EP 09 บอกความจริง
หลังจากที่คุยกับไรเฟิลไปสักพัก เขาก็ขอตัวกลับไปเพื่อให้คนโปรดได้ทบทวนเรื่องของตัวเอง และสิ่งที่คิดว่ากำลังจะทำ ร่างแกร่งเคาะนิ้วไปมาอย่างคิดไม่ตก ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ ด้วยความเหนื่อยล้า
เรื่องของเธอกับเขาเกิดขึ้นด้วยความไม่ได้ตั้งใจและเผลอเลินเล่อ ไม่ได้นึกถึงว่าอะไรจะตามมาบ้าง เธอมาเสนอเขาก็แค่สนองเท่านั้น ไม่รู้เลยว่าจะมีสิ่งที่ทำให้ทั้งคู่ต้องมาผูกพันกัน เรื่องมันเร็วจนเขาไม่ได้ตั้งตัวเลย
"จะเอายังไงดี" หากไรเฟิลไม่พูดบางอย่างก่อนไป เขาคงไม่คิดมากขนาดนี้ แต่เพราะสิ่งที่ชายหนุ่มคนเมื่อครู่พูดไว้มันจริงทุกอย่าง เขากำลังจะสร้างครอบครัวที่มองภายนอกว่าสมบูรณ์ แต่ภายในคือเด็กต้องมารับรู้ว่าพ่อและแม่ไม่ได้รักกัน แถมยังอยู่ด้วยกันเพราะมีเขาเป็นตัวกลาง
ผ่านไปจนกระทั่งเย็น พ่อของคนโปรดและดนัยพ่อของหญิงสาวเปิดประตูเข้ามาโดยไม่ได้เคาะ ร่างแกร่งที่กำลังนั่งทำงานอย่างตั้งใจเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัย
"อ้าว ปริ้นเซสกลับไปแล้วเหรอ?" เขาลืมเรื่องนี้สนิทเลย เธอออกไปตั้งแต่บ่ายโดยที่เขาไม่ได้ตามไป ไม่เพียงเท่านั้นพ่อของเธอยังอยู่ที่นี่อีก
"ผมไม่ทราบว่าคุณอายังไม่กลับ เลยปล่อยน้องไป ขอโทษนะครับ" ชายหนุ่มยืนขึ้นยกมือไหว้ด้วยความรู้สึกผิด เขาควรดูแลเธอให้ดีกว่านี้และใช้อารมณ์กับเธอให้น้อยลง อย่างที่เธอพูดมันก็ถูก หญิงสาวไม่ใช่ลูกน้องของเขา เขาไม่มีสิทธิ์สั่งเธอหรือใช้อารมณ์
"ไม่เป็นไร ๆ ลูกสาวอาขี้เบื่อพอรู้ ไม่ต้องคิดมากลูก" ดนัยไม่ได้โทษเขาเพราะไม่เห็นว่ามันเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร อีกอย่างธุรกิจบ้านของเขาขาวสะอาด ไม่มีเบื้องลึกเบื้องหลังที่ทำให้ต้องระแวง
"งั้นเดี๋ยวฉันกลับก่อนนะคิน ไม่รู้ป่านนี้ยัยตัวแสบจะหาข้าวกินรึยัง"
"โอเค ๆ ให้คนโปรดไปส่งมั้ย ฉันจะฝากของบำรุงไปให้หลานในท้องหนูปริ้นเซสด้วย" ร่างแกร่งเริ่มรู้สึกถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป ตอนพ่อของเขาพูดว่าหลานในท้องของเธอ ชายหนุ่มรู้สึกหวั่น
"เอางั้นเหรอ จะรบกวนคนโปรดมั้ย?"
"ไม่รบกวนครับ คุณอาจะได้ไม่ต้องเรียกรถด้วย" ดนัยพยักหน้า จากนั้นเขาเริ่มเคลียร์ความเรียบร้อยบนโต๊ะทำงานท่ามกลางสายตาของผู้ใหญ่ทั้งสองที่มองอย่างเอ็นดู
"ไปกันเลยมั้ยครับ?"
"เอาสิ" ดนัยว่าจบก็เดินตามคนโปรดมาที่รถ เขามองทุกการกระทำของเด็กหนุ่มที่ดูจะมีความเรียบร้อยไม่น้อย แถมยังเนี้ยบทุกระเบียบนิ้วอีกต่างหาก
"เรียนจบด้านไหนมาล่ะเรา?"
"บริหารครับคุณอา ผมอยากจบมาช่วยพ่อให้ได้เต็มที่" มันแปลกไม่น้อยที่เด็กผู้ชายจะยอมเรียนด้านบริหาร แต่คนโปรดไม่คิดอะไรเลยตอนที่เลือก เขารู้เพียงแค่ว่า อยากแบ่งเบาภาระของพ่อบ้าง ชายหนุ่มเห็นพ่อของเขาทำงานหนักมาโดยตลอด
"ดีแล้ว ๆ ไม่อยากเชื่อว่าเด็กวัยรุ่นสมัยนี้จะคิดได้แบบเราอยู่ ถ้ามีก็คงไม่เยอะ"
"ไม่หรอกครับ ผมว่าหลาย ๆ คนที่เลือกสาขาอื่นอาจจะเพราะความชอบที่ไม่ได้มาทางด้านนี้" คำตอบของคนโปรดดูเป็นผู้ใหญ่ มันสร้างความประทับใจให้กับดนัยอย่างมาก
"เรามีความคิดที่ดีมากนะคนโปรด ถ้าไม่ติดว่าลูกสาวอาไม่เปิดใจรับใคร คงอยากจะให้คนโปรดมาเป็นพ่อของเจ้าตัวเล็กแล้ว ฮ่า ๆ" มือที่บังคับพวงมาลัยรถเริ่มบีบแน่นด้วยความหวั่นใจ เขาจะบอกท่านยังไงดีว่าเด็กในท้องคือลูกของเขา
คนโปรดมาคิดดูอีกครั้ง เขาไม่กล้าพอสักนิด ทำเธอท้องหมดอนาคตยังต้องให้เธอมาบอกพ่อของตัวเองอีก ที่มากกว่านั้นปริ้นเซสไม่คิดจะเอาเด็กออก หรือตอนนี้มันถึงตาที่เขาจะเป็นคนพูดความจริงบ้างแล้ว
"คุณอาครับ"
"หื้ม ว่าไง?"
