บทที่ 5
นาริฐาขับรถพาปาณิสราไปยังเป้าหมาย เมื่อจอดรถเรียบร้อยก็เดินควงเขนกันไปยังร้านกระเป๋าแบรนด์เนมชื่อดังร้านหนึ่ง ที่ปาณิสราไม่คิดจะซื้อมันเพราะราคาแพงเกินความจำเป็นมากจนโอเวอร์ เธอไม่ใช่ลูกมหาเศรษฐีมีเงินกองเท่าบ้านนะ ถึงต้องเอามาซื้อกระเป๋าใบแพงๆ แบบนี้ แค่เห็นราคาเธอก็ไม่กล้าแตะแล้ว ได้แต่มองอย่างเดียวพอ
ส่วนนาริฐานั้นก็ลองสะพายกระเป๋าใบนั้นใบนี้ ก่อนจะตัดสินใจซื้อมาหนึ่งใบ ซึ่งแบบมันไม่ได้ต่างจากใบเก่าที่หญิงสาวสะพายอยู่สักเท่าไหร่ ปาณิสรานั้นดูจะแปลกใจที่นาริฐามีเงินใช้มากมายแบบนี้อยากได้อะไรก็ซื้อแม้จะแพงแค่ไหนก็ตาม ทั้งๆ ที่บ้านเธอก็ฐานะปานกลางแท้ๆ หรือเพราะงานพิเศษที่เธอทำหรือเปล่าก็ไม่รู้
“พราว…งานพิเศษที่ทำได้เงินมากเลยเหรอ” หลังจากเดินออกมาจากร้านขายกระเป๋าแล้ว ปาณิสราเอ่ยถามให้หายสงสัยเพราะรู้ว่างานพิเศษที่นาริฐาทำคือสาวเชียร์เบียร์ เพราะหน้าตาที่น่ารักและหุ่นสมส่วน ไหนจะทำงานหลังเลิกเรียนนริฐาจึงเลือกงานนี้
“ทำไมถามแบบนั้นล่ะ” นาริฐาเลิกคิ้วสูงถาม
“ก็เห็นของแต่ละชิ้นที่พราวใช้แพงๆ ทั้งนั้นเลยนี่ ก็เลยถามดู”
“ได้เงินเยอะสิ ถ้าวันไหนโชคดี”
“งานแบบนี้ ต้องขึ้นอยู่กับโชคเหรอ” ปาณิสราเอ่ยถามด้วยความที่ไม่รู้นั่นเอง
“ใช่” คนถูกถามพยักหน้ายืนยันด้วย เพราะงานที่เธอทำถ้าโชคดีคืนเดียวได้เงินเป็นแสนก็มีมาแล้ว แต่ถ้าโชคไม่ดีก็แค่หลักพัน หรือไม่ได้เลย ให้ไอ้ผู้ชายพวกนั้นแทะโลมด้วยสายตาฟรีๆ
“เหรอ”
“แล้วนี่มีนบอกว่าอยากได้ของอะไรนะจ๊ะ” นาริฐาเปลี่ยนเรื่องพูด เมื่อเห็นว่าเรื่องของเธอไม่ได้สำคัญอะไรแล้ว
“อ๋อ…จะมาเดินหาของขวัญวันเกิดให้พี่ชายนะพราว ปีนี้ไม่รู้จะให้อะไรเลย” พูดจบปาณิสราก็ย่นจมูก เพราะคิดไม่ออกจริงๆ
“เราช่วยเลือกไหม”
“ว่างเหรอ” ปาณิสราเอ่ยถามเพื่อน
“ว่างสิ มีนยังมาเป็นเพื่อนซื้อกระเป๋าเราเลย เราก็ต้องตอบแทนด้วยการเดินดูของเป็นเพื่อน” นาริฐาพยักหน้าให้ ก่อนจะเกี่ยวแขนปาณิสราเดินดูของขวัญวันเกิดแทบทั่วห้างก็ว่าได้ แต่ปาณิสรากยังไม่เจอของที่ถูกใจสักชิ้น
