บท
ตั้งค่า

EP 13 เสียอาการ

บรรยากาศภายในห้องทำงานตอนนี้เงียบสงัดทั้งที่คนนั่งอยู่ในห้องมีถึงสามคน ความตึงเครียดระหว่างคนโปรดกับปริ้นเซสทำเอาดนัยแทบกุมขมับ

“ทะเลาะอะไรกันรึเปล่าสองคน?” สุดท้ายความอยากรู้ก็ชนะความอึดอัด

“ป่าวครับ,ป่าวค่ะ” ขนาดตอบยังไม่แม้แต่จะมองหน้ากันเลยด้วยซ้ำ อาจจะเพราะต่างฝ่ายต่างอยู่กับความคิดของตัวเอง

ตอนนี้คนโปรดเริ่มรู้สึกผิดที่พูดประโยคเฮงซวยแบบนั้นออกไป ปริ้นเซสเองก็เช่นกัน แต่เพราะมันคือเขาเธอเลยไม่คิดว่าคนโปรดจะรู้จักคำว่าขอโทษหรือคำว่าไม่เหมาะไม่ควร

“งั้นอยู่กันสองคนไปก่อนนะ เดี๋ยวพ่อมาอธิบายเรื่องเอกสารต่าง ๆ” ดนัยคิดว่าคงดีกว่าถ้าเขาไม่อยู่ตรงนี้ ทั้งสองอาจจะปรับความเข้าใจกันง่ายขึ้น หรือบางทีอาจจะทะเลาะกันจนห้องทำงานพังไปเลยก็ได้

“ปริ้นเซส”

“คุณโปรด” ชายหนุ่มหันมาเรียกหญิงสาว เป็นจังหวะเดียวกันที่เธอเองก็หันมาเรียกเขาเช่นเดียวกัน

“เธอพูดก่อนเลย”

“คุณก่อนดีกว่าค่ะ” ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปพักหนึ่งเพื่อทำใจให้สบาย ก่อนจะถอนหายใจหนัก ๆ และพูดสิ่งที่ควรออกมา

“ฉันขอโทษ” เขามองเธอเพื่อดูว่าร่างบางจะแสดงออกยังไง

“ค่ะ ปริ้นก็ขอโทษที่ก้าวร้าวใส่คุณ” เธอยกมือไหว้ผู้ชายตรงหน้าด้วยความรู้สึกผิด

บางคนอาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมเธอจะต้องขอโทษในเมื่อเขาเป็นคนทำตัวแย่ ๆ ใส่เธอก่อน หรือบางคนอาจจะมองว่าเธอไม่ได้ผิดด้วยซ้ำ แค่ตอบสนองในสิ่งที่เขาให้มา

แต่ความคิดของปริ้นเซสแล้ว เธออายุน้อยกว่าไม่สมควรที่จะพูดแบบนั้น อีกอย่างคนเราไม่ชอบแบบไหนก็ไม่ควรทำแบบนั้นใส่คนอื่นเช่นกัน

“เรียกว่าพี่แบบที่บอกนั่นแหละ ระหว่างนี้เรายังต้องอยู่ด้วยกันระยะยาว ไม่อยากให้อึดอัดหรือต้องลำบากใจทุกครั้งที่คุยกัน” เธอพยักหน้ารับและไม่ได้พูดอะไรต่อ จากนั้นต่างฝ่ายต่างนั่งทำความเข้าใจงานคนละมุมห้อง

ก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนร่างของดนัยจะเดินกลับเข้ามา ขนาดไม่ได้เห็นทั้งสองคุยกัน แต่ดนัยรับรู้ได้ว่าทั้งคู่ปรับความเข้าใจกันแล้วแน่นอน

“พร้อมรึยัง?”

“ค่ะ,ครับ” จากนั้นการเรียนรู้งานก็เริ่มขึ้นโดยมีพ่อของหญิงสาวเป็นคนอธิบายถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ต้องทำในการบริหาร

เจ้าของบริษัทที่ประสบความสำเร็จคือเจ้าของที่ลงมือทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง มันไม่ใช่แค่การนั่งเซ็นเอกสาร ยิ่งสูงยิ่งหนาว ยิ่งอยู่ในตำแหน่งที่ใหญ่ยิ่งต้องรับผิดชอบเยอะ คำนี้ไม่เกินจริง

“มีตรงไหนไม่เข้าใจมั้ย?” คนโปรดกับปริ้นเซสส่ายหัวออกมาพร้อมกัน ดนัยยิ้มเอ็นดูทั้งคู่ที่เป็นคนเข้าใจอะไรง่าย ดูเหมือนทั้งสองจะชอบอะไรเหมือนกันเสียด้วย

“งั้นเดี๋ยววันนี้เอาเอกสารปึกนั้นไปอ่านทำความเข้าใจดูนะ แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาสรุปให้ฟังอีกที” เวลาเดินมาถึงครึ่งวันแล้ว ดนัยจึงเลือกที่จะปล่อยทั้งคู่กลับบ้าน

ความจริงเขาก็อยากจะให้เรียนรู้ถึงช่วงเย็น แต่เพราะว่าพรุ่งนี้ลูกสาวเขามีนัดหมอเพื่อตรวจครรภ์ คนเป็นพ่อจึงอยากให้ลูกได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เพราะพรุ่งนี้ก็ต้องออกไปเหนื่อยอีก

คนท้องความจริงควรได้พักอยู่เฉย ๆ แต่ปริ้นเซสไม่ยอม เธออยากทำตามความตั้งใจของตัวเองที่บอกว่าหากเรียนจบแล้วจะมาช่วยพ่อของเธอทำงาน และไม่ว่าอะไรก็ดูเหมือนจะล้มเลิกสิ่งที่เธอตั้งใจไม่ได้

“งั้นหนูกลับบ้านเลยนะคะพ่อ” เธอเงยหน้าขึ้นหันไปพูดกับพ่อของตัวเอง โดยไม่ทันสังเกตว่าคนโปรดมองหน้าเธออยู่ ความจริงเขาลอบมองเธออยู่เรื่อย ๆ ปริ้นเซสดูมีเสน่ห์สำหรับเขามากที่สุดตอนที่ตั้งใจทำอะไรสักอย่าง

“ขับกลับดี ๆ นะลูก ถึงบ้านบอกพ่อด้วย เดี๋ยวพ่อเคลียร์งานเสร็จจะรีบกลับ” ดนัยลูบหัวลูกสาวไปมาและเอ่ยบอกด้วยความเป็นห่วง

“ผมขอไปส่งน้องได้มั้ยครับ?” คนโปรดพูดขึ้นทำเอาสองพ่อลูกพากันเลิกคิ้วมองด้วยความสงสัย

“แล้วรถเราล่ะ?”

“ผมจอดไว้ที่นี่ก่อนได้ครับ เดี๋ยวให้คนมาเอากลับ ผมจะอยู่เป็นเพื่อนน้องจนกว่าคุณอาจะถึงบ้าน” เขาตั้งใจจะทำแบบนั้นจริง ๆ เพราะเมื่อวานที่ได้ไปบ้านของร่างบางมาแล้ว ดูเหมือนบ้านหลังใหญ่จะมีคนไม่มาก แม่บ้านมีแค่สามคน ดูแล้วไม่มีใครน่าจะดูแลเธอได้ดี

“น้องปริ้นว่าไงครับ?” ดนัยก็อยากจะให้เป็นแบบนั้น แต่อย่างที่บอกว่าเขาต้องถามทุกความสมัครใจของเธอด้วย พ่อแม่ไม่ใช่เจ้าชีวิตหรือมีสิทธิ์ตัดสินใจอะไรแทนลูก เพราะงั้นคนที่คนโปรดต้องขออนุญาตไม่ว่าอยากจะทำอะไรเกี่ยวกับปริ้นเซส มันคือตัวเธอเอง

“รบกวนเกินไปมั้ยคะ?” เธอไม่อยากปิดโอกาสเขาขนาดนั้นมันจะดูใจร้ายเกินไป และเขาเองก็มีสิทธิ์ที่จะได้อยู่ใกล้ลูกในช่วงอยู่ในท้องบ้าง

“ไม่รบกวนครับ เดี๋ยวพี่ขับเอง” เขาเดินไปหยิบกระเป๋าของเธอมาสะพายไว้แทนและเก็บเอกสารทุกอย่างบนโต๊ะของเธอเข้าที่

“ปริ้นกลับแล้วนะคะพ่อ”

“ถึงบ้านบอกพ่อด้วยนะเจ้าหญิงน้อย” ร่างบางพยักหน้าตอบพ่อของตัวเองก่อนจะเดินนำออกมา เขายกมือไหว้ดนัยและเดินตามเธอ

“แวะทานข้าวก่อนมั้ย?” ระหว่างทางกลับบ้าน มันเงียบมาทั้งทาง คนโปรดทำลายบรรยากาศด้วยการชวนคุย

“แล้วพี่หิวรึยังคะ?” เธอเลิกสนใจหน้าจอโทรศัพท์ที่เปิดดูการ์ตูนเอ่ยถามเขากลับ ไอหน้าตาซื่อ ๆ คำพูดเพราะ ๆ แบบนั้นมันทำให้คนโปรดหลุดยิ้มออกมา

“ไม่เท่าไหร่ครับ แต่หนูต้องกินข้าวเพื่อลูกไม่ใช่เหรอ?”

“งะ..งั้นแวะทานก็ได้ค่ะ” ร่างแกร่งรีบหันกลับไปมองเธอเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ตะกุกตะกักนั้น ก่อนจะยกยิ้มมุมปากด้วยความเจ้าเล่ห์ มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าเธอกำลังเขินเขา แก้มแดง ๆ นั่นเป็นตัวบอกได้ดี

“ร้อนเหรอ หื้ม?” เมื่อรถติดไฟแดง ชายหนุ่มโน้มหน้าลงมาที่เธอและเอ่ยถามออกไป ระยะห่างมีเพียงไม่ถึงคืบด้วยซ้ำ

“คะ..ค่ะ ระ..ร้อน” ร้อนของเธอคือร้อนวูบวาบจากข้างในด้านต่างหาก ก็เขาเล่นอยู่ใกล้เธอขนาดนี้ จะบอกว่าไม่เขินคงแปลก

“พี่เพิ่มแอร์ให้เอามั้ย?” ยิ่งเห็นท่าทางน่ารัก ๆ เวลาที่เธอเสียอาการ ยิ่งทำให้เขาอยากแกล้ง

“ไม่เป็นไรค่ะ พี่กลับไปขับรถได้แล้ว ใกล้ไฟเขียวแล้ว” เธอดันอกแกร่งให้ห่างตัวและเขาก็ยอมแต่โดยดี

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel