนี้เป็นอย่างดี
.
.
สามพี่น้องเข้ามาในลานจอดรถโรงพยาบาล ต่างแยกย้ายไปที่รถตัวเอง
“มึงขับรถมาเองเหรอวะ” เคนตะถามออกไปเมื่อเหลียวมองรถบิ๊กไบก์น้องชาย
“...” คูเปอร์ไม่ตอบ ทว่าตวัดขาขึ้นคร่อมรถบิ๊กไบก์คันโปรด
“พูดบ้างก็ได้ไอ้เปอร์ เงียบซะ”
“มึงจะไปเซ้าซี้มันทำไม มันก็เป็นแบบนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว” คริสเตียนถอดเสื้อสูทออกจากตัวแล้วก้าวขึ้นไปนั่งในรถตู้ที่มีลูกน้องเปิดประตูรถก่อนหน้านี้
“พี่คริสชิน แต่ผมไม่ชิน พูดกับมันทีไรเหมือนพูดกับหุ่นยนต์” ส่วนเคนตะยังคงยืนกับที่ ส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยหน่ายและไม่ยอมกลับไปขึ้นรถตัวเอง
“สรุปผมไปได้ยัง” ทำให้คูเปอร์หันไปถามเสียงนิ่ง
“เรื่องของมึง”
ทันทีที่เคนตะเอ่ยจบ รถบิ๊กไบก์เคลื่อนที่ออกตัวด้วยความแรง
“เฮ้ย! ในเมืองน่ะเว้ย ขับช้า ๆ หน่อย” เคนตะตะโกนตามหลังอย่างห่วง ๆ เพราะไม่เคยคาดเดาอารมณ์น้องชายคนนี้ได้เลยสักครั้ง
ร่างสูงใหญ่บิดคันเร่งออกไปไกลเท่าที่ใจอยากจะไป ไม่สนว่ารถรางจะมากหรือการจราจรจะติดขัด ความชำนาญในการใช้รถทำให้เขาใช้เวลาไม่นานก็สามารถขับออกนอกเส้นทางได้ และมุ่งตรงไปในทางถนนโล่งเหมาะสำหรับการท้าทายความเร็ว
เวลาผ่านไปเกือบครึ่งค่อนวันกว่าล้อแม็กซ์จะหยุดนิ่งกับที่
ฟุบ!
สองขายาวก้าวลงจากรถ ก่อนจะตามด้วยหมวกกันน็อกที่ลอยไปด้านหน้ากระทบกับพื้นตามแรงเหวี่ยงของมือหนา
‘อิจฉาคุณหมอติณณ์จัง มีแฟนทั้งสวยทั้งน่ารักแถมยังเอาใจเก่งอีก ดูสิอุตส่าห์ทำกับข้าวมาส่งด้วย’
ภาพเหตุการณ์ในลิฟต์ย้อนเข้ามาในสมอง ทุกคำพูด ทุกท่าที มันฝังลึกและจำได้อย่างแม่นยำ
อารมณ์ฟุ้งซ่านไม่สามารถดับได้เพียงแค่การปาสิ่งของ ทว่าเขากลับระบายมันออกมาด้วยการชกต่อยไปที่เสาไฟฟ้าเต็มแรงเหนี่ยว
ตุบ!
ตุบ!
ตุบ!
“โธ่เว้ย!” คูเปอร์ตะคอกอย่างเจ็บใจ
ทุกสิ่งที่เห็น ทุกคำพูดที่ได้ยิน มันทำให้แผลเก่าโดนสะกิดขึ้นมาอีกครั้ง
‘เป็นไร พี่เรียกเราไม่ได้ยินเหรอ แล้วทำไมหน้าซีด ๆ’ มือหนาเอื้อมไปจับไหล่มน
ไหล่มนที่เคยเป็นของเขาเพียงคน
‘เปล่าค่ะ แค่อากาศร้อน’ ร่างบางยิ้มตอบด้วยรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยม
และรอยยิ้มนั่นมันก็เคยเป็นของเขา
“ฉันปล่อยให้เธอมีความสุขมามากพอแล้ว...”
