บทที่ 8 พามาห้างสรรพสินค้า
“คุณจะทำอะไร” นคินทร์เอ่ยถามหญิงสาว ก่อนที่เธอจะยื่นเงินให้กับเด็กชายตัวเล็ก
“เอาไปซื้อกับข้าว และก็เก็บไว้ไปกินโรงเรียนนะ”
“ขอบคุณครับ” เด็กชายตัวเล็กยกมือไหว้ แล้วเดินจากไป ท่ามกลางสายตาของนคินทร์ที่มองตามร่างเด็กชายตัวน้อยไป
“พวกนี้เป็นแก๊งนะคุณ ช่วยเขาแบบนี้บ่อย ๆ เขาก็พากันทำมากขึ้น อาศัยความเมตตาของคนใจบุญแบบคุณนี่แหละ” รมิตายิ้มแล้วสบตานคินทร์
“เด็กคนนี้ไม่ใช่หรอกค่ะ แกไปรับกุหลาบมาจากปากคลอง แล้วเอามาขายเพื่อเป็นทุนการศึกษาน่ะค่ะ แกอยู่กับแม่แค่สองคน และแม่แกก็พิการเดินไม่สะดวก รับจ้างร้อยมาลัยได้วันละไม่กี่บาท แค่ค่าที่พักก็หมดแล้วค่ะ ฉันกับมุกดาเคยตามไปดูชีวิตแกตอนสมัยเรียนปีหนึ่งค่ะ ตอนนั้นแกยังตัวเล็กกว่านี้เยอะค่ะ ตอนนี้ดูท่าแล้วอีกไม่นานก็คงจบ ป.6 ถ้าฉันเจอ ก็มักจะอุดหนุนกุหลาบแกแบบนี้ตลอดแหละค่ะ สงสารแก ดูสู้ชีวิตดีนะคะ” นคินทร์ได้ยินดังนั้นจึงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่รมิตาจะหันไปยังผัดไทยของแม่ค้า ที่เดินถือมาพร้อมกับควันโชยฟุ้ง
“ได้แล้วจ้าผัดไทยสูตรเด็ด ทานให้อร่อยนะคะ” แม่ค้าพูดพร้อมกับนคินทร์ส่งยิ้มตอบรับอย่างเป็นกันเอง
“ลองสิคะ” รมิตาเท้าคาง แล้วส่งยิ้มให้เขา พร้อมกับจับจ้องรอคำตอบ นคินทร์ก้มมองผัดไทยที่มีควันโชยฟุ้ง แล้วเหลือบมองหญิงสาวอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจนัก
“ทานแล้วท้องไม่เสียใช่ไหม” เขากระซิบถาม เพราะนคินทร์เป็นคนท้องเสียง่ายมาตั้งแต่เด็ก จึงเลือกอาหารพอควร ก่อนที่หญิงสาวจะพยักหน้ารับ
“ไม่เสียแน่นอนค่ะ ฉันรับรอง” ชายหนุ่มค่อย ๆ ตักเส้นผัดไทยขึ้นมาแล้วเป่าอยู่สองสามครั้ง ก่อนจะนำเข้าปาก เพียงลิ้นรับรสสัมผัสเท่านั้นชายหนุ่มถึงกับเบิกตากว้าง ก่อนที่รอยยิ้มหวานของรมิตาที่นั่งลุ้นอยู่จะเผยออกมา
“อร่อยมากใช่ไหมคะ”
“ผมไม่อยากเชื่อ ว่าผัดไทยร้านเล็ก ๆ แบบนี้จะอร่อยกว่าร้านที่ผมชอบกินเสียอีก” เขาพูดพร้อมกับตักผัดไทยเข้าปากเพื่อลิ้มรสอีกครั้ง
ชายหนุ่มตกหลุมรักผัดไทยร้านนี้เข้าอย่างจัง นับจากเกิดมาเขาไม่เคยทานผัดไทยร้านไหน อร่อยเท่านี้มาก่อน รมิตายังคงเท้าคางมองกิริยาของชายหนุ่มอย่างเงียบ ๆ ก่อนเขาจะรู้สึกตัวแล้วยกน้ำขึ้นดื่ม
“คุณไม่ทานเหรอ” หญิงสาวส่ายศีรษะไปมา
“ฉันอิ่มจะแย่แล้วค่ะ” เขาพยักหน้าขึ้นลง แล้วสนใจอยู่กับผัดไทยตรงหน้า รมิตาทอดสายตามองเขาอย่างเงียบ ๆ พร้อมความคิดมากมาย ก่อนที่ผัดไทยคำสุดท้ายจะหมดลง นคินทร์ยกน้ำขึ้นดื่มแล้วเรียกเก็บเงินทันที
“ขอบคุณมากนะ ที่พาผมมาทานผัดไทยอร่อยขนาดนี้”
“จริง ๆ แล้วถ้าคุณอยากทานอะไร บอกฉันได้เลยนะคะ ฉันเป็นเซียนเรื่องอาหารข้างถนนค่ะ” หญิงสาวพูดพร้อมรอยยิ้ม ทำให้นคินทร์หวนนึกถึงรวิพาขึ้นมา พร้อมกับสายตาของชายหนุ่มเปลี่ยนไปจนหญิงสาวสังเกตได้
