เมียจำนน

82.0K · จบแล้ว
ซาลาห์
44
บท
39.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

แพร์พีญายอมทำทุกอย่างเพื่อเหตุผลบางอย่าง เธอยอมจำนนตกเป็นของเขาอีกครั้ง แต่เธอสัญญาว่าหลังจากคืนนี้ เขาและเธอจะต้องตายจากกัน อย่างที่เขาเคยทิ้งเธอไปตลอด...ห้าปี! … “เงินล่ะ” “อยากได้ขนาดนั้นเลยเหรอ” “ใช่ ไม่งั้นฉันคงไม่บากหน้ามาขอร้องนายหรอก” “ฉันขอเช็กสินค้าก่อน ไม่ได้เอานาน ไม่รู้สภาพยังเหมือนเดิมรึเปล่า”

ดราม่ามาเฟียจีบเมียเก่า18+นิยายรักสัญญาทางรักพระเอกเก่งพาลูกกหนีบอสซึนเดเระเศรษฐี

บทนำ

บทนำ

------------------

ท้องฟ้ามืดครึ้มกลายว่าอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้ ฝนฟ้าต้องตกกระหน่ำลงมา ผู้คนวัยทำงานต่างลุกลี้ลุกลนเก็บข้าวของเพื่อไม่ให้โดนน้ำฝนจนเสียหาย ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะตั้งแผงกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง

“พีท รีบเก็บเร็ว”

หญิงสาววัยยี่สิบห้าปีที่เข้าสู่วัยเบญจเพสส่งเสียงเร่งน้องชายต่างพ่อให้ช่วยเก็บขาตั้งวาดรูปและกระดาษใส่กลับลงไปในกล่องลังพลาสติกเตรียมตัวกลับบ้าน

แพร์พีญา หรือ แพร อาร์ตติสท์ที่เพิ่งจะตั้งแผงเปิดร้านรับวาดภาพเหมือนในตลาดนัดกลางคืนเสร็จเรียบร้อยก็ต้องรีบเก็บร้านกระทันหัน ดูเหมือนว่าบรรยากาศจะไม่เป็นใจสักเท่าไรนักกับหาเงินในคืนนี้

ยิ่งลำบากยิ่งมีอุปสรรค…สำหรับเธอมันเป็นแบบนี้มาตลอดตั้งแต่จำความได้

“ผมบอกแล้วว่าวันนี้ไม่ต้องมา ยังจะมา”

“พี่ต้องใช้เงินนี่ พีทก็รู้”

“เพื่อนผมก็บอกอยู่ว่าให้พี่ไปถ่ายแบบเสื้อผ้าให้ที่ร้าน เงินก็ดี พี่แพรเรื่องมากเอง” พีรภัทรบ่นออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายกับความดื้อรั้น ทั้งที่เขาพยายามหางานที่รายได้มากกว่าให้ตลอด ทว่าโดนปฏิเสธอยู่เรื่อยมา อุตส่าห์เกิดมามีทุนรูปร่างหน้าตาดี แต่ก็ไม่รู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์

“...” แพร์พีญาเงียบไม่พูดต่อ ก้มหน้าก้มตาจัดจานสีเก็บเข้าที่ กันไม่ให้โดนน้ำฝนจนเสียหายเพราะกว่าจะเก็บเงินซื้อได้ก็ต้องเหลือเงินจากค่าใช้จ่ายจำเป็นจริง ๆ

“หรือกลัวว่าใครจะมาเห็นรูปพี่แพร!?” น้องชายอดที่จะเอ่ยจี้ใจดำไม่ได้ รู้ดีว่าในใจพี่สาวกำลังคิดอะไรอยู่ คนเรามีไม่กี่เหตุผลหรอกในการปฏิเสธงานที่เงินดี อย่างเช่น ไม่ชอบแต่งตัวโป๊ แต่สำหรับคนที่ร้อนเงิน เรื่องแต่งตัวโป๊ไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่โต พีรภัทรคิดว่าน่าจะเป็นเหตุผลที่เขาเพิ่งจะเอ่ยถามออกไปมากกว่าที่ทำให้ปฏิเสธงานถ่ายแบบมาตลอด

“พูดมากนะพีท ไปรีบกลับ ฝนเริ่มลงเม็ดหนาแล้ว” ร่างบอบบางลุกขึ้นเต็มความสูง แพร์พีญาเธอสูง หุ่นเพรียว มีใบหน้าเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ หากมีใครชักชวนเข้าวงการก็สามารถเข้าได้อย่างสบาย ไม่ต้องแต่งเติมอะไรมากมาย นอกจากทานอาหารเสริมให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง เข้าร้านทำสปาบ้าง แค่นี้แพร์พีญาก็ดูดีดึงดูดสายตาได้แล้ว

“อืม รีบไปเถอะ ผมไม่อยากเปียกเหมือนกัน”

ซ่า!

