เพียงอยากเอาชนะ

71.0K · จบแล้ว
ข้าวสีทอง
40
บท
3
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

"ปานอัปสร" แอบรักแฟนของเพื่อนแต่เลือกตัดใจ ทว่าเขาดันเลิกกับเพื่อนแล้วรู้ว่าเธอชอบ จึงขอโทษแล้วบอกให้เป็นแค่เพื่อน หญิงสาวไม่ได้คิดจะขอเป็นแฟนอยู่แล้วจึงตอบตกลง "พลิศ" เข้ามาในชีวิตของเธอจนรักเขาหมดใจ ก่อนทราบความจริงว่าชายหนุ่มเข้าหา ก็เพื่อต้องการเอาชนะใครอีกคนเท่านั้น ไม่ได้รักเธอจริงดั่งที่ตนรักเขา จึงเลือกถอยออกมาพร้อมกับลูกในท้องที่เธอไม่คิดจะบอกเขา มีพ่อแบบนั้นไม่มีเสียยังจะดีกว่า...

นิยายรักโรแมนติกคนในใจฟินๆนางเอกเก่งมีลูกโรแมนติกดราม่ารักหวานๆ

บทนำ

บทนำ

การหางานไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอเมื่อเคยฝึกงานที่บริษัทการเงินยักษ์ใหญ่ของประเทศ แม้ว่ายังเรียนไม่จบก็ได้รับการเชื้อเชิญให้เข้าทำงานทันที สร้างความดีใจและปลื้มปริ่มแก่หญิงสาวเป็นอย่างมาก การเรียนเทอมสุดท้ายจึงไม่ต้องเครียดเรื่องงานหลังเรียนจบเหมือนเพื่อนคนอื่น หล่อนเพียงแค่ต้องคิดว่าจะใช้ชีวิตอีกสองเดือนจนเรียนจบอย่างไรโดยไม่ถูกสายตาดูแคลนของคนรอบข้าง

การเดินเข้ามาในคณะสร้างความกังวลแก่หญิงสาวเป็นอย่างมาก ข่าวลือแพร่สะพัดเรื่องที่หล่อนแย่งแฟนเพื่อนสนิทในกลุ่มจนถูกตีตัวออกห่าง ซึ่งไม่เป็นความจริงเลยสักนิด พยายามจะแก้ไขความเข้าใจนั้นกลับไม่มีใครเชื่อเธอเพียงเพราะอดีตเพื่อนในกลุ่มเลือกจะเดินเข้ามาสาดน้ำใส่หน้าหล่อนพร้อมคำพูดที่แสนเจ็บปวด

“อยากได้ก็เอาไป ถือว่าฉันทำทานให้แล้วกัน” เธอทำได้เพียงนั่งนิ่งมองน้ำหวานไหลเปื้อนเสื้อจนแทบไม่หลงเหลือสีขาว คำพูดสะท้านทรวงกับสายตาเหยียดหยามจากรอบทิศสร้างความอับอายแก่หล่อนเป็นอย่างมากจนต้องรีบวิ่งหนีจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าจะมองหน้าใครเลยสักคนแล้วกลายเป็นว่าเธอต้องใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยเพียงลำพัง

ไม่มีเพื่อนคุยแล้วก็ทำได้แค่ตั้งใจเรียนอย่างเดียว เลือกจะนั่งหน้าสุดเพื่อจะได้พุ่งความสนใจไปยังหน้ากระดาน เมินสายตาหลายคู่ที่มองมาก่อนคนเหล่านั้นจะก้มไปกระซิบพูดคุยกัน มือบางกำปากกาแน่นเพื่อระงับอารมณ์ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดเรื่องอะไรแต่เธอกลับเชื่อไปแล้วถึงหัวข้อพวกนั้นน่าจะเกี่ยวกับตนเอง ถึงเรื่องจะผ่านมากว่าสัปดาห์แต่ข่าวก็ไม่ซาลงเลย

เธอยังคงใช้ชีวิตกับสายตาดูแคลนของคนในคณะ ส่วนเพื่อนก็ยังคงแสดงท่าทีรังเกียจชัดเจน ถึงหล่อนจะพยายามเข้าไปอธิบายว่าเรื่องเป็นมาอย่างไรกลับไม่ได้รับความสนใจ เหมือนว่าอีกฝ่ายเชื่อสนิทใจไปแล้วว่าถูกตนแย่งแฟน ขณะที่ฝ่ายชายก็ยังมาหาเธออยู่คณะเหมือนเดิม สร้างความเข้าใจผิดให้คนทั่วไปจนต้องบอกให้เจอกันที่อื่น

ถึงไม่ได้แย่งแฟนเพื่อน แต่สิ่งที่ทำให้หล่อนนึกละอายใจคือแอบชอบแฟนของอีกฝ่าย

แอบมองเขาก่อนจะมาคบกับเพื่อนของตนด้วยซ้ำ หลังจากทั้งสองคบหาเป็นแฟนก็พยายามอยู่ในพื้นที่ของตัวเองมาตลอด

“ขอบคุณมากนะตาล ถ้าไม่ได้ตาลเราคงแย่แน่เลย” เพราะเราสองคนอยู่กลุ่มทำรายงานเดียวกัน บางครั้งเขาก็ขอให้เธอช่วยเรื่องงาน ช่วยติวหนังสือแล้วชายหนุ่มก็ซื้อของมาตอบแทนมากมาย นั่นจึงอาจเป็นจุดที่ทำให้คนอื่นมองว่าเราเกินเลย

ทั้งที่ความจริงมีแค่เธอที่แอบชอบเขาฝ่ายเดียว...

“ไม่เป็นไรหรอก” เป็นอีกวันที่เธอต้องมาช่วยเขาทำรายงาน

เรื่องของเรายังแพร่สะพัดไปทั่วโดยที่ไม่มีใครเชื่อคำพูดของพวกเขาเลยแม้แต่คนเดียว เธอพยายามจะตีตัวออกห่างแต่ชายหนุ่มบอกเพียงแค่มันไม่ใช่ความจริงก็ไม่อยากให้เธอต้องไปคิดมาก สร้างความเชื่อมั่นให้หล่อนพร้อมกับแสดงความสนิทสนมยิ่งกว่าเดิม ใจคนแอบชอบจึงได้เอนเอียงแอบคิดเข้าข้างตัวเอง

แม้จะรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำไม่ถูกต้อง เธอไม่ควรคบกับแฟนเก่าของเพื่อน พยายามห้ามใจตัวเองแล้ววางชายหนุ่มไว้เป็นแค่เพื่อนเท่านั้น

แต่การกระทำของเขาตอนนี้สร้างความลำบากใจและคิดฝันไปไกลให้เธอพอสมควร...

“เดี๋ยวไปทำงานเธอจะติดรถเราไหม” คนพูดไม่ได้คิดอะไรแต่คนฟังนึกสงสัยจึงรีบถาม

“หือ ทำไมต้องติดรถนาย”

“ก็เราทำงานที่เดียวกันไง” ดวงตากลมเบิกกว้างขึ้นยิ่งกว่าเดิม ปากอวบอิ่มแต้มรอยยิ้มปิดบังไม่มิดว่าดีใจแค่ไหน ถึงจะพยายามซ่อนความรู้สึกเอาไว้แล้วให้แค่สถานะเพื่อน แต่เหมือนว่าหล่อนจะไม่เก่งในการแอบรักเอาเสียเลย

แค่เขาบอกว่าทำงานที่เดียวกัน หัวใจก็ลิงโลดอย่างมีความสุข

เรียนจบแล้วอุตส่าห์ทำใจว่าคงไม่ได้พบกันอีก ใครจะคาดคิดว่าเราจะได้ทำงานด้วยกัน สามารถมองเขาต่อไปแม้ว่าจะในฐานะเพื่อนก็ตาม หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะขณะมองหนุ่มหล่อซึ่งกำลังยิ้มให้กัน ทำเอาเธอต้องรีบหลบสายตาเขารวดเร็ว

“จริงเหรอ สมัครตอนไหนไม่เห็นรู้เลย” บริษัทการเงินยักษ์ใหญ่ทาบทามเธอให้ทำงานด้วย แต่จำได้ว่าไม่เคยเห็นเขาพูดเรื่องนี้เลยสักครั้ง จึงสงสัยว่าชายหนุ่มไปสมัครงานที่เดียวกันตอนไหน พอได้ยินคำตอบก็หมดข้อสงสัย