“ทำไมมองหน้าฉันแบบนั้นคะ” ก่อนสติของเขาจะหวนกลับมาพร้อมรอยยิ้มกลบเกลื่อน
“ขึ้นรถเถอะ” สิ้นเสียงของเขา รมิตาก็ทำตามอย่างว่าง่าย
หญิงสาวที่เพิ่งจบการศึกษา ไร้ประสบการณ์การทำงาน รวมถึงเดียงสาเรื่องการมีความรักอย่างรมิตา นั่งมองถนนไปเรื่อย ๆ อย่างมีความสุข พลันจับจ้องมองขึ้นไปยังป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ เธอจับจ้องมองจนนคินทร์ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถาม
“คุณอยากมีบ้านเหรอ” หญิงสาวหันมายิ้มให้กับเขาแล้วพยักหน้า
“มันคือความฝันของฉันเลยค่ะ ฉันจะตั้งใจทำงานแล้วซื้อบ้านเป็นของตัวเองสักหลัง” นคินทร์นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามบางอย่าง
“ซื้อบ้านเพื่ออยู่คนเดียวงั้นเหรอ” คำถามของเขาทำให้รมิตาชะงักนิ่ง
“อาจจะใช่ แต่การอยู่คนเดียวเป็นเรื่องปกติค่ะ ฉันอยู่คนเดียวมาตลอด พี่สาวก็อยู่ไกลถึงเมืองนอก แต่ฉันก็ยังอยากมีบ้าน เผื่อว่าวันไหนพวกเขากลับมาไทย ฉันจะได้มีพื้นที่ให้หลานฉันได้วิ่งเล่น” นคินทร์ได้ยินดังนั้น ดวงตากลมไหวระริกด้วยความเจ็บปวด เขากำพวงมาลัยรถแน่น พลันเพิ่มความเร็วอย่างไม่รู้ตัว ความเจ็บปวดจากการถูกหักหลังในวันนั้น ชายหนุ่มไม่อาจลืมเลือนได้ เตียงนอนของเธอที่เขาเคยประทับ กลับกลายเป็นใครอีกคนที่เข้ามาแทนที่ ความซื่อสัตย์แสนบริสุทธิ์ที่มอบให้กับรวิพา เธอตอบแทนกลับมาด้วยการหักหลัง
“ท่านรองคะ” เสียงของรมิตาทำให้นคินทร์กะพริบตาแล้วได้สติกลับมา
“คุณขับรถเร็วเกินไปแล้วนะคะ” ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นจึงผ่อนคันเร่งลง แล้วหันมายังหญิงสาวด้านข้าง พร้อมแผนการมากมายที่จะเอาคืนรวิพา
ไม่นานนักรถคันหรูก็แล่นมายังห้างสรรพสินค้า เขาพารมิตาเดินตรงไปยังร้านเสื้อผ้าราคาแพง พร้อมกับท่าทางของหญิงสาวทอดสายตามองตรงไปยังร้านดังกล่าวด้วยความแปลกใจ
“ท่านรองมาร้านเสื้อผ้าผู้หญิงทำไมคะ” ดวงตากลมแป๋วเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ ก่อนที่เขาจะแย้มยิ้มออกมา แล้วถือวิสาสะจูงมือเธอเข้าไปเลือกชุดทำงาน
“ผมตั้งใจจะซื้อให้คุณ ใครจะได้ว่าคุณไม่ได้” เขาพูด ก่อนที่หญิงสาวจะนิ่งอึ้งไป พร้อมกับเลื่อนสายตาดูชุดทำงานมากมายที่แขวนเรียงรายอยู่ตรงหน้า
“แต่ว่าชุดพวกนี้แพงมากเกินไปนะคะ” รมิตาเอ่ยขึ้น ก่อนจะหันไปเห็นสายตาหวานจากชายหนุ่ม
“ไม่ต้องเกรงใจ ผมเต็มใจซื้อให้ อย่าลืมว่าเราต้องทำงานร่วมกันอีกนาน ชุดพวกนี้ถือว่าเป็นน้ำใจจากเจ้านายของคุณก็แล้วกัน” รมิตาสบตาเขาครู่หนึ่ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะหันไปยังชุดสีขาวตัวหนึ่ง หยิบขึ้นมาแล้วลองทาบกับตัวเธอ