ซ่า!

พูดไม่ทันขาดคำ จู่ ๆ เม็ดฝนกระหน่ำตกลงมาหนักกว่าเดิมจนได้ ทำเอาสองพี่น้องต้องรีบหาที่หลบก่อนที่เนื้อตัวจะเปียกปอนไปมากกว่านี้ ทั้งสองข้ามถนนไปยังฝั่งหน้าโรงพยาบาลเพื่อขึ้นรถสายประจำกลับบ้าน แต่แล้วก็ไม่สามารถหาที่หลบฝนได้เพราะมีกลุ่มคนมากมายยืนเบียดกันตรงป้ายรถเมล์ แพร์พีญาและพีรภัทรจึงต้องเปลี่ยนที่ยืนใหม่ เข้าไปหลบใต้ร่มขายของคันเล็กเก่า ๆ ที่แทบจะซ่อนตัวไม่มิด

เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงไม่มีวี่แววว่ารถประจำทางจะผ่านมา

“ฝนก็ตกหนัก รถก็ไม่มาสักที เพราะพี่แพรคนเดียวเลย ดื้อจะมาวาดภาพขายให้ได้ ไม่งั้นผมไม่ต้องมายืนตากฝนแบบนี้หรอก”

“บ่นอย่างกัับมีค่าเทอมจ่ายแล้วอ่ะเนอะ”

“ไม่มีไม่เห็นเป็นไร” พีรภัทรตอบกลับแบบไม่สะทกสะท้าน

“รู้น่ะว่ากำลังคิดไรอยู่ อย่าหวังว่าพี่จะให้ออกจากเรียนเด็ดขาด” คนเป็นพี่ยื่นคำขาดไม่รู้รอบที่เท่าไร แต่เธอจะไม่ยอมแพ้ปล่อยให้น้องออกจากเรียนกลางคันแบบเธอ ถ้าเธอยังหาเงินไหวก็ต้องส่งน้องเรียนให้จบ น้องชายทำได้เพียงส่ายหน้าเมื่อเถียงกลับไม่ได้

จนกระทั่งร่างสูงใหญ่ก้าวเท้ายาว ๆ ออกมาจากโรงพยาบาลมาหยุดหน้าถนนใหญ่ ในมือถือร่มสีดำบังเม็ดฝนให้เห็นแค่เสี้ยวหน้า

ทว่ากลับทำให้ใครอีกคนจำได้ขึ้นใจจนต้องตะโกนเรียก “เฮียคูเปอร์!”

เจ้าของชื่อเบี่ยงตัวหันไปมองด้านหลัง ดวงตาสีนิลไร้ความรู้สึกไม่ได้จับจ้องต้นเสียง แต่ปลายตามองหญิงสาวที่ตอนนี้ถอดสีหน้าจนซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด สภาพของเธอแทบจะดูไม่ได้เพราะผ่านการยืนตากฝนมานานนับชั่วโมง

“เฮียจริง ๆ ด้วย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะเจอเฮีย” เด็กหนุ่มเอ่ยอย่างประหลาดใจ ขยี้ตาหลายรอบเพื่อย้ำว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาด

ไม่มีเสียงใดจากปากอีกสองคน มีแต่การสบตากัน ก่อนที่ร่างบอบบางจะเป็นฝ่ายเบนหน้าไปทางอื่นเอง ถ้าให้เล่นเกมสบตากัน เธอขอยกธงขาวตั้งแต่ยังไม่เริ่มเกมดีกว่า อะไรให้ต้องบาดลึกไปกว่านี้เลย

เอี๊ยดดดด~

กระทั่งรถตู้สีดำตรงเข้ามาจอดเทียบข้างทาง ประตูรถด้านหน้ามีชายฉกรรจ์ลงมา โค้งศีรษะเล็กน้อยแล้วเอื้อมมือไปเปิดประตูรถในนาทีต่อมา

“เชิญครับ”

“เฮีย...” มือบางยกขึ้นมาปิดปากพีรภัทรทันที ไม่ใช่สรรพนามที่ควรเรียกเลยสักนิดและไม่เหมาะที่คนหาเช้ากินค่ำอย่างพวกเธอจะล้ำเส้นได้

เสียงเด็กหนุ่มส่งผลให้ลูกน้องร่างสูงที่ดูลึกลับเหลือบมามองเสียงอู้อี้นั้น แล้วถามเจ้านายออกมา

“รู้จักเหรอครับ”

ตุบ!

ชายหนุ่มร่างสูงไม่ตอบ แต่เลือกที่จะโยนร่มลงในถังขยะข้างเสาไฟฟ้า ก่อนจะก้าวขึ้นรถ แววตามุ่งตรงไปด้านหน้าไม่คิดจะเหลียวหลังกลับไปมองใต้ร่มคันเก่านั้นสักนิดเดียว