บทที่ 8/1
“พีทวันอังคารที่มีถ่ายในสตูดิโอ พีทจะไปดูด้วยกันไหม”
ศศินาถามภัทรพลขณะขับรถออกจากบ้านไปทำงานด้วยกัน เหมือนเช่นทุกวันภัทรพลคิดกังวลในใจว่าหากปล่อยให้ศศินาไปดูกองถ่าย ถ้านลินีเผลอพูดอะไรออกมา เขาคงซวยแน่เขานอนไม่หลับทั้งคืนเพราะเป็นกังวลกลัวว่าศศินาจะรู้เรื่อง
“นา นา พีทว่าง พีทว่าพีทไปเองดีกว่า พีทดูเรื่องนี้ตั้งแต่แรก รู้รายละเอียดดีอยู่แล้วจะได้เข้าใจ นายุ่งเรื่องแผนการตลาดที่จะพรีเซนต์วันศุกร์นี้ไม่ใช่เหรอ จะได้ทำให้เสร็จ วันอาทิตย์ก็ต้องแถลงข่าวเปิดตัวพรีเซนเตอร์แล้ว นาทำงานที่ออฟฟิศดีกว่าไหม”
“อืมก็ดีเหมือนกัน งั้นพรุ่งนี้ขับรถไปคนละคันนะ แล้วค่อยเจอกันที่บ้านตอนเย็นเลย”
ภัทรพลลอบเป่าปากด้วยความโล่งใจ ไม่ค่อยชินเท่าไหร่กับการโกหกศศินา
วันต่อมาภัทรพลก็ไปปักหลักที่สตูดิโอแถวลาดพร้าวสถานที่ที่ใช้ถ่ายทำทั้งภาพนิ่ง และวิดีโอบีบีพานางเอกสาวมาตามเวลานัดหมาย
เมื่อวานเขาไม่ได้โทรหานลินี มีเพียงส่งข้อความไปหาว่าวันนี้เจอกัน โทรศัพท์มือถือที่เคยวางที่ไหนก็ได้ในบ้าน เพราะศศินาไม่เคยยุ่ง อีกทั้งเขาก็ไม่เคยมีความลับกลายเป็นสิ่งที่ต้องอยู่ติดกายเสมอ ไม่ให้ห่าง
“พี่พีทสวัสดีค่ะ”
นลินียกมือไหว้เขาตามปกติ ในใจเกิดความรู้สึกวูบไหวเมื่อได้พบหน้า สถานภาพที่เปลี่ยนไปทำให้เธอเกิดความขัดเขิน แต่ก็พยายามวางสีหน้าท่าทางให้เป็นปกติ
การถ่ายทำเป็นไปอย่างเรียบร้อยและทำเวลาได้ดี เพราะความเป็นมืออาชีพของนลินี อีกทั้งเป็นทีมงานเดิมที่เคยทำด้วยกันที่ภูเก็ต มีความสนิทสนมกันอยู่แล้ว ทำให้ง่ายแก่การทำงาน
“คุณพีทคะ บีฝากคุณพีทไปส่งน้ำหวานที่คอนโดได้ไหมคะ พอดีบีติดธุระรอรับน้องกลับไม่ได้”
ผู้จัดการสาวเอ่ยปากขอภัทรพลเพราะติดธุระที่ต้องไปดูเด็กในสังกัดอีกคน ไม่สะดวกไปส่งนลินี อีกทั้งอยากเปิดโอกาสให้ทั้งคู่ได้พูดคุยกัน
“ได้ครับ ผมไปส่งให้”
ภัทรพลตอบรับ
เมื่อการทำงานเสร็จสิ้นลงนลินีก็บอกลาทีมงาน ภัทรพลขับรถมารับเธอที่หน้าสตูดิโอ
“น้ำหวานหิวไหมครับ”
ภัทรพลเอ่ยปากถามเมื่อนลินีเข้ามานั่งในรถแล้ว
“นิดหน่อยค่ะพี่พีท”
“งั้นเราหาอะไรทานกันก่อนพี่ค่อยไปส่งนะคะ”
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็พากันไปทานอาหารที่ร้านเลียบทางด่วน ชายหนุ่มเลือกร้านที่มีมุมสงบเป็นส่วนตัวและเลือกนั่งในบริเวณที่ปลอดสายตาผู้คน
“พี่พีททานอะไรดีคะ”
“อะไรก็ได้ครับน้ำหวานสั่งเลย”
ภัทรพลผู้ไม่คุ้นกับการที่ต้องสั่งเองเอ่ยปากให้เธอเลือก ปกติศศินาจะเป็นคนสั่งอาหารให้เขาเธอรู้ดีว่าเขาชอบหรือไม่ชอบอะไร
“งั้นเอาสลัดผัก สเต็กเนื้อริบอาย แล้วก็ซุปเห็ดดีไหมคะ”
เธอเอ่ยถาม
“พี่ไม่ค่อยชอบทานผักครับ ไม่ทานเนื้อขอเป็นปลาดีกว่าครับ”
เขาเกลียดผักโดยเฉพาะผักใบเขียว
“ขอโทษค่ะน้ำหวานไม่รู้ว่าพี่พีทชอบไม่ชอบอะไร” เธอหน้ามุ่ยชายหนุ่มเลยเอ่ยปลอบใจว่า
“แต่พี่ชอบทานเห็ดครับ ซุปเห็ดทานได้”
ทั้งสองคนทานอาหารด้วยกันเงียบๆ ร้านอาหารบรรยากาศดี พอใกล้ทุ่มผู้คนก็เริ่มคึกคักขึ้น ร้านนี้คงเป็นที่นิยมไม่น้อย เพราะขนาดวันอังคารแขกยังมาเยอะ ปกติเขาไม่ค่อยได้มาแถวนี้สักเท่าไหร่ ดูเหมือนว่าจะมีงานเลี้ยงของบริษัทอะไรสักอย่าง ผู้คนจึงดูคึกคัก
เมื่อทานอาหารเสร็จนลินีก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เสียงโทรศัพท์ของภัทรพลดังขึ้น เป็นศศินาโทรเข้ามา
“พีทเสร็จธุระยัง ฉันเลิกงานแล้ว รอทานข้าวนะ”
“ฉันทานข้าวอยู่ พอดีทีมงานชวนกินข้าวเลยกินด้วยกันที่แถวเลียบทางด่วน”
“เหรองั้นฉันหาอะไรกินเลยนะ พีทจะกลับกี่โมง”
ขณะที่กำลังจะตอบว่าเดี๋ยวกลับ ก็พลันนึกได้ว่า วันนี้จะไปส่งนลินีที่คอนโด เผื่อโอกาสเป็นใจอาจจะได้จัดสักยกสองยก เลยตอบไปว่า
“ว่าจะขอกลับดึกหน่อย ไอ้เต้โทรมาชวนไปร้านเดิม”
“วันนี้ไม่ใช่วันศุกร์ทำไมชวนเร็ว”
เธอเอ่ยถามอย่างแปลกใจ เพราะโดยปกติแล้วหนุ่มแก๊งค์นี้มักจะมีนัดกันทุกวันศุกร์ที่สามของเดือน
“เอิ่ม ไอ้เต้มันอกหักจากสาวที่มันชอบอยู่ มันเลยอยากดื่ม”
พูดพรางนึกขอโทษไอ้เต้ในใจที่ไปแช่งมัน
“อ้าวเหรอ งั้นไปดูเพื่อนเถอะอย่าดื่มเยอะนะเดี๋ยวขับไม่ไหว”
“ได้ได้จะรีบกลับ”