“...แพร์พีญา!”
หลังจากที่แพร์พีญากลับจากโรงพยาบาลก็นัดเจอกับน้องชายในฟู้ดคอร์ทศูนย์อาหารในห้างสรรพสินค้า มือบางยื่นซองรายละเอียดการรักษาให้น้องชายเปิดอ่าน
“โอ้! พี่แพร” ทำเอาคิ้วหนาขมวดเข้าหาอย่างเคร่งเครียดทันที เมื่อรับรู้ค่าใช้จ่ายก้อนโต
“...” แพร์พีญาเอง สีหน้าท่าทาง ไม่ต่างจากพีรภัทรสักนิด ถ้าหากรอคิวโรงพยาบาลทั่วไปก็กลัวว่าอาการพีพีจะกำเริบขึ้นมาอีก เธอไม่อยากให้พีพีต้องเป็นอะไรไปมากกว่านี้แล้ว
เพราะพีพีมีภาวะผิดปกติทางหัวใจตั้งแต่แรกเกิด จนถึงตอนนี้พีพีมีอายุครบสี่ขวบ
“กู้ไหม” พีรภัทรเอ่ยติดตลกแต่แฝงความจริงจังไปด้วย
“จะบ้าเหรอ จะเอาอะไรไปกู้ได้ เราไม่มีสินทรัพย์สักอย่างเลยนะ” ความจริงเธอก็อยากจะทำอย่างนั้นเหมือนกัน ทว่าติดตรงที่เธอไม่มีอะไรให้ยื่นกู้ได้เลย
“ผมหมายถึงกู้นอกระบบน่ะ”
บ๊อก!
ทันทีที่โดนหลังมือฟาดเข้าให้ตรงหน้าผาก พีรภัทรร้องโอดโอยออกมาด้วยความเจ็บปวด “โอ๊ยยยย พี่แพรเจ็บนะเว้ย” พร้อมกับยกมือขึ้นมาถูไถหน้าผากตัวเอง
“พูดไม่คิดเอง คนยิ่งเครียด ๆ อยู่”
“หรือให้พี่หมอติณณ์ไปกู้ให้ก่อน เราค่อยหามาคืนเขาทีหลัง” คราวนี้พีรภัทรคิดหาวิธีอื่น
“งือ ทางนี้ยิ่งไม่ได้” แพร์พีญาส่ายหน้าเป็นพัลวัน
“โอ๊ยอะไรวะ นู้นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ ผมว่าพี่แพรน่าจะไปทำบุญบ้างนะ เผื่อจะได้เจอครอบครัวผู้ที่ดีๆ” เพราะเขารู้สาเหตุที่พี่สาวพยายามไม่เข้าไปยุ่งขอความช่วยเหลือจากติณณภพดี
ทำไมผู้ชายที่เข้าหาพี่สาวต้องมีพื้นหลังแบบเดียวกันตลอด
“เอาอย่างนี้ พี่แพรลองไปทำงานกับเพื่อนผมดู ถ้าพี่แพรรับแค่งานอาร์ต คงหาเงินไม่ทันแน่”
“...” แพร์พีญาคิดไว้ตั้งแต่เดินทางมาที่ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ว่าครั้งนี้จะลองทำงานที่ตัวเองไม่ถนัดดู
“และถ้าพี่แพรห่วงเรื่องชุดมันโป๊ เดี๋ยวผมคุยกับเพื่อนไว้ให้” พีรภัทรโน้มน้าวต่อ
“พี่แพรเองก็อยากรับพีพีมาอยู่ด้วยกันไม่ใช่เหรอ ทางเดียวที่พี่แพรจะหาเงินได้เยอะในเวลาแค่นี้ พี่แพรต้องใช้หน้าตาเท่านั้น”
“อืม ตกลง! พี่จะรับงานนี้”
“จริงนะ” พีรภัทรขมวดคิ้วถามซ้ำอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
“อือ”
“ไม่เปลี่ยนใจทีหลังนะ!?”
