บท
ตั้งค่า

บทที่ 3

พันตำรวจโทอานนท์เล่าถึงงานของชนาธิปว่ามีหน้าที่ต้องทำอะไรบ้างโดยที่ชายหนุ่มไม่สามารถโต้แย้งใดๆ ได้เลย รวมถึงปาร์คเฮริมเองก็ด้วย เมื่อจัดแจงทุกอย่างเรียบร้อยพันตำรวจโทอานนท์ก็กลับออกไปจากคอนโดมิเนียมพร้อมลูกน้องสองคนที่ยืนรออยู่หน้าห้อง ปล่อยให้ชนาธิปและปาร์คเฮริมนั่งนิ่งไม่พูดไม่จากันต่อไป ก่อนที่ชนาธิปจะทำลายความเงียบนั้น

“แน่ใจนะว่าเธอถูกขู่จริงๆ”

“คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ” เพราะความที่ชนาธิปอายุมากกว่า ปาร์คเฮริมจึงเอ่ยกับชายหนุ่มเป็นทางการ

“ก็แค่ถาม เธอก็แค่ผู้หญิงธรรมดา ทำไมคนพวกนั้นต้องขู่ด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะสร้างเรื่องเรียกร้องความสนใจจากพ่อแม่พี่น้อง” ถึงตอนนี้ชนาธิปเองก็ยังไม่รู้ว่าปาร์คเฮริมนั้นเป็นใคร แม้จะรู้สึกว่าคุ้นๆ หน้าเธอ แต่ก็ยังนึกไม่ออก

“คุณกล่าวหาว่าใครเรียกร้องความสนใจ อีกอย่างคุณไม่รู้หรือไงว่าฉันเป็นใคร”

“ไม่รู้และไม่คิดจะรู้” ชนาธิปยักไหล่ให้

“คุณ!!” ปาร์คเฮริมกำหมัดแน่น ก่อนจะเดินกระทืบเท้าเข้าไปในห้องนอน หยิบหน้าปกซีดี วีซีดีหนังสือและนิตยสารที่เธอเคยถ่ายแบบ ขึ้นปก พร้อมด้วยจดหมายขู่และอีกสารพัดที่เธอได้รับจากผู้ไม่หวังดี ก่อนจะเดินกลับออกมาและโยนทุกอย่างในมือลงไปบนโซฟาตรงที่ชนาธิปนั่ง ให้เขารู้ว่าเธอไม่ได้โกหก

“ดูซะ ว่าฉันเป็นใคร” พูดขบก็กอดอกเชิดหน้าขึ้นสูง ผู้ชายบ้าคนนี้อยู่หลังเขาหรือไงถึงไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร แต่แทนที่ชนาธิปจะหยิบนิตยสารพวกนั้นมาดู เขากลับสนใจจดหมายเลือดและกล่องสีดำที่ภายในมีตุ๊กตาหัวขาดอยู่ แถมยังมีกระดาษแปะไว้แต่เขาก็อ่านไม่ออกว่ามันคืออะไร จึงหยิบมันยื่นให้เธอ

“มันอ่านว่าอะไร”

“นี่คือชื่อฉัน ปาร์คเฮริม ส่วนนี่เป็นจดหมายที่คนๆ นั้นส่งมา” แม้จะไม่อยากคุยดีด้วย แต่เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ปาร์คเฮริมก็ต้องยอมตอบคำถามนั้นของชนาธิป

“แล้วเนื้อความในจดหมายนี่ล่ะ” คนฟังข่มความกลัวไว้ ก่อนจะอ่านเนื้อความบนจดหมายให้ชายหนุ่มฟัง

“มันเขียนว่า ฉันจะตามดูเธอทุกฝีก้าวฉันจะเป็นเงาของเธอปาร์คเฮริม” แค่อ่านเนื้อหาในจดหมาย สีหน้าและน้ำเสียงของปาร์คเฮริมก็ดูไม่ดีเท่าไหร่

“ได้จดหมายนี่มาเมื่อไหร่” เมื่อเห็นหลักฐานในมือ ชนาธิปก็เอ่ยถามที่มาตามสัญชาติญาณของคนเป็นตำรวจทันที แต่จะว่าไปเธอเอาเข้ามาประเทศไทยได้ยังไงกัน สงสัยเจ้าหน้าที่ที่สนามบินจะพลาดเรื่องการตรวจกระเป๋ากระมัง

“อาทิตย์ก่อน”

“เธอเป็นใคร คนพวกนั้นถึงต้องส่งของพวกนี้มาให้”

“ตกลงนี่คุณไม่รู้จริงๆ ใช่ไหมว่าฉันเป็นใคร” คนฟังส่ายหน้าให้ชายหนุ่มเบาๆ มาถึงตอนนี้ ชนาธิปก็ยังไม่รู้อีกหรือไงว่าเธอเป็นใครเฝ้าถามแต่ประโยคนี้อยู่ได้

“ไม่รู้”

“หลังเขา” ปาร์คเฮริมเดินไปยังโทรทัศน์จอใหญ่ในห้อง ก่อนจะหยิบซีดีแผ่นหนึ่งใส่เครื่องเล่นซีดีแล้วกดเพลย์ให้ชนาธิปเห็นกันจะๆ ว่าเธอเป็นใคร ภาพฉายขึ้นมาแล้วแต่ชายหนุ่มก็ยังนั่งก้มหน้าก้มตามองจดหมายพวกนั้นอยู่ได้