“เฮ่อ…สงสัยต้องไปดูที่อื่น” เสียงเนือยๆ ของปาณิสราดังขึ้น ก่อนจะทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ตรงทางเดินกลางห้างสรรพสินค้า เพราะเธอ เดินไปเดินมาจนปวดเท้าไปหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ของที่ถูกใจอยู่ดี
“ที่นี่ไม่มีของถูกใจเหรอมีน”
“อื้อ…ยังไม่โดน หาของขวัญให้พี่นี่หายากจริงเลยนะ โทษทีนะที่ทำให้พราวเสียเวลา”
“เรื่องเล็กน่า ว่าแต่พี่มีนผู้ชายหรือผู้หญิง”
“ผู้ชาย”
“นาฬิกาไหม?” นาริฐาเอ่ยแนะนำ
“นาฬิกาเราเคยให้พี่แล้วของใช้บนตัวพี่ เราซื้อให้หมดแล้วก็เลยไม่รู้จะหาอะไรให้อีก”
“อืม…” คนช่วยเลือกของขวัญทำท่าคิดไปด้วย เธอมีแค่น้องสาวก็เลยคิดไม่ออกว่าผู้ชายเขาอยากได้อะไรกัน แต่ในที่สุดก็คิดออก
“อ้อ…ประกันชีวิตไง พี่มีนมีหรือยัง”
“มีแล้วมั้ง…เพราะพี่เราเป็นตำรวจ เรื่องประกันน่าจะมีแล้ว” คนตอบไม่ค่อยจะมั่นใจเหมือนกัน เพราะสำหรับเธอมองว่าประกันมันเป็นเรื่องไกลตัว ถ้าชนาธิปไม่ทำให้เธอมีหรือเธอจะมีประกันกับเขา
“แต่ก็อย่าประมาทไปเชียวนะ ถึงเป็นตำรวจแต่ค่าใช้จ่ายบางอย่างก็เบิกไม่ได้ด้วย ถึงตอนนั้นอาจจะมานั่งลำบากหาเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาล อีกอย่างตอนนี้บ้านเรามีการจลาจลบ่อยๆ ตำรวจทำงานหนักถูกลูกหลงเสียชีวิตขึ้นมารัฐบาลจะช่วยกี่บาทกันเชียว ถ้ามีเหตุการณ์แบบนั้นจริงๆ มีนสิจะลำบากคนแรก” คำพูดของนาริฐาทำเอาปาณิสรากลืนน้ำลายลงคอ เพราะคิดตามสิ่งที่ได้ยิน
“ประกันชีวิตเหรอ” ปาณิสราเองก็เริ่มคล้อยตามนาริฐาไปเหมือนกัน ความคิดของเพื่อนสาวก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะงานของพี่เธอนั้นเสี่ยงใช่เล่น
“อื้อ…เราว่าดีออก แล้วมีนล่ะมีประกันชีวิตไหม”
“มี…พี่เราทำให้ แต่จะว่าไปเราก็ลืมถามเรื่องนี้กับพี่เหมือนกันนะ” หญิงสาวทำท่าคิด การทำประกันชีวิตให้พี่ชายเป็นของขวัญวันเกิดก็ดีไปอีกแบบเหมือนกัน ความคิดของนาริฐาเข้าท่าไม่เบา
“เราแนะนำคนขายประกันให้เอาไหม ไปศึกษาดูเองว่ามีนต้องการแบบไหน เพราะคนขายประกันคนนี้ที่บ้านเราก็ใช้บริการด้วย”
“จ้ะ” ปาณิสราเอ่ยรับคำ นาริฐาหยิบนามบัตรของคนขายประกันที่มีอยู่ในกระเป๋าสตางค์ออกมาให้เพื่อนสาว เมื่อได้ข้อสรุปคร่าวๆ แล้วทั้งสองคนก็ไปหาอะไรกินกัน ก่อนที่ปาณิสราจะขอแยกตัวกลับบ้านก่อน เพราะนาริฐามีนัดต่อนั่นเอง