"ผมมีเรื่องอยากจะบอกให้คุณอาทราบ" คนโปรดหันไปมองหน้าของดนัยหลังจากที่รถกำลังจอดติดไฟแดง
"เรื่องอะไรล่ะ ว่ามาสิ?" ท่าทางที่ดูชิลล์ของชายวัยกลางคนตรงหน้า ทำเอาคนโปรดผ่อนคลายลงบ้าง แต่ก็ไม่มากพอที่จะให้ความกลัวหายไป
"ผม...ผมคือพ่อของเด็กในท้องปริ้นเซสครับ"
"..." หลังจากจบประโยคทั้งรถเงียบสงัด คนโปรดสังเกตสีหน้าของอีกคนได้ไม่นานก็ต้องจำใจไปขับรถต่อเพราะสัญญาณไฟเขียวแล้ว เขาไม่ทันได้เห็นเลยว่าดนัยยกยิ้มที่มุมปากบาง ๆ
"คุณอาผมต้องขอโทษจริง ๆ นะครับที่เกินเลยน้องและทำให้เกิดเรื่องขึ้น ผมอยากให้คุณอาทราบว่าผมยินดีรับผิดชอบทุกอย่าง" ชายหนุ่มพูดหลังจากที่รถมาจอดสนิทหน้าบ้านของดนัย
"เด็กที่เกิดจากความไม่ตั้งใจของทั้งคู่ คนโปรดแน่ใจเหรอว่าจะรักเขาได้ และอาอยากรู้คำว่ารับผิดชอบของเราคือแบบไหน?"
"ผมมั่นใจว่าผมจะรักลูกของผมได้เป็นอย่างดีครับ"
"แต่ไม่ใช่การรักแม่ของลูกได้เป็นอย่างดีใช่มั้ย?" ร่างแกร่งเม้มปากแน่น เขาตอบไม่ได้กับคำถามที่เพิ่งได้ยิน ชายหนุ่มมั่นใจว่าตัวเองจะดูแลเด็กน้อยได้ดี แต่เรื่องระหว่างเขาและเธอ คนโปรดยังให้คำตอบกับตัวเขาเองไม่ได้เลย
"อามั่นใจว่าเราจะรักลูกได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าการรับผิดชอบนั้นมันคือการฝืนใจ อาว่าอย่าเลยจะดีกว่า"
"แต่ลูก..."
"อายินดีที่จะให้คนโปรดเป็นพ่อของหลานในท้องเพราะคนโปรดรักเขา แต่หากคนโปรดไม่ได้รักลูกสาวของอา อาไม่สามารถรับคนโปรดในฐานะลูกเขยได้ เข้าใจอาใช่มั้ย?"
"ครับ ผมเข้าใจ" ดนัยเตรียมจะเปิดประตูลงจากรถ
"ระหว่างนี้ผมขอดูแลน้องกับลูกได้มั้ยครับ ถ้าหลังจากที่ปริ้นเซสคลอดแล้ว ผมมั่นใจว่าไม่ได้รู้สึกอะไรจริง ๆ ผมจะคงสถานะกับน้องไว้เพียงแค่พ่อและแม่เท่านั้น"
"แล้วถ้าลูกสาวอารู้สึกกับเราล่ะ ปริ้นเซสควรทำยังไง จัดการความรู้สึกของตัวเองใช่มั้ย?" ดนัยถามออกไปด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง
"ผม...."
"ความใกล้ชิดมักจะทำให้คนเรารักกันอยู่แล้ว คนโปรดอาจจะไม่รัก แล้วรู้ได้ไงว่าน้องปริ้นจะไม่รู้สึกอะไร?"
"ผม..."
"ไปทบทวนสิ่งที่จะทำให้ดี อาไม่โกรธคนโปรด เพราะมันไม่ใช่ความผิดของเราเพียงคนเดียว น้องปริ้นก็ผิด แต่อะไรที่รักษาความรู้สึกของลูกสาวอาได้ อาก็อยากจะทำมัน ปริ้นเซสเหมือนหัวใจครึ่งหนึ่งของอา เมื่อไหร่ที่เขาเจ็บ อาย่อมเจ็บด้วย ไม่มีพ่อคนไหนอยากเห็นลูกของตัวเองต้องเสียใจ"
"ภายนอกน้องอาจจะดูว่าแข็งกร้าว แต่เชื่อเถอะ น้องบอบบางกว่าที่คนโปรดเห็นเสียอีก" หลังจบประโยคสุดท้าย ดนัยลงจากรถไปเลย ปล่อยให้คนโปรดนั่งนิ่งอยู่คนเดียว ไม่นานเขาตั้งสติได้ก็เคลื่อนรถออกจากบ้านหลังใหญ่ไป
