บท
ตั้งค่า

๑ ปลายทางคือเจ็บปวด (๑)

ปลายทางคือเจ็บปวด

ผ่านพ้นช่วงวัยเรียนก็เข้าสู่วัยทำงานอย่างเต็มตัว เธอได้รับการทาบทามให้เข้าทำงานอยู่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการเงิน สร้างความดีใจและภาคภูมิใจให้ครอบครัวเป็นอย่างมาก ตั้งใจทำงานเป็นอย่างยิ่งแต่เพื่อนร่วมคณะและสาขาวิชาก็เข้าทำงานด้วยเส้นสายส่วนตัว

ทำให้ข่าวเรื่องการแย่งแฟนเพื่อนแพร่กระจายไปทั่วแผนก ไม่มีใครรู้ว่าจริงเท็จแค่ไหนแต่ก็เลือกจะเชื่อและตีตราเธอให้เป็นคนไม่ดีไปเรียบร้อยแล้ว จากที่ไม่ค่อยพูดก็กลายเป็นเงียบขรึมมากกว่าเดิมอีก หล่อนไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องอยู่ในวงจรการนินทาไปอีกนานแค่ไหน พยายามจะอธิบายตัวเองแต่ไม่มีใครเชื่อเลยสักคน

แม้ว่าจะแอบรักเขาแต่เธอก็ไม่ได้ใจกล้าขนาดจะบอกความในใจ รู้ว่าเรื่องระหว่างเรามันผิดอย่างแน่นอนเพราะอีกฝ่ายคือแฟนของเพื่อนในกลุ่ม ถึงตนไม่ได้สนิทก็ถือว่ายังเป็นเพื่อนเหมือนเดิม

คิดว่าออกจากสถาบันอุดมศึกษาทุกอย่างจะจบ กลายเป็นว่าเจอความจริงที่หนักกว่าเดิม...

นอกจากเพื่อนสนิทแล้ว ยังมีคนในแผนกที่มองหล่อนด้วยแววตากังขา ทั้งที่ควรมีเพื่อนกินข้าวหรือสามารถคุยนอกเหนือจากเรื่องงานได้ กลายเป็นว่าหล่อนต้องอยู่ตัวคนเดียวในเวลาว่าง ถามได้เพียงแค่เรื่องงานเท่านั้น

“ไว้เจอกันตอนเที่ยงนะ” สิ่งเดียวที่พอจะเยียวยาหัวใจได้คือการพบกับเขาทุกวันในยามเช้าและพักเที่ยง บางครั้งอีกฝ่ายก็มารับหล่อนที่คอนโดมิเนียมเพื่อมาทำงานพร้อมกัน สร้างความสุขในใจให้คนแอบรักเป็นอย่างมาก

เธอคิดว่าตัวเองก็ไม่ใช่คนดีมากนักเพราะยังแอบรักแฟนของเพื่อนถึงตอนนี้จะเป็นแค่แฟนเก่าไปแล้วก็ตาม คงจะจริงอย่างที่คนอื่นพูดว่าตนแย่งแฟนเพื่อน แต่เธอไม่ใช่ต้นเหตุของการเลิกราอย่างแน่นอน เพราะเขาไม่มีทีท่าจะแสดงออกว่ารักนอกจากความเป็นเพื่อน

“อือ” โบกมือลาเขาแล้วขึ้นมาทำงานด้วยใจห่อเหี่ยว

เราควรทำแผนกเดียวกันแต่ชายหนุ่มได้อยู่ฝ่ายการตลาดทั้งยังเป็นผู้ช่วยของหัวหน้าแผนกอีกต่างหาก

ไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะเขาคือพีรัช เลิศเกรียงไกร ลูกชายคนโตของครอบครัวมหาเศรษฐีติดอับดับต้นของประเทศ ทำธุรกิจเกี่ยวกับการส่งออกเครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด

ไม่คิดด้วยซ้ำว่าตนจะรู้จักกับเขาได้ บุคคลที่เพียบพร้อมขนาดนี้...

“แย่งแฟนเพื่อนเหรอ...คนนี้เนี่ยนะ” เดินเข้ามาในแผนกแล้วนั่งประจำโต๊ะของตัวเอง เริ่มงานด้วยจิตใจที่สั่งให้เบิกบานแม้ความจริงจะห่อเหี่ยวแค่ไหนก็ตาม ใบหน้าสวยยังคงเรียบเฉยไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งรอบข้าง แม้จะได้ยินเสียงนินทาดังเข้าหูก็ตาม

เธอไม่อยากให้ความสนใจ อย่างไรคนพวกนั้นก็ไม่ได้จ่ายเงินเดือนให้สักหน่อย

ถึงอยากเดินไปอธิบายทุกอย่างให้ฟังว่าเป็นเพียงเพื่อน แต่อีกฝ่ายใช้ความเกลียดนำไปแล้วคงไม่ยอมรับฟังหรอก ไม่เช่นนั้นจะกล้าพูดเต็มปากหรือว่าเธอคือคนแย่งแฟนเพื่อน

ทั้งที่ความจริงหล่อนเป็นเพียงแค่คนแอบรัก ที่ไม่กล้าขยับสถานะด้วยซ้ำ

“ใช่ เขารู้กันทั้งคณะนั่นแหละ ถึงขั้นโดนสาดน้ำใส่เลยนะ แต่ก็หน้าด้านว่าไหมแย่งแฟนเพื่อนสนิทได้ยังไง คนแบบนี้คบไม่ได้” เหลือบมองคนที่กำลังนินทาระยะเผาขน ระดับของน้ำเสียงไม่ได้เบาเลยสักนิด คล้ายเดินมาตะโกนใส่ข้างหูเธอด้วยซ้ำ

ยามเช้าที่สดใสกลายเป็นหม่นหมองในทันที พยายามบอกตัวเองให้มองแค่หน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วทำงานในส่วนที่ได้รับมอบหมาย อย่างไปสนใจพวกที่ไม่ทำให้ชีวิตดีขึ้นหรือแย่ลง

หล่อนเป็นที่รักของครอบครัว ไม่เคยทำอะไรผิดศีลธรรม...รับรู้ความจริงเพียงแค่นั้นก็พอแล้ว

“นั่นสิ...อย่าไปคุยด้วยดีกว่า” สองคนนั้นเดินไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง

ปล่อยให้ร่างบางนั่งทำงานในส่วนที่ได้รับมอบหมาย โดยที่ในหัวไม่สามารถสลัดคำพูดพวกนั้นทิ้งได้ เธอยังคงเสียใจที่ตัวเองกลายเป็นที่รังเกียจ แต่ก็พยายามทำใจดีไม่คิดมากกับเรื่องเล็กน้อยพวกนั้น แม้ว่ามันจะทำให้การใช้ชีวิตเหนื่อยมากขึ้นก็ตาม

ไม่รู้ว่าตัวเองจะทนได้นานแค่ไหน เธอเกลียดที่ต้องเป็นประเด็นให้ผู้อื่นถกเถียงกัน กระนั้นก็ยังมีความสุขทุกครั้งยามได้พักเที่ยงแล้วเจอกับเขา

ผู้ชายที่เป็นตัวต้นเหตุให้หล่อนต้องถูกนินทา...

เพียงแค่ได้เห็นรอยยิ้มของอีกฝ่าย ความขุ่นข้องหมองใจในแต่ล่ะวันก็หายไปแล้ว

“เป็นยังไงบ้าง ทำงานเหนื่อยไหม” พักเที่ยงเลือกจะมารับประทานอาหารที่ร้านตามสั่งข้างบริษัท มีพนักงานหลายคนมาจับจองที่นั่ง พวกตนจึงได้นั่งด้านในสุดที่ติดกับครัวซึ่งค่อนข้างเสียงดังและวุ่นวายพอสมควร

เขาเปิดประเด็นเพื่อพูดคุยกับหญิงสาวหลังสั่งอาหารที่อยากกิน ใบหน้าหล่อเหลากับรูปลักษณ์สะอาดตรงข้ามกับร้านอาหารข้างทางเหมือนเขาอยู่ผิดที่ผิดทาง หล่อนเผลอมองคนตรงหน้านานจนเหมือนตกอยู่ในภวังค์

ไม่รู้ว่าชอบตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็มองเพียงเขาแล้ว แต่หลังจากนั้นก็ต้องอกหักเพราะเขาคบกับเพื่อนในกลุ่มตน ต้องตัดใจถึงจะทำได้ยากก็ตาม

“ไม่เท่าไหร่ แล้วนายเป็นยังไงล่ะ ชอบงานที่ทำอยู่ตอนนี้หรือเปล่า” ไม่รู้ว่าเขาชอบอะไรเพราะไม่ค่อยได้คุยเรื่องอนาคต ส่วนใหญ่ที่เจอกันก็ทำรายงานซึ่งเธอคอยให้ความช่วยเหลือ บางครั้งก็ทำแทบจะทั้งหมดเพียงคนเดียว

โดยหล่อนก็พอจะมองออกว่าระหว่างเรามีเพียงผลประโยชน์ แต่เลือกจะไม่เอ่ยปากพูดถึง เพราะชอบชายหนุ่มไปแล้วจึงมองข้ามหมดทุกอย่าง

บางที...ความรู้สึกก็ยากจะคาดเดาเหมือนกัน

หรือความจริงเธอแค่หลงในรูปลักษณ์และรอยยิ้ม ไม่ใช่ความรู้สึกแท้จริงในใจ มันคือความหลงไม่ใช่ความรักหรอก เพียงแค่คนที่แอบมองมาตลอดเลือกจะไม่ยอมรับและปัดความคิดเหล่านั้นทิ้งทันที

“ชอบนะ แต่อาจจะอยู่อีกสักปีสองปีค่อยกลับไปทำงานที่บ้าน พ่ออยากให้รีบเข้าไปช่วยที่บริษัทน่ะ” แผนชีวิตของเขาถูกวางไว้หมดแล้ว

เธอได้ยินอย่างนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วย รู้ดีว่าชายหนุ่มไม่เหมาะกับการตลาด เพียงแต่คิดว่าเขาคงอยากทำงานเพื่อสั่งสมประสบการณ์ อีกไม่นานก็ต้องเข้าไปช่วยงานครับครัว

ซึ่งแน่นอนว่าเข้าไปก็ได้ขึ้นตำแหน่งสูงอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ดูจากแววตาคมคล้ายมีความหม่นหมองมากกว่าตื่นเต้น หล่อนสังเกตเห็นแต่ไม่อยากถามเพราะคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัว จึงพยักหน้าตอบรับเสียงในลำคอ

“อ้อ”

“แต่ยังไงเราติดต่อกันได้ตลอดนะ” เขายังเอ่ยพร้อมรอยยิ้มทำให้หล่อนจ้องนิ่ง

ไม่อยากเข้าข้างตัวเองจนเกินไปแต่ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย ในขณะที่มีข่าวลือของเราสองคนเกิดขึ้น เขาไม่ได้ถอยห่างจากเธอกลับเลือกจะเข้าใกล้มากกว่าเดิม เหมือนอยากให้เรื่องซุบซิบเป็นความจริง แต่ก็ยังมีระยะห่างระหว่างเราเสมอ

ทำให้เธอเองก็ไม่กล้าก้าวข้ามความสัมพันธ์...

“ถามหน่อยสิพี...” อาหารมาเสิร์ฟพวกเขาก็กินข้าวด้วยความหิว ทั้งยังต้องรักษาเวลาเพราะตอนนี้เที่ยงครึ่งแล้ว ช่วงบ่ายต้องรีบเข้าบริษัทไปทำงาน ไม่อยากไปสายกลัวจะโดนนินทาเพราะทุกวันนี้ก็ตกเป็นประเด็นอยู่แล้ว

“ว่า” เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

“ทำไม...ถึงยังเป็นเพื่อนกับเราล่ะ” เธอสูดลมหายใจเพื่อเรียกความกล้าให้ตัวเอง ถามในสิ่งที่สงสัยมาโดยตลอด

เรารู้จักกันเพราะเธอคือเพื่อนของแฟนเขา แต่ตอนนี้สองคนนั้นเลิกกันเราแต่เรายังเจอหน้ากันตลอด แม้จะในสถานะเพื่อนก็ตาม จนกลายเป็นความสงสัยไม่รู้ว่าทำไมเขายังทนคบกับเธอ ทั้งที่ตอนนี้ก็ไม่ได้มีผลประโยชน์ต่อกันแล้ว

“ทำไมจะไม่เป็น ตาลน่ารักแล้วก็ใจดีขนาดนี้ อีกอย่างเราก็ชอบนิสัยของตาลด้วย ไม่คิดเหรอว่าเราสองคนเข้ากันได้ดีมากเลยนะ” คราวนี้กลับเป็นหล่อนที่สงสัย ไม่คิดว่าจะได้ยินชายหนุ่มบอกว่าเราเข้ากันได้ดีด้วยซ้ำ

คำพูดกับสายตาของอีกฝ่ายเรียกความเขินอายจากหญิงสาวเป็นอย่างมาก แต่เธอก็พยายามทำหน้านิ่งเหมือนเดิม

“หือ เข้ากันได้ดี...”

“ใช่ เข้ากันได้ดีมากเลยล่ะ เย็นนี้ว่างหรือเปล่า” ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะรู้หรือเปล่าว่าคำพูดเหล่านั้นเขย่าหัวใจของหล่อนมากแค่ไหน คำชวนธรรมดาที่สร้างความตื่นเต้นแก่คนฟังเป็นอย่างยิ่ง เธอเลือกจะพยักหน้าเพราะคาดหวังกับสิ่งที่พีรัชกำลังจะเอ่ย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel