๑ ปลายทางคือเจ็บปวด (๒)
“ก็ว่างนะ”
“ว่าจะชวนไปกินข้าว ไปไหม” แน่นอนว่าเธออยากตอบรับทันทีแต่สถานะของเราค่อนข้างคลุมเครือ เขาอาจจะไม่คิดอะไรแต่คนที่แอบชอบมาตลอดอย่างหล่อนไม่สามารถปล่อยผ่านความรู้สึกของชายหนุ่มไปได้ เธอมองเขาอย่างใช้ความคิด
“อ่า...มันจะดีเหรอ เรื่องที่เราสองคน...” เหมือนว่าเขาจะทราบดีถึงเรื่องซุบซิบนินทา แต่อีกฝ่ายไม่ได้สนใจเท่าไหร่ เลือกทำตามสิ่งที่ต้องการ
“อย่าไปสนใจเรื่องพวกนั้นเลย คนอื่นก็พูดไปเรื่อยไม่ได้รู้ความจริงเหมือนเราสองคนสักหน่อย อย่าใส่ใจเรื่องไม่เป็นเรื่องเลยนะ” ให้กำลังใจหล่อนพร้อมยิ้มกว้าง คนที่เคยนึกกังวลมาตลอดยามได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้ารวดเร็ว
“ไป...เราอยากไป”
เมื่อเขาพูดเช่นนี้เธอก็ไม่ต้องคิดอะไรอีกแล้ว เลือกจะตอบรับคำชวนพร้อมกับคาดหวังถึงเรื่องในคืนนี้ ไม่รู้ว่าการชวนไปกินข้าวจะมีจุดประสงค์ใด แต่หล่อนก็มีความสุขจนบ่ายวันนั้นทำงานแล้วฮัมเพลงจนคนที่นั่งข้างกันนึกสงสัยว่ากินอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่า
เลิกสนใจว่าคนอื่นมองอย่างไร เพียงแค่มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดก็พอ...
ถ้าอึดอัดจนทนไม่ไหวก็แค่ออกจากบริษัท อย่างไรปานอัปสร ปัญญาวุธก็ไม่ได้สิ้นไร้หนทางขนาดนั้น เธอเพิ่งเริ่มต้นการทำงานเท่านั้น อายุแค่นี้ยังมีทางเลือกอีกมากมาย
ทนไม่ไหวก็ไม่จำเป็นต้องทน...นั่นคือสิ่งที่หล่อนคิด
ร้านอาหารกึ่งบาร์ที่อยู่ติดถนนใหญ่มีลานจอดรถกว้างขวางแถมยังมีดนตรีสดให้ดูกับเครื่องดื่มที่สั่งได้ไม่อั้น นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ร่างสูงเลือกจะชวนเพื่อนสนิทอีกสองคนที่เรียนคณะเดียวกันมารับประทานอาหารเพื่อผ่อนคลายหลังจากสอบเสร็จเมื่อวาน
พวกเขาเรียนคณะบริหารที่มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง แม้ความจริงทางบ้านจะอยากให้ไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ แต่อีกฝ่ายกลับค้านหัวชนฝาไม่ยอมไปเรียนที่อื่น เขามีความประสงค์จะอยู่ที่ประเทศไทยแล้วมารดาก็เข้าข้างบุตรชาย
สุดท้ายพลิศ เลิศเกรียงไกรก็ได้ศึกษาอยู่ที่เมืองหลวงตามความต้องการของตัวเอง
แต่บิดาก็พูดบ่อยครั้งว่าหลังจบปริญญาตรีก็อยากให้ไปต่อปริญญาโทที่อเมริกา ท่านถอยให้หนึ่งก้าวคือปริญญาตรี แต่ต้องไปต่อปริญญาใบที่สองอยู่ต่างประเทศแล้วเขาก็ไม่สามารถร้องขอหรืออ้อนวอนได้อีก นอกจากทำตามความต้องการอย่างเดียว
ระหว่างนี้ก็ใช้ชีวิตไปตามปกติ เรียนแล้วก็เล่นสนุกในแต่ละวัน เกรดเฉลี่ยพอให้ผ่านไม่ได้ต้องการความเลิศหรูเหมือนพี่ชาย จึงโดนค่อนขอดบ่อยครั้งจากพ่อที่เป็นประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ แต่เขาก็ไม่คิดสนใจยังเที่ยวเล่นเหมือนเดิม
“พี่ชายมึงมากับใครวะ” ระหว่างนั่งรับประทานอาหารโดยมือถือน้ำสีอำพันไปด้วย ก็เห็นคนที่เดินเข้ามาใหม่ข้างกายมีผู้หญิงเดินด้วยจึงอดไม่ได้ที่จะกระทุ้งสีข้างของพลิศ จำหน้าพี่ชายของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดีเพราะเคยเจอหลายครั้ง
แต่สิ่งที่เรียกความสนใจไม่ใช่คนที่ตนรู้จัก แต่เป็นผู้หญิงซึ่งเดินข้างกัน แถมยังถูกทะนุถนอมด้วยการเลื่อนเก้าอี้ ดูแลอย่างดีเหมือนสถานะจะทำให้พวกเขาสงสัยจึงได้ถามคนเป็นน้องชาย
“เพื่อนมั้ง กูจะไปรู้เหรอ” หันไปมองก็ขมวดคิ้วมุ่นไม่คุ้นหน้ากับผู้หญิงของพี่เท่าไหร่ แต่สายตากลับเอาแต่จ้องหล่อนไม่กระพริบ จำได้ว่าเป็นคนเดียวกับที่ตนเคยเจอในร้านอาหารญี่ปุ่น น่าจะเป็นสาวคนใหม่ของพีรัชหรือเปล่าไม่แน่ใจเหมือนกัน
แต่เขาไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยถึง บอกพ่อแม่ว่าโสดสนิทไม่ได้คุยกับใครเลยสักคน กลับพาผู้หญิงไม่คุ้นหน้ามากินข้าวในร้านที่บรรยากาศดี เหมาะแก่การสร้างความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นกว่าเดิม
เรื่องสถานะเขาไม่สนใจเท่าไหร่ สิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มมองไม่วางตาคือผู้หญิงที่มาด้วยต่างหาก...
“สวยดีนะ หมวยขาวดูน่ารักแบบที่มึงชอบเลยไม่ใช่หรือไง” เพื่อนร่วมคณะเอ่ยขึ้น ทำให้เขาต้องหันมองแล้วถามกลับเหมือนไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่
“หึ กูชอบแบบนี้เหรอ”
“อ้าว มึงไม่ได้สังเกตแฟนที่ผ่านมาเลยหรือไงวะ อย่างพริ้น เปรม หรืออิ้งก็คล้ายกันไปหมด ดูเป็นสาวหมวยร้ายๆ แต่คนนี้หมวยน่ารักอ่อนโยนเหมือนแมวเชื่องเลย พี่มึงชอบแบบนี้เหรอวะ นึกว่าจะชอบแบบสวยเซ็กซี่ซะอีก” คงต้องยอมรับว่าเขาชอบผู้หญิงที่ดูหมวยหน่อย ตาเรียวเฉี่ยวจึงคบแต่คนไทป์นั้นมาตลอด
ผู้หญิงคนนี้ก็เหมือนกัน ยิ่งผิวขาวสว่างแทบจะสะท้อนแสงก็ทำให้เขามองไม่วางตา เพื่อนอีกสองคนหันมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเป็นอันรู้ดีว่าตอนนี้พลิศกำลังต้องตาหญิงที่มากับพี่ชายของตัวเอง แต่เขากลับเลือกจะดื่มแอลกอฮอล์แล้วเปลี่ยนเรื่องรวดเร็ว
“ไปถามพี่กูไป มาถามกูจะรู้เรื่องไหม” พูดจบก็วางแก้วลงบนโต๊ะ กินอาหารที่สั่งมาพอให้รู้รสชาติ เหลือบมองไปทางโต๊ะของพี่ชายบ่อยครั้งแต่สายตาก็วนเวียนอยู่กับผู้หญิงที่ยิ้มจนตาปิด ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้สนใจหล่อนนัก
ก่อนจะเห็นว่าเธอรีบลุกจากเก้าอี้เพราะทำน้ำหกใส่เสื้อ คงไปล้างในห้องน้ำซึ่งเหมือนเป็นการเปิดทางให้เขา ชายหนุ่มไม่รอช้ารีบวางแก้วลงบนตะหลังจากที่ดื่มจนหมดไปอีกแก้ว แล้วเลือกบอกเพื่อนร่วมโต๊ะเสียงทุ้มกับแววตาเจ้าเล่ห์ที่ทำให้คนอื่นหันมองหน้าเป็นอันรู้กัน
“ไปไหน” เพื่อนถาม
“ห้องน้ำ” เขาตอบอย่างไม่ใส่ใจ กำลังจะเดินออกจากโต๊ะแต่อีกฝ่ายก็รั้งเอาไว้
“อย่าหลงไปทางอื่นนะมึง”
“หึ เสือก” แสยะยิ้มใส่คนรู้ทันแล้วรีบเดินตรงไปยังห้องน้ำทันที
เขารู้ดีว่าห้องน้ำชายหญิงอยู่ติดกัน จึงไม่ใช่เรื่องยากที่ตนจะสร้างสถานการณ์ความใกล้ชิด เริ่มตั้งแต่รอเวลาแล้วเห็นแต่ไกลว่าคนที่อยากคุยด้วยเดินออกมาจากห้องน้ำ จึงถือโอกาสนี้เดินออกมาพอดีเป็นจังหวะเดียวกับที่หล่อนก้มจึงไม่เห็นคนตรงข้าม กระทั่งร่างของเราสองคนชนกันเธอจึงเงยหน้าเพื่อมองร่างสูง โดยเอวบางถูกเขาโอบเอาไว้
“อ่ะ ขอโทษค่ะ” คิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิดที่ไม่ได้มองทางให้ดี จึงรีบเอ่ยขอโทษ แต่พอเงยหน้ามองชายหนุ่มกลับเหมือนว่าตกอยู่ในภวังค์กับดวงตาคมที่มองกันตาไม่กระพริบ นัยน์ตาของเขาพราวระยับเหมือนมีดาวนับพันอยู่ในนั้น จนเธอเผลอมองด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
โดยเฉพาะอาการใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เหมือนกับว่ามันจะหลุดออกมานอกอก ยิ่งได้กลิ่นหอมจากร่างกายของเขาก็ยิ่งไม่เป็นตัวเองมากกว่าเดิม
เธอคงบ้าไปแล้วถ้าจะเรียกอาการนี้ว่าตกหลุมรัก...
มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย
“ไม่เป็นไรครับ...ขอโทษนะครับ” น้ำเสียงที่เอ่ยนุ่มทุ้มจนเธอเพิ่งรู้สึกตัวว่าตอนนี้เราใกล้ชิดกันเกินไป จึงผลักอกกว้างออกทำให้เขาปล่อยมือจากเอวบาง มองดวงหน้าหวานที่อยู่ห่างไม่กี่เซนติเมตรด้วยความเสียดาย เสียงเพลงที่ดังคลอทำให้บรรยากาศระหว่างเรากลับโรแมนติกมากขึ้น
เธอคิดจะเดินเลี่ยงออกไปหาคนที่มาด้วยกัน กลับถูกเขาคว้าแขนเอาไว้จนสะดุ้ง รีบยกแขนออกอย่างรวดเร็วเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต ก่อนจะพบว่ามือหนายกขึ้นแล้วขยับเข้ามาใกล้ศีรษะของเธอ พยายามเบี่ยงหน้าหลบแต่กลับถูกอีกฝ่ายเอ่ยบางอย่างขึ้นเสียก่อน
“คะ...”
“ขออนุญาตนะ” ใบหน้าคมเลื่อนเข้ามาใกล้จนเธอแทบจะหยุดหายใจ ไม่เป็นตัวของตัวเองแล้วรีบหลุบตามองพื้น
เจอหนุ่มหล่อระยะประชิดขนาดนี้ใครบ้างจะไม่เสียอาการ หล่อนไม่ได้เจนจัดเรื่องผู้ชายหรือเก่งในการควบคุมอารมณ์ เผลอใจเต้นแรงกับคนแปลกหน้าเป็นครั้งแรก
ความหล่อของเขาเป็นที่ประจักษ์ ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มไม่ได้มาทางไทยหรือไปทางจีน เป็นการผสมผสานสองเชื้อชาติอย่างลงตัว ร่างกายสูงใหญ่กับมัดกล้ามที่ดูเหมาะกับขนาดตัว พยายามไม่สำรวจแต่สายตาก็อดจะมองชายหนุ่มไม่ได้
อยากรีบออกจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดชวนสับสนในตอนนี้...
“มีเศษฝุ่นติดผมคุณน่ะครับ” เธอเพิ่งทราบว่ามีฝุ่นติดเส้นผม แล้วเขาก็เป็นคนเอาออกให้เองกับมือ
“ขอบคุณค่ะ” พูดจบก็ไม่รอสานต่อบทสนทนาเพราะเธอเลือกจะรีบเดินออกจากหน้าห้องน้ำ ไม่ยอมหันกลับไปมองข้างหลังอีก มีเพียงร่างสูงที่มองตามแผ่นหลังบางไปจนลับสายตา พร้อมความคิดบางอย่างผุดขึ้นเช่นเดียวกัน
อยากเอาชนะ...อยากได้เธอมาครอง