“พอดีพ่อเรารู้จักกับคุณอาที่เป็นหุ้นส่วนของบริษัทน่ะเลยฝากเราเข้าไปทำงานด้วย เรากะจะเรียนรู้งานแล้วมาทำที่บริษัทของพ่อ ต่อจากนี้เราจะได้เจอกันบ่อยกว่าเดิมแล้วนะ” เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับระบบเด็กเส้นเธอไม่ได้คิดอะไรมาก

เพราะดีใจที่จะได้เห็นหน้าเขาในที่ทำงาน มีความสุขจนยิ้มไม่หุบพลางเดินเคียงข้างร่างสูงเพื่อไปยังรถยนต์ของเขา

“อือ” มือกอดหนังสือเอาไว้แล้วค้อมศีรษะพร้อมเอ่ยขอบคุณที่เขาเปิดประตูให้ตน อยากคิดเข้าข้างตัวเองแต่รู้ดีว่าไม่มีทางเป็นไปได้

เขาคิดกับหล่อนแค่เพื่อนเท่านั้น...

“จะไปไหนเหรอ” พาหนะเคลื่อนออกจากขณะอย่างเชื่องช้า เลิกเรียนรถติดเป็นเรื่องธรรมดา เธออยากขอบคุณการจราจรด้วยซ้ำที่ทำให้เราได้อยู่ด้วยกันนานขึ้น นั่งมาสักพักก็หันไปถามสารถีรูปหล่อที่ไม่คิดว่าจะมาสนิทกันได้

“กินข้าว ไปกินข้าวเป็นเพื่อนเราหน่อยนะ” เหมือนว่าไม่ได้ถามแต่กำลังอ้อน แล้วหล่อนก็แพ้ทางเขาหมดทุกประตู พยักหน้าพลางตอบตกลงรวดเร็ว

“ได้สิ”

แล้วเธอก็ได้มานั่งในร้านอาหารในห้างสรรพสินค้ากับเขาสองคน เลือกอาหารญี่ปุ่นที่กินง่ายและสะดวกไม่ต้องรอนาน ระหว่างนั่งรอเขาก็ขอออกไปรับโทรศัพท์ ปล่อยหญิงสาวอยู่ที่โต๊ะเพียงลำพัง

“อ้าว นายมากินข้าวเหรอ” ดวงตาคมมองอยู่ข้างนอกสักพักเห็นว่าคนร่วมบ้านมารับประทานอาหารกับสาวผิวขาวหน้าหมวยซึ่งดูไม่ใช่ไทป์ที่ชอบจึงได้เข้ามาขวางทางเอาไว้ ทำให้พี่ชายที่กำลังจะออกไปคุยโทรศัพท์ถึงกับชะงัก

“ครับ พี่มากับใคร...ไม่ใช่คนเก่า...” หรี่ตามองคนในร้านครู่เดียวก็หันมาสบตากับคนอายุมากกว่า พลางถามด้วยความสงสัย

“เพื่อนน่ะ” เขาตอบตามความจริง เรียกรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จากคนฟังแล้วถามเพื่อขยายความ เพิ่มความแน่ใจให้ตัวเองว่าทายไม่ผิด

“อ้อ เพื่อนที่ช่วยทำรายงานให้ตลอดใช่ไหม” เอามือล้วงกระเป๋ากางเกงระหว่างรอคำตอบ แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมพูดความจริง ทำเพียงแค่ตบบ่าน้องชายแล้วเอ่ยเพื่อตัดบท รีบร้อนออกจากตรงนั้นเพื่อจะได้คุยธุระกับปลายสายที่โทรมาไม่หยุด

“หึ เจอกันที่บ้าน”

เขามองตามพี่ชายแล้วเหลียวเข้าไปในร้าน ครุ่นคิดบางอย่างก่อนแสยะยิ้ม นึกสนุกกับแผนการบางอย่างที่ตัวเองวาดขึ้น

น่าสนุกดีเหมือนกัน...