เพลิงรัก หัวใจซาตาน

170.0K · จบแล้ว
วรนิษฐา
115
บท
12.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

รักจากลูกหนี้ หรือจะสู้รักจากเจ้าหนี้ ที่มีหัวใจเป็นซาตานผู้เร่าร้อน

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักประธานคนธรรมดาฟินๆรักแรกพบพลิกชีวิตโรแมนติกรักหวานๆ

บทที่ 1

“มีน ปีนี้จะออกค่ายอีกหรือเปล่า?” เสียงทุ้มน่าฟังของร้อยตำรวจเอกชนาธิป ชายหนุ่มในเครื่องแบบเอ่ยถามน้องสาวบนโต๊ะอาหารเช้าของวันที่อากาศสดใส ทั้งสองเป็นพี่น้องที่อายุห่างกันเกือบเจ็ดปี ชนาธิปนั้นเป็นนายตำรวจอนาคตไกล ส่วนปาณิสราคือสาวน้อยน่ารักของพี่ชนาธิป ปีนี้เธอก็จะจบการศึกษาเป็นนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาปิโตรเคมีของมหาวิทยาลัยชื่อดัง คณะและสาขาที่เธอเรียนดูจะไม่ค่อยเข้ากับสาวสวยน่ารัก บอบบางในสายตาทุกคนที่เห็นสักเท่าไหร่นัก

“ไปค่ะ” ปาณิสราหันมาตอบพี่ชายที่หาเงินส่งเธอเรียนตั้งแต่ไร้ซึ่งผู้เป็นบิดามารดา เพราะมารดานั้นเสียชีวิตไปแล้ว ส่วนบิดาก็แยกไปมีครอบครัวใหม่ สองพี่น้องก็อาศัยเพิ่งพากันและกันมาตลอด ยังดีหน่อยที่มีบ้านให้พักอาศัยแม้จะไม่ใหญ่โต แต่มันก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่น

“กี่วัน เป็นเดือนอีกหรือเปล่า” คนเป็นพี่หันมามองน้องสาว ปาณิสราดูจะมีเค้าโครงรูปหน้าเหมือนมารดา ดวงตาคมโต ใบหน้าเรียวสวย จมูกโด่งเป็นสันที่ชอบย่นใส่เขายามไม่พอใจ คิ้วแทบไม่ต้อง จัดแต่งก็สวยได้รูป ริมฝีปากหยักที่ชอบเม้มเข้าหากันในยามขบคิด

ผมยาวดำขลับที่บางวันก็เป็นยายเพิ้งเพราะไม่ค่อยชอบหวีผมสักเท่าไหร่ แต่ถ้าวันไหนมีเรียนก็จะเป็นสาวเรียบร้อยกับเขาได้เหมือนกัน มองดูกี่ทีปาณิสราก็ยังเป็นเด็กสาวตัวน้อยในสายตาของชนาธิปเสมอ เด็กผู้หญิงที่ต้องมีพี่ชายดูแล แม้จะเรียนในสาขาวิชาที่ดูห้าวไปหน่อยก็ตามที

“อืม…มีนยังไม่เห็นกำหนดการเลยพี่มัตต์” คนถูกถามทำท่าคิด ก่อนจะเอ่ยตอบ เพราะตอนนี้เธอยังไม่มีข้อมูลในมือเลยว่าการออกค่ายอาสาพัฒนาชนบทของเธอต้องไปที่ไหน อะไรยังไงบ้าง ซึ่งปีนี้เป็นปีสุดท้ายแล้ว เธอต้องไปช่วยอย่างแน่นอน

“จะไปเมื่อไหร่ก็บอกพี่ด้วยแล้วกัน” ชนาธิปเอ่ยขึ้น ก่อนจะยกกาแฟดำในแก้วทรงสวยขึ้นดื่ม จะว่าไปปีนี้ปาณิสราก็กำลังจะเรียนจบแล้ววันเวลาช่างผ่านไปเร็วเสียจริง

“เจ้าค่ะ”

“เราจะเรียนจบแล้วนี่ คิดเอาไว้หรือยังว่าอยากไปสมัครงานที่ไหน”

“คิดแล้วค่ะ แต่บริษัทที่ตรงกับสายงานของมีนและเป็นบริษัทที่อยากร่วมงานด้วย ล้วนอยู่ต่างจังหวัดทั้งนั้นเลย” พูดจบก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ มือก็แกว่งช้อนทรงสูงไปบนถ้วยที่ตอนนี้คอนเฟลกดูดนมสดจนมันชักจะอืดแล้ว

“ไม่เห็นเป็นไร ไปทำงานต่างจังหวัดก็ดีออก”

“แต่มีนอยากอยู่กับพี่มัตต์นี่” ความที่ยังไม่เคยห่างพี่ชายและยังไม่เคยใช้ชีวิตคนเดียว ทำให้ปาณิสรารู้สึกกลัวไม่ได้ ถึงจะโตจนอายุย่างเข้ายี่สิบเอ็ดปีแล้ว แต่สำหรับเธอโลกใบนี้ดูกว้างเสียจนไม่รู้ว่าการอยู่คนเดียวนั้น เธอจะทำได้แค่ไหน

“เด็ก...จะอยู่กินนมพี่หรือไง”

“เปล่าสักหน่อย ก็แค่กลัวว่าจะอยู่ได้หรือเปล่า” คนถูกสบประมาททำเสียงอ่อยๆ ให้ ก่อนจะย่นจมูกและตักคอนเฟลกเข้าปาก

“ไม่ลองไม่รู้ จริงไหม”

“ก็จริง แต่มันก็อดกลัวไม่ได้นี่คะ” ปาณิสราพยักหน้าให้คำพูดของพี่ชาย แต่ก็ยังไม่ข้อโต้แย้งเล็กๆ กลับมาอยู่ดี ชนาธิปจึงส่ายหน้าให้ แต่จะว่าไปเขานั้นก็เป็นห่วงปาณิสรามากอยู่เหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องปล่อยให้น้องสาวก้าวต่อไปด้วยตัวเอง ล้มลุกคลุกคลานบ้างก็ถือซะว่าเป็นรสชาติของชีวิต

“อย่ากลัวตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม จำไว้”

“ค่ะ” คนเป็นน้องสาวเอ่ยรับเสียงใส แต่ในใจนั้นก็แอบหวั่น แต่ก็ไม่อยากให้ชนาธิปมาคอยห่วงเธอแบบนี้เหมือนกัน เดี๋ยวจะหาว่าเป็นเด็กไม่รู้จักโตเสียที

“รีบกินเข้า เดี๋ยวพี่ขับรถไปส่งที่มหาวิทยาลัย วันนี้จะใช้รถ”

“เหรอคะ นึกว่าจะขับมอเตอร์ไซค์คันใหญ่นั่นไปส่งมีนซะอีก” หญิงสาวหันไปยังรถมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิ้ลยูสีดำคันใหญ่ของพี่ชายที่จอดอยู่ข้างๆ รถเก๋งของเธอที่หาซื้อมาเพราะเงินเดือนของชนาธิป เนื่องจากชายหนุ่มเห็นว่าน้องสาวต้องใช้ขับไปเรียนจะได้สะดวกขึ้น

“ก็อยากทำ แต่วันนี้นายเรียกประชุมบอกให้สร้างภาพหน่อย”

“อ้อ” ปาณิสราเอ่ยตอบเสียงสูง ก่อนจะตักคอนเฟลกใส่นมเข้าปาก เพราะนี่คืออาหารเช้าของเธอที่จะกินทุกวันแทนข้าว เพราะนั่นจะหนักท้องไปสำหรับเธอ ส่วนชนาธิปมีแค่กาแฟดำกับขนมปังปิ้งสองแผ่นก็เพียงพอแล้วเหมือนกัน

เมื่อกินข้าวเช้ากันเรียบร้อย ชนาธิปก็ขับรถไปส่งน้องสาวที่มหาวิทยาลัย ก่อนจะขับรถไปยังสถานที่นัดหมาย ซึ่งมันไม่ใช่กองปราบสถานที่ทำงานของเขาแต่อย่างใด ไม่รู้ว่านายมีอะไรสำคัญนักหนา ถึงให้เขามาหาที่นี่แถมยังต้องให้เขาสร้างภาพทำตัวเนี๊ยบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแบบนี้อีก ชนาธิปขับรถไปตามแผนที่ที่ พันตำรวจโทอานนท์ให้มา ชายหนุ่มเลี้ยวรถเข้าไปยังคอนโดมิเนียมสุดหรูติดแม่น้ำเจ้าพระยา

นายตำรวจหนุ่มก้าวลงจากรถ ท่ามกลางสายตาของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา เพราะชนาธิปนั้นถือว่าเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี แม้ผิวจะคล้ำแดดก็ตาม แต่ใบหน้าก็ดูหล่อเข้ม นัยน์ตาสีน้ำตาล คิ้วดกหนา จมูกโด่งรับกับริมฝีปาก โดยรวมก็มีเสน่ห์แต่กลับไร้ซึ่งคนรักเพราะมัวแต่ทุ่มเทให้กับงาน

ชนาธิปเดินตรงไปยังลิฟต์ก่อนจะกดขึ้นไปยังชั้นยี่สิบห้า พอประตูลิฟต์เปิดออกก็มองหาห้องหมายเลข 2509 ซึ่งมันเป็นห้องที่อยู่ริมสุดของตัวตึกด้านซ้ายนั่นเอง แต่ที่ดูจะไม่ธรรมดาก็เพราะหน้าห้องมีตำรวจยศน้อยยืนอยู่ถึงสองคน พอเห็นหน้าชายหนุ่ม ตำรวจนายหนึ่งก็รีบเคาะประตูเป็นสัญญาณ ก่อนจะผายมือให้เขาเดินเข้าไปข้างใน ซึ่งชนาธิปก็เดินเข้าไปแบบระวังตัว

“มาแล้วเหรอผู้กอง” พันตำรวจโทอานนท์เอ่ยทักลูกน้อง

“ครับท่าน” ชนาธิปเอ่ยรับ ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง ก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ด้วย อันที่จริงเขาเห็นเธอเป็นคนแรกตั้งแต่เดินเข้ามาแล้วด้วยซ้ำ หญิงสาวที่นั่งอยู่ถือว่าหน้าตาดีใช้ได้ ตากลมโต ปากนิดจมูกหน่อย แต่ใบหน้าสวยๆ นั้นกลับบึ้งตึงน่ากลัวและไม่น่าคบดี แต่จะว่าไปใบหน้าเธอดูคุ้นๆ เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน