บทที่ 3 เพื่อนกัน
เมื่อหมดหน้าที่ ด้วยความอายถึงขั้นสุด จากนั้นฉันรีบเดินถอดเท้าออกมาให้พ้นคนกลุ่มเหล่านั้น ซึ่งมองฉันด้วยสายตาน่ารังเกียจ เมื่อเดินออกมาจนลับตา มือสวยล้วงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาแฟนหนุ่ม
" ฮัลโหลบี๋ เมื่อกี้เค้า..." ยังไม่ทันจะสิ้นประโยคที่หญิงสาวจะระบายสิ่งที่เธอเจอมาเมื่อสักครู่ ที่มันทำให้เธอขายหน้า และหดหู่ คนในสายกลับแทรกเสียงขึ้น
"ฮัลโหลแคลร์ วันนี้ไม่ได้ไปหานะพอดีพาแม่มาทำธุระ " ประจวบเหมาะที่ทันใดนั้น เจ้าของเสียงที่อยู่ในสายซึ่งเป็นแฟนเธอเอง เดินควงมากับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งหน้าตาจัดว่าดูดี และที่สำคัญเธอคือเพื่อนของแคลร์ที่รู้จักกันดี แคลร์รีบหลบเข้ามุมไม่ให้เขาเห็น เพื่อแอบดูเขาอยู่ห่าง ๆ มือน้อยถูกยกขึ้นมาป้องที่ปากเอาไว้แม้สิ่งที่เห็นแทบช๊อคก็ตาม
" จริงเหรอ ทำธุระที่ไหนล่ะ " เธอกลั้นใจถาม เพื่อดูท่าทีของแฟนหนุ่ม
" พอดีแมวเจ้าชานม มันเป็นไรไม่รู้แม่เลยให้พามาหาหมอ เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะ แม่เรียกแล้ว " เขาพูดในขณะที่กุมมือของผู้หญิงคนนั้นไว้
สิ้นประโยคที่วางสาย แฟนหนุ่มของเธอเอ่ยกับเธอคนนั้นว่า " เค้าอยากบอกเลิกกับแคลร์มันนะแต่เค้าสงสารมัน รอนึดนึงนะเดี๋ยวก็จบ "
ยิ่งเมื่อได้ยินดังนั้น แคลร์ทรุดลงก้มหน้าร้องไห้ ในมุมมืด ให้กับคำพูดของแฟนหนุ่ม อย่างทรมาน
สิ้นประโยคที่วางสาย แฟนหนุ่มของเธอเอ่ยกับเธอคนนั้นว่า " เค้าอยากบอกเลิกกับแคลร์มันนะ แต่เค้าสงสารมัน รอนึดนึงนะเดี๋ยวก็จบ "
ยิ่งเมื่อได้ยินดังนั้น แคลร์ทรุดลงก้มหน้าร้องไห้ ในมุมมืด ให้กับคำพูดของแฟนหนุ่ม อย่างทรมาน
โดยอีกฝากของถนน สายเล็ก ๆ ภายในโซนร้านค้า มีใบหน้าของซีลีนจ้องมองมาที่เธออยู่ ด้วยมโนสำนึกที่สงสารเธอขึ้นมา เมื่อเขามองตั้งแต่เธอคุยโทรศัพท์ พอจะเข้าใจ เหตุการณ์คร่าว ๆ
เขาเดินข้ามมายังตัวเธอ ที่นั่งก้มหน้าอยู่ข้างถนน ยื่่นกระดาษชำระซองเล็กที่เขาพกพามันประจำ ให้กับเธอ
" นี่เธอ อ่ะทิชชู่เป็นไรเปล่า " น้ำเสียงทุ้มต่ำพร้อมกับยื่นมันให้กับเธอ
เธอเงยหน้าขึ้นมาพร้อมคราบน้ำตา และมือเล็กถูกยกขึ้นมาเช็ด
แต่ทันใดนั้น เธอส่งสายตามองใครคนหนึ่งสีหน้าท่าทางดูตกใจราวกับเห็นผี มีใครบางคนพุ่งตรงมาที่เธอ ผมกวาดสายตาไปตามใบหน้าที่เธอส่งสายตาไปมอง รู้สึกเหมือนถูกกระชากแขนไปอย่างแรง
" เฮ้ยมันอยู่นั้น ตามเร็ว "
ยัยหลับลึกคว้ามือของซีลีน วิ่งไปอย่างไม่คิดชีวิตด้วยความตกใจ โดยเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะพาไปไหนแล้วทำไมต้องหนีด้วย ทำไมต้องวิ่งมากับเธอด้วย คนที่ถูกกระชากแขนวิ่งได้แต่สงสัย
จนมาถึงที่น่าจะพ้นแล้ว " เฮ้อ เฮ้อ เฮ้อ "เสียงหอบหายใจเหนื่อยเพราะวิ่งมาไกลมาก
"เดี๋ยว หยุด ปล่อยเดี๋ยวนี้ นี่เธอ จะพาฉันวิ่งไปไหน? ชายหนุ่มสะบัดมือของเธอออก เพื่อให้แขนเป็นอิสระ
" ฉันขอโทษฉันตกใจกลัว คว้าอะไรได้ก็คว้า วิ่งไปโดยไม่รู้ตัว "
" นี้เธอจะบ้าเหรอ " สิ่งนี้เป็นเหตุให้ซีลีนหัวร้อนอย่างหนักให้กับ เธอ ขณะที่เขาหันหลังเพื่อจะกลับ ทันใดนั้นชายร่างท้วมยืนขวางกั้นไว้
" จะไปไหน? เสียงเข้มของคนที่เขากำลังวิ่งหนีเอ่ยถาม ซีลีนหันกลับไปมองใบหน้าของเธอ ที่ยืนตัวสั่นราวกับเห็นผี อยู่ข้างหลัง
" ผมไม่เกี่ยว ผมไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้ ขอตัว " เมื่อพูดจบ ขณะที่กำลังถอดเท้าเดินนั้น เสียง ของแคลร์ พูดขึ้น
" เดี๋ยวสิคะที่รักทำไมพูดแบบนี้" เธอแกล้งเอ่ยแบบนั้นออกไป เพื่อให้เขาช่วยเธอให้หลุดพ้นจากสถานการณ์สุ่มเสียงอันตรายนี้
" นี่เธอ? " ซีลีนยิ่งโมโหที่เธอใส่ความแบบนั้น แต่ขณะเดียวกัน เธอก็ทำแววตาสีหน้าอ้อนวอนขอความช่วยเหลือ
" เฮ้ ใช้หนี้มาเลยแม่สาวน้อย " เสียงเข้มของชายร่างท้วมเอ่ยทวงหนี้กับเธอ
" ฉันไม่มี เดี๋ยวเอาไว้ อีก 2 วัน นะคะพี่ขา "
" อย่ามาผลัดวันประกันพรุ่งน่า ฉันต้องการตอนนี้เดี๋ยวนี้ไม่งั้นแกสองคนตาย " ประโยคนี้ส่งผลให้แคลร์สะดุ้งเฮือก
" ผมบอกแล้วไงว่าไม่รู้จักใยหลับลึกนี่ "
" ไหน ใครหลับลึก พูดดี ๆ นะ " เมื่อเขาเอ่ยประโยคนี้ทำให้แคลร์พลันนึกขึ้นได้ ชายเจ้าของวันเกิดใบหน้าคุ้นๆเหมือนพึ่งเจอกัน อ้อ ไอบ้าคนนั้นที่อวดว่าเป็นดาวคณะเมื่อกลางวันนี่นา
" ไม่ต้องมาเนียนเถียงกัน จ่ายมาเลย 5 หมื่นเร๊ว!! "
เพื่อเป็นการตัดปัญหาซีลีนยอมที่จ่ายหนี้แทนแคลร์ เขาทั้งคู่จึงรอดพ้นจากเงื้อมมือของชายฉกรรจ์พวกนั้นมาได้ ไม่เช่นนั้น สภาพของทั้งคู่อาจจะเป็นศพไปแล้วก็ได้
