บทที่ 2
เมื่อถึงเวลานัดหมาย ลลินและสมิธก็ไปยังจุดนัดพบ ซึ่งเป็นร้านกาแฟสไตล์ยุโรป ที่อยู่ด้านบน เป็นสวนสวย
"สวัสดีค่ะ" ลลินเปิดฉากทักทายสองสามีภรรยา เธอยืนยิ้มให้ทั้งสองแต่สายตาจับจ้องที่พีรพลเปิดเผล
พีรพลที่กำลังตกตะลึงกับความสวยของลลินอีกครั้งถึงกับมองจ้องกลับอย่างไม่วางตา
เพี้ยะ ! แรงตีจากมือเมียทำให้อีกฝ่ายได้สติ
"สวัสดีครับ ผมพีรพลครับ นี่ กรเกต ภรรยาผม" เขาลุกขึ้นกล่าวทักทาย ยื่นมือออกไปรอให้อีกฝ่ายยื่นมาจับ
"ลินซี่ค่ะ"
ลลินไม่ทำให้ผิดหวัง ยื่นมือขาวมาสัมผัสเพียงนิด ก่อนจะหันไปหากรเกต แตะมือกับเธอและยิ้มให้อย่างมีจริต
"ไม่น่าเชื่อนะคะว่าคุณลินซี่ จะพูดไทยชัดขนาดนี้" กรเกตทักท้วงเมื่อในคราแรก ข้อมูลของตัวแทนจากบริษัทแมคเครเกอร์ซึ่งมาจากอเมริกาเป็นหญิงสาววัยไล่เรี่ยกัน แล้วผู้หญิงตรงหน้าก็ดูเหมือนต่างชาติมากกว่าคนไทย
"ฉันเป็นลูกครึ่งค่ะ เลยพูดภาษาไทยได้" ข้อมูลนั้นคงไม่ได้ใส่ลงไป เพราะทุกอย่าง ลลินสั่งให้คนของพ่อจัดทำมันขึ้นมา ไม่ว่าจะชื่อ นามสกุล รวมถึงข้อมูลส่วนตัวด้วย
"เชิญนั่งครับ" พีรพลผายมือเชิญแขก สมิธเข้ามาบริการลลินทันที
ภาพที่หญิงสาวมีคนคอยดูแลทำให้สองสามีภรรยามองหน้ากัน ลลินหรือลินซี่ เป็นเหมือนคุณหนูที่ต้องมีคนคอยดูแล
จากข้อมูล แมคเครเกอร์เป็นนักธุรกิจอสังหาในอเมริกา ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด ตอนนี้เขาสนใจจะร่วมลงทุนกับGRM ในการเปิดศูนย์การค้าใหม่ นำเสนอร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังจากอเมริกาที่จะนำเข้ามาวางขาย โดยผ่านการติดต่อจากลลิน นั่นจึงทำให้พีรพลสนใจ
"ทางเราได้รับเอกสารเรียบร้อยแล้วนะคะ ไม่ทราบว่า ที่เราเสนอไป คุณลินซี่ติดขัดอะไรหรือเปล่า" กรเกตเริ่มพูดคุย ในขณะที่พีรพลเอาแต่ยิ้มกริ่มและมองจ้องลลินตลอดเวลา
"ไม่เลยค่ะ แต่ขอดูพื้นที่ ที่ทางจีอาร์เอ็มจัดไว้ให้เราหน่อยได้ไหมคะ" ลลินเรียกร้องขอดูพื้นที่รวมถึงบริเวณใกล้เคียง เพื่อนบ้านของเธอมีใครบ้าง ซึ่งทางกรเกต ก็อธิบายได้เป็นอย่างดี
"ยังไงถ้าวันจันทร์นี้คุณลินซี่ว่าง เชิญที่โครงการของเราได้เลยนะคะ เกตจะพาไปดูสถานที่จริง" กรเกตยื่นข้อเสนอ
"ดีเหมือนกันนะคะ ดิฉันก็อยากเห็นของจริงเหมือนกัน เอ่อ ขออนุญาตนะคะ" ลลินขยับตัว ถอดเสื้อคลุมออกเผยไหล่ขาวนวลเนียนกับอกอวบใต้ชุดเดรสสีดำที่ขับผิวของเธอให้ดูน่าสนใจมากขึ้น มากจนพีรพลมองตาไม่กระพริบเลยทีเดียว
"เมืองไทยร้อนกว่าที่คิดนะคะ ต้องขอโทษที่เสียมารยาท" ลลินปรายตามองพีรพลเพียงนิดก่อนจะบิดยิ้มแล้วหันไปหากรเกตในทันที
"ใช่ค่ะ เสื้อคลุมอาจจะหนาเกินไป" กรเกตพยายามเก็บอารมณ์เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะมาเป็นคู่ค้าทางด้านธุรกิจ ไม่อยากจะใส่ใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปหยิกขาสามีจนสะดุ้งโหยงร้องเสียงหลง
"โอ้ย!" พีรพลร้องเสียงดันแล้วหันมองกรเกตหน้ายุ่ง
"เป็นอะไรหรือเปล่าคะ" ลลินรีบเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
"เปล่าครับไม่มีอะไร" พีรพลยิ้มกลบเกลื่อนทันที ก่อนเหลือบมองกรเกตด้วยสีหน้าไม่พอใจ
"เรามาต่อกันดีกว่านะคะ" กรเกตรีบชวนเปลี่ยนเรื่อง เธออธิบายรายละเอียดต่างๆให้กับลลินอีกครั้ง ลลินตั้งใจฟังมันอย่างดี เพราะอย่างไรเสีย ธุรกิจนี้ก็ต้องผ่านไปได้ด้วยดีไม่ว่าการมาไทยในครั้งนี้จะมีจุดประสงค์อื่นก็ตาม
นั่งคุยกันเกี่ยวกับเรื่องงานจนพอใจ กรเกตขอตัวไปเข้าห้องน้ำ นั่นทำให้ลลินมีโอกาสที่จะได้พูดคุยกับพีรพลเป็นการส่วนตัว
"ไม่ทราบว่าแต่งงานกันนานหรือยังคะ ขอโทษนะคะที่ถาม ดิฉันเห็นพวกคุณท่าทางรักกันดี" ลลินบิดยิ้ม
"สองปีแล้วครับ" พีรพลตอบเบาๆ
"มีลูกไหมคะ"
"ยังครับ แต่กำลังวางแผนอยู่ คุณล่ะครับ แต่งงานหรือยัง" พีรพลเองก็ไม่น้อยหน้ารีบถามสิ่งที่หัวใจต้องการอยากรู้ในทันที
"ยังหรอกค่ะ ไม่ค่อยมีคนสนใจ ก็เลยยังโสด" ลลินหัวเราะออกมา คำตอบนั้นเป็นที่น่าพอใจสำหรับพีรพล
"จริงเหรอครับ ไม่น่าเชื่อว่าสวยๆแบบคุณลินซี่จะยังไม่มีแฟน" เขาจงใจพูดเน้นคำว่าไม่มีแฟน ลลินก็เลยยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
"กำลังรอคนที่ใช่อยู่น่ะค่ะ" สายตาที่ส่งไปสื่อความหมายมากมาย พีรพลรับรู้ถึงพลังยั่วยวนที่อีกฝ่ายปล่อยออกมา มันทำให้เขาแทบจะนั่งไม่ติดแต่ก็ยังรักษาท่าที
คงเหมือนคำโบราญที่ว่า ไม่อยากให้ไก่ตื่นละมัง
ทั้งสองมองตากันอยู่นานราวกับว่าสามารถสื่อสารกันได้ผ่านดวงตาคู่นั้น จนกระทั่งกรเกตกลับมาและมองด้วยสายตาไม่พอใจ
"คุยอะไรกันเหรอคะ"
"เรื่องทั่วไปค่ะ" ลลินตอบกลับนิ่งๆ ไม่มีท่ามีผิดปกติอะไร เธอมองพีรพลแล้วยิ้มให้ สายตาที่บอกว่ารู้กันสองคนนั่นทำให้กรเกตเริ่มไม่พอใจ
"คุณลินซี่มีคำถามเพิ่มเติมไหมคะ"
"ไม่แล้วค่ะ ยังไง ลินซี่ขอตัวก่อนนะคะ" ลลินแย้มยิ้ม ขอตัวลุกขึ้น
"เจอกันวันจันทร์นะครับ" พีรพลดีดตัวลุกตามอย่างรวดเร็วก่อนโพล่งออกมาเสียงดัง
"แน่นอนค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะคะ แล้วเจอกันค่ะ" ลลินยกยิ้ม มองพีรพลสายตาหวานหยดอย่างเปิดเผย จนพีรพลมองตามตาเชื่อมไม่ต่างกัน
ทุกการกระทำอยู่ในสายตากรเกต ความรู้สึกไม่ไว้ใจก่อเกิดขึ้นมาทันที สายตาของคู่ค้าคนใหม่ที่มองสามีเธอไม่ธรรมดา เธอรู้สึกถึงความหมายบางอย่างจากสายตาคู่นั้น คงต้องให้อยู่ในสายตาตลอดเวลา