“นี่ๆ ดูซะ” หญิงสาวใช้รีโมทในมือเคาะโต๊ะเป็นสัญญาณ ชนาธิปจึงเงยหน้าขึ้นมองโทรทัศน์ที่เป็นภาพคอนเสิร์ตของใครไม่รู้ เท่าที่เห็นน่าจะมีนักร้องที่เป็นผู้หญิงอยู่สี่คน ซึ่งเขาไม่รู้จักสักคนแต่เพลงที่ได้ยินก็พอจะคุ้นหูเพราะจำได้แล้วว่า ปาณิสราชอบเปิดในบ้านอยู่บ่อยๆ

“แล้วไง” เสียงตึงๆ ใบหน้าเรียบเฉยไม่มีความตื่นเต้นใดๆ ของชนาธิปเอ่ยบอก

“โอ๊ย... อยากจะบ้า นี่เห็นไหมใคร คนเนี้ย” ปาร์คเฮริมชี้นิ้วไปยังตัวเองที่อยู่มุมซ้ายของโทรทัศน์ ชนาธิป เพ่งมองตามที่เธอบอก แต่คิ้วก็ยังขมวดเข้าหากันอยู่ดี

“ไม่เห็นรู้จัก เพื่อนเธอหรือไง”

“อ๊ายย คนๆ นี้คือฉัน ตาสว่างหรือยัง” คนฟังข่มความไม่พอใจแบบสุดๆ ก่อนจะเฉลยให้เพราะหมดความอดทนแล้ว

“เธอเหรอ... ไม่เห็นเหมือน”

“ฉันนี่แหละ คนที่ถือไมค์ร้องเพลงอยู่เนี่ยคือฉัน ปาร์คเฮริม” คนพูดชี้นิ้วมายังตัวเองเพื่อความแน่ใจ ชนาธิป เองก็พอจะเข้าใจอะไรได้บ้างแล้ว

“เป็นนักร้องว่างั้น”

“ใช่ค่ะ... ดังมาก” ปาร์คเฮริมเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ แต่สิ่งนั้นมันก็ทำให้ชนาธิปอยากแกล้ง หญิงสาวสามารถพูดต่อปากต่อคำเขาได้เป็นฉากๆ แบบนี้แสดงว่าไม่ธรรมดาแน่นอน

“ดัง? ตลกน่า ฉันไม่เห็นรู้จัก”

“ก็คุณเป็นเต่าล้านปีแบบนี้ไง ถึงได้ไม่รู้จักฉัน”

“เอาเถอะจะเต่าหรือไม่เต่า แต่ฉันก็ต้องรับหน้าที่ดูแลเธออยู่ดี พ่อเธอเป็นคนไทยหรือไง” ชนาธิปพยายามหยุดเรื่องนี้ไว้ เพราะเธอเป็นอะไรมันก็ไม่เกี่ยวกับเขาอยู่ดี

“เปล่า... แม่ฉันเป็นคนไทย พ่อเป็นคนเกาหลี แต่เดี๋ยวทำไมคุณต้องถามเรื่องส่วนตัวฉันด้วยไม่ทราบ” พอตอบไปแล้ว ปาร์คเฮริมถึงมาคิดได้

“ประดับความรู้ แล้วนี่จะกลับเกาหลีเมื่อไหร่”

“พรุ่งนี้”

“พรุ่งนี้ เร็วไปไหมแม่คุณ” นายตำรวจหนุ่มอุทานตกใจ งานนี้ก็ไม่อยากรับแต่ขัดคำสั่งไม่ได้ นี่ยังต้องบินไปเกาหลีแบบด่วนอีก

“ฉันรีบ มีอะไรไหม คุณก็รีบไปจัดการธุระซะ พรุ่งนี้ตอนหกโมงเย็นมารับฉันที่คอนโดด้วย”

“ฉันเป็นบอดี้การ์ดไม่ใช่คนรับใช้”

“จะอะไรก็เหมือนกันนั่นแหละ ออกไปแล้วช่วยล็อคห้องให้ด้วย ขอบใจ” พูดจบปาร์คเฮริมก็เดินกลับเข้าไปในห้อง ปิดประตูล็อคกลอนเสร็จสรรพ

ชนาธิปส่ายหน้าให้กับงานที่ต้องทำ แต่ชายหนุ่มยังไม่กลับออกไปในทันที กลับนั่งมองจดหมายและตุ๊กตาหัวขาดตรงหน้า พยายามคิดว่าใครคือคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังงานนี้ แต่เขาไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เสียด้วย คงต้องไปอยู่ในสภาพแวดล้อมของปาร์คเฮริม ว่าเธอพบเจอใครบ้างและใครคือผู้ต้องสงสัย งานนี้คงไม่ใช่เรื่องหมูๆ เสียแล้ว

บนโต๊ะมีซองสีน้ำตาลวางอยู่ โดยจ่าหน้าถึงชนาธิป ชายหนุ่มจึงหยิบมันมาเปิดออกดูปรากฏว่ามันคือพาสปอร์ตกับเช็คเงินสดก้อนใหญ่นั่นเอง เอกสารเข้าเกาหลีทุกอย่างพันตำรวจโทอานนท์จัดแจงให้ชายหนุ่มเรียบร้อยหมดแล้ว ชนาธิปนั่งถอนหายใจเฮือกๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนและกลับออกไปจากห้องเธอ พร้อมล็อคประตูให้ตามที่เจ้าของห้องบอก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel