บทที่ 9 เลือกชุดทำงาน
“ตัวนี้ก็สวยดีนะ คุณว่าไง” เขาถามความคิดเห็น ก่อนจะเห็นน้ำตาของรมิตาเอ่อขึ้นมาด้วยความประทับใจ
“คุณเป็นอะไร” นคินทร์เก็บเสื้อไว้ที่เดิม แล้วหันมายังหญิงสาวที่ยืนมองเขาอย่างมีความหมาย ก่อนที่หญิงสาวจะเช็ดน้ำตาแล้วปล่อยยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน
“ฉันไม่คิดว่าคุณจะดีกับฉันมากขนาดนี้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ น้ำใจของท่านรองฉันจะไม่มีวันลืมเลย ที่ฉันร้องไห้ก็เพราะซาบซึ้งใจเท่านั้นเองค่ะ” คำพูดของหญิงสาวทำให้นคินทร์ปล่อยยิ้มออกมาเช่นกัน
“งั้นเราไปเลือกชุดกัน” ว่าแล้วรมิตากับนคินทร์จึงใช้เวลาไปกับการเลือกชุดทำงาน ทั้งสองเริ่มสนิทสนมกันมากขึ้นในเวลาไม่นัก พร้อมกับธรรมชาติของหญิงสาวค่อย ๆ เผยออกมาให้เขาได้เรียนรู้เธอทีละน้อย นคินทร์แสยะยิ้มออกมาเป็นครั้งคราวหลังจากแอบมองหญิงสาวที่เดินเลือกเสื้อผ้าอยู่ไม่ไกลนัก
“ผมว่าตัวนี้เหมาะกับคุณดีนะ” นคินทร์เลือกชุดสีชมพูยาวคลุมเข่า เมื่อเห็นว่าเธอเลือกชุดที่สั้นเหนือเข่าขึ้นมา ก่อนที่รมิตาจะหยุดชะงักแล้วเงยหน้ามองเขาด้วยความแปลกใจอีกเช่นเคย
“คลุมเข่าเลยเหรอคะ นั่นยิ่งทำให้ฉันดูเตี้ย” หญิงสาวบอกเหตุผล ก่อนที่นคินทร์จะได้โอกาส จึงแสร้งปล่อยยิ้ม แล้วจับร่างเล็กเข้ามาใกล้
“ผมไม่อยากเห็นคุณใส่ชุดสั้น ๆ แบบนั้น” หญิงสาวขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ ก่อนที่นคินทร์จะใช้โอกาสนี้ แสดงออกให้เธอเข้าใจจุดประสงค์ของเขา
“จริง ๆ แล้วผมไม่อยากให้ใครมองคุณมากกว่า” ชายหนุ่มพูดจบจึงทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แล้วเบี่ยงกายไปทางอื่น ปล่อยให้รมิตายืนอึ้งกับคำพูดของเขา ก่อนที่หัวใจของเธอจะสั่นไหวขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับนคินทร์แอบมองกิริยาเธออยู่ห่าง ๆ
เขารู้ตัวดี ว่าไม่มีผู้หญิงคนไหน กล้าปฏิเสธคนที่เพียบพร้อมอย่างเขา รวมถึงรมิตาด้วยเช่นกัน และสิ่งที่ต้องการคือให้เธอค่อย ๆ ตกหลุมรักเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
มือบางก้มมองชุดในมือที่นคินทร์เลือกให้ พร้อมทำตามอย่างว่าง่าย เธอเดินเลือกชุดอีกสองสามตัวจึงหันไปบอกเขา
“เท่านี้พอแล้วค่ะ”
“เลือกอีกสิ” เขายังคงก้มมองชุดที่แขวนอยู่ ก่อนที่หญิงสาวจะเอ่ยรั้งไว้ด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“พอแล้วค่ะท่านรอง”
“เลิกเรียกผมว่าท่านรองได้แล้วนะ ผมฟังแล้วรู้สึกหัดหูยังไงไม่รู้” รมิตาเม้มปาก ก่อนที่รอยยิ้มแสนอบอุ่นของเขาจะเผยออกมาแล้วพูดบางอย่าง
“เรียกผมว่าพี่คินทร์ก็ได้” ดวงตากลมแป๋วทอดมองเขาพร้อมกับหัวใจของเธอเต้นแรงอีกครั้ง ก่อนรมิตาจะกะพริบตาถี่ ๆ เพื่อเรียกสติตัวเองกลับมา
“ฉัน...” หญิงสาวอ้ำอึ้ง ก่อนที่นคินทร์จะปล่อยยิ้ม
“เรียกเถอะน่า ผมอนุญาตให้คุณเรียกผมแบบนี้ได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ส่วนผมเองก็จะแทนตัวเองว่าพี่ โอเคไหม” แม้หญิงสาวจะไม่ทันตั้งตัว แต่สายตาอบอุ่นของนคินทร์ที่ทอดมองตรงมาทำให้เธอไม่อาจปฏิเสธได้
“ค่ะ พี่คินทร์”
“ดีมากครับ” เขาตอบรับ พร้อมกับจูงมือเธอเดินตรงมาเคาน์เตอร์จ่ายเงิน
ชายหนุ่มพยายามทำให้เธอไว้ใจเขามากที่สุด รอยยิ้มอ่อนโยนของนคินทร์ ทำให้หญิงสาวยิ้มตอบกลับพร้อมความหวั่นไหวที่เริ่มมีมากขึ้น สายตาของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มมั่นใจว่าเขาจะทำให้เธอหลงรักเขาได้ไม่ยากนัก ก่อนทั้งสองจะพากันเดินกลับมายังรถคันหรูของนคินทร์ที่จอดอยู่
“พี่ถือให้” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมกับแย่งของในมือหญิงสาวมาถือ
“พี่คินทร์คะ” ยังไม่ทันที่รมิตาเอ่ยห้าม ของทุกอย่างก็ย้ายไปอยู่ในมือเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนชายหนุ่มจะเผลอยิ้มให้เธอ แล้วมุ่งหน้าตรงไปยังรถคันหรู รมิตาส่ายศีรษะไปมาให้กับความขี้เล่นของเขา ก่อนสองเท้าเล็กจะเดินตามไป
ภายในรถคันหรู หญิงสาวก้มมองนาฬิกา แล้วพบว่าใกล้เวลาเลิกงานเต็มที เธอจึงเงยหน้าหันไปยังเขา ก่อนที่ชายหนุ่มจะเอ่ยขึ้น
“กลับเข้าไปทำงานตอนนี้ก็คงไม่ได้อะไร พี่ว่าพี่ไปส่งมิตาที่บ้านจะดีกว่า” คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวหรี่ตาลงเล็กน้อย
“อะไรนะคะ”
“พี่บอกว่า พี่จะไปส่งมิตาที่บ้าน”
“แต่ว่ามันจะเสียเวลาพี่คินทร์เปล่า ๆ นะคะ อันที่จริงมิตากลับเองได้” ชายตาคมจับจ้องมองตรงไปยังถนนเส้นตรง ก่อนจะปล่อยยิ้มออกมาบางเบา
“ให้พี่ไปส่งแหละดีแล้ว” เมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนยัน และหญิงสาวไม่อาจปฏิเสธได้ เธอจึงจำใจบอกทางเขาอย่างละเอียด ไม่นานนัก รถคันหรูก็แล่นมายังห้องพักราคาถูก พร้อมกับสายตาของคนแถวนั้นหันมองนคินทร์เป็นตาเดียวกัน
รมิตาเห็นดังนั้นจึงหันไปยังชายหนุ่ม แล้วยกมือไหว้ขอบคุณเขาตามมารยาท
"ฉันขอบคุณมากนะคะที่มาส่ง และก็ขอบคุณสำหรับเสื้อผ้าด้วย” นคินทร์พยักหน้า ก่อนจะเงยมองตึกเก่าเล็ก ๆ ที่มีขนาดห้องไม่มากนัก หากไม่นับว่าเธอเป็นน้องสาวของรวิพาแล้ว คนอย่างเขาคงไม่มีวันสนใจหล่อน โลกของนคินทร์กับรมิตาแตกต่างกันเกินกว่าจะโคจรพบกันได้
“ถ้างั้นพี่กลับก่อนนะ” เขาบอกลาหญิงสาว ก่อนที่เธอจะพยักหน้า แล้วยกมือลาเขาอย่างอ่อนโยน สายตาหวานทอดมองรถหรูที่ค่อย ๆ แล่นหายไป พร้อมกับเสียงแม่ค้าขายน้ำเต้าหู้จะตะโกนถามด้วยความอยากรู้
“ใครมาส่ง รถโก้เชียว” รมิตาได้ยินดังนั้นจึงส่งยิ้มให้กับแม่ค้าคนสนิท ก่อนจะก้าวเท้าเดินไปหาอย่างคนคุ้นเคย