“อือ ฉันคิดมาก่อนจะโทรหาแกแล้วพีท!” ทำให้แพร์พีญายื่นหน้าเข้าหาแล้วกระแทกเสียงใส่หน้าน้องชาย
“โธ่ ผมก็บิ้วทั้งนาน คิดว่าจะไม่รับซะอีก”
“หึ” ท่าทางของพีรภัทรพอจะเรียกเสียงหัวเราะให้เธอคลายความเครียดลงบ้าง “เดี๋ยวพี่โทรบอกแม่ก่อน แม่จะได้เตรียมตัวมาส่งพีพีที่นี่”
มือบางล้วงโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋าสะพาย นิ้วเรียวกดหมายเลขปลายทางทันที
(คุณแม่~ น้องพีคิดถึงคุณแม่ที่สุดเลย)
ทว่าเสียงปลายสายที่กดรับคือ...ลูกสาวตัวน้อย
“แม่ก็คิดถึงพีพี อยู่กับคุณยาย หนูดื้อบ้างไหมคะ”
(ไม่เลยค่า น้องพีเป็นเด็กดี เชื่อฟังคุณยายทุกอย่าง)
“หึ แล้วคุณยายล่ะคะ”
(คุณยายไปตักข้าวให้น้องพีค่ะ คุณแม่ทำอะไรอยู่ค่ะ ทำงานเหนื่อยรึเปล่า น้องพีเป็นห่วงคุณแม่~)
“อึก!”
แพร์พีญาจุกในอกเอ่ยต่อไม่ออก กำลังใจเดียวที่ทำให้เธอไม่เคยท้อก็คือ...พีพี
(ฮาโหลคุณแม่ ได้ยินรึเปล่าคะ)
“ค่ะ แม่ฟังอยู่” เธอเบนหน้าหนีไปทางอื่นไม่อยากให้น้องชายเห็น เพราะตอนนี้มีน้ำใส ๆ กำลังเอ่อล้นออกมา ทั้งที่กลั้นเอาไว้แล้ว
(น้าพีทล่ะคะ เกเรไม่เชื่อคุณแม่อยู่อีกไหม พีพีจะได้ไปจัดการให้)
“โอ้ ตัวแค่นี้จะทำอะไรน้าได้หะ” เสียงที่เล็ดลอดจนพีรภัทรที่นั่งฟังตั้งแต่ต้นโต้ตอบกลับ
(คิกๆ น้าพีทได้ยินหมดเลย น้องพีล้อเล่น)
ความน่ารัก สดใสของพีพี สามารถเรียกรอยยิ้มให้แก่คนเป็นแม่แพรและน้าพีทได้อย่างเต็มเปี่ยม
(คุณยายมาพอดีเลย งั้นคุณแม่คุยกับคุณยายต่อนะคะ)
(ว่าไง โทรหาแม่แต่หัววัน มีอะไรเปล่าแพร)
“พอดีแพรจะบอกให้แม่เตรียมตัวพาพีพีเข้ามารักษาตัวน่ะ”
(ได้คิวรักษาแล้วเหรอลูก)
“ค่ะแม่”
(แล้วเรื่องค่าใช้จ่ายล่ะ จะหาทันไหม)
“ทันค่ะ” แพร์พีญาตอบกลับอย่างมั่นใจ เพราะเธอจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้พีพีกลับมาใช้ชีวิตเหมือนเด็กทั่ว ๆ ไป ถึงแม้โรคหัวใจจะรักษาไม่หายขาด ทว่าอย่างน้อย ๆ ก็ขอให้อาการดีขึ้น
ทางเดียวในตอนนี้คือเธอต้องหาเงินจ่ายค่าผ่าตัดให้ทันเวลา...
