บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

ส่วนหญิงสาวตรงหน้าก็มองชายหนุ่มในเครื่องแบบผู้มาใหม่เหมือนกัน เรียกได้ว่าไล่มองลงมาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า สีหน้าแสดงออกว่าไม่ชอบนิดหน่อยด้วยซ้ำ แต่เพราะความจำเป็นหรอกเธอถึงยอมมาอยู่ที่เมืองไทย ไม่อย่างนั้นเธอไม่มีวันมาแน่นอน แถมยังต้องมาแบบไม่ให้ใครรู้อีก ทั้งๆ ที่แฟนคลับในเมืองไทยของเธอก็มีตั้งมาก

“นั่งก่อนสิ” ชายหนุ่มนั่งลงตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่วันนี้มาแปลก เหมือนจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ

“นี่เฮริมหลานฉัน ส่วนนี่ผู้กองชนาธิป” คำแนะนำตัวให้ทั้งสองคนได้รู้จักกันของพันตำรวจโทอานนท์ ทำให้ชนาธิปค่อนข้างแปลกใจ ฟังจากชื่อเหมือนเธอจะไม่ใช่คนไทย แต่ชายหนุ่มก็ดูจะไม่ค่อยสนใจเสียด้วย ถึงเธอจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจแต่ชายหนุ่มก็พูดทักทายเป็นภาษาไทยไปก่อน

“สวัสดีครับ”

“สวัดดีค่ะ” ปาร์คเฮริมเอ่ยทักแบบเสียงตึงๆ กลับไป ตามมารยาทเท่านั้น สำเนียงภาษาไทยเวลาพูดคุยของเธอนั้นถือว่าดี ครั้งแรกชนาธิปยังคิดว่าเธอจะตอบเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่นเสียอีก แต่กลับผิดคาด

“เข้าเรื่องเลยแล้วกัน เฮริมเขาถูกแฟนคลับขู่ทำร้าย งานของผู้กองคือมาเป็นบอดี้การ์ดให้เธอ ตามติดยี่สิบสี่ชั่วโมง ไม่ว่าเฮริมจะไปไหน ผู้กองต้องไปด้วย”

“บอดี้การ์ด งานแบบนั้นท่านรองก็รู้ว่าผม...” ชนาธิปทำท่าจะเอ่ยค้าน เพราะงานแบบนี้เขาไม่รับทำและหลีกเลี่ยงมาตลอด โดยที่ผู้บังคับบัญชาก็รู้ดี แต่ทำงานแบบนี้ถึงมาหาเขาอีก

“ผมรู้ว่าผู้กองไม่รับงานแบบนั้น แต่ตอนนี้ไม่มีใครว่าง ทุกคนออกนอกพื้นที่กันหมด อีกอย่างเฮริมคือหลานสาวผม ผมไม่ไว้ใจให้คนอื่นทำงานนี้” แววตาของพันตำรวจโทอานนท์ดูแน่วแน่ ถึงคนอื่นจะว่างแต่สำหรับงานนี้คนที่เหมาะสมที่สุดคือชนาธิป

“แล้วที่บอกว่าตามติดยี่สิบสี่ชั่วโมงมันคืออะไรครับ” นายตำรวจหนุ่มคิ้วขมวด หวังว่าจะไม่ใช่อย่างที่คิดเอาไว้

“ผู้กองต้องบินกลับไปเกาหลีพร้อมเฮริม อยู่ดูแลเธอจนกว่าสายสืบที่นั่นจะจับคนร้ายได้” พันตำรวจโทอานนท์นั้น ได้ให้น้องสาวซึ่งเป็นมารดาของปาร์คเฮริม จัดการเรื่องนี้อย่างลับๆ ด้วยการเข้าแจ้งความให้ตำรวจที่เกาหลีตามสืบหาตัวคนร้าย แต่จะให้ตำรวจที่นั่นมาคอยตามติดปาร์คเฮริม ตลอดก็คงผิดสังเกต กลัวคนร้ายจะรู้ทันจึงต้องโทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือจากพี่ชายอย่างตนถึงเมืองไทย

“เกาหลี!!” ชนาธิปเอ่ยทวนสิ่งที่ได้ยินจากพันตำรวจโทอานนท์ สุดท้ายสิ่งที่คิดก็เป็นจริงแถมยังเกินไปเสียด้วย ให้ตายสิ งานแบบที่เขาไม่ต้องการพุ่งเข้าหาแบบปฏิเสธไม่ได้เสียด้วย

“ใช่…เพราะเฮริมอยู่ที่นั่น”

“แล้วทำไมเธอถึงไม่ให้ตำรวจของที่นู่นให้คุ้มกัน” นายตำรวจหนุ่มเอ่ยถามอย่างสงสัย เขาเป็นตำรวจที่เมืองไทย ให้ไปทำงานที่เกาหลีจะทำอะไรได้

“ขืนเป็นข่าว ฉันก็แย่น่ะสิ” ปาร์คเฮริมเอ่ยขึ้น เพราะไม่อยากให้เรตติ้งของตัวเองตกนั่นเอง ขืนสมาชิกในวงอีกสามคนรู้ว่าเธอเป็นตัวอันตรายพวกเขาก็ต้องหวาดระแวงเป็นแน่ เธอไม่อยากให้เรื่องมันเลวร้ายแบบนั้น

“แค่เนี้ย แล้วมันจะคุ้มกันไหมกับชีวิตของเธอ กลัวอะไรไม่เข้าท่า” ชนาธิปส่ายหน้าให้กับความคิดตื้นๆ ของหญิงสาวตรงหน้า

“คุณ...” คนฟังกำหมัดแน่น กัดฟันดังกรอดๆ ท่าทางของปาร์คเฮริม ทำให้ชนาธิปรู้ว่าเธอเข้าใจภาษาไทยได้ดีทีเดียว บิดาหรือมารดาของเธอคงสอนมาดีก็เป็นได้ว่าการเป็นลูกครึ่งมันต้องได้ทั้งภาษาพ่อและแม่ ซึ่งก็ดีไม่น้อยเพราะถ้าขืนทำงานกับคนที่พูดคนละภาษาเขาก็คง ปวดหัวตาย

“เฮริม...หลานอย่าใจร้อน” พันตำรวจโทอานนท์เอ่ยปรามหลานสาว

“แต่ถ้าเขาไม่เต็มใจทำงานนี้ หนูก็ไม่ต้องการค่ะคุณลุง” ปาร์คเฮริมเอ่ยขึ้น ก่อนจะมองไปยังชนาธิป เพราะเธอเองก็ไม่อยากเห็นหน้าคนที่ไม่เต็มใจทำงานใกล้ชิดเธอเหมือนกัน อุตส่าห์หลบมาที่เมืองไทยหวังให้คนเป็นลุงช่วยแท้ๆ แต่สุดท้ายเหมือนเธอกลับเกาหลีมือเปล่า

“ขอบคุณที่เข้าใจ ผมเองก็ขอปฏิเสธ” ชนาธิปเองก็ได้ทีไม่ขอรับงานนี้เหมือนกัน พอเห็นสีหน้าของชายหนุ่มที่เมินใส่เธอแบบนั้นปาร์คเฮริมก็แทบกรี๊ด นี่เขาไม่รู้เลยใช่ไหมว่าเธอเป็นใคร เธอนั้นโด่งดังในฐานะเกิร์ลกรุ๊ปของเกาหลี มีแต่คนอยากเข้าใกล้ แล้วทำไมอีตาตำรวจทึ่มๆ คนนี้ถึงไม่อยากทำงานด้วย เธอนั้นดังมากเชียวนะ คิดแล้วก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที

“นี่คือคำสั่งของผมผู้กอง” ในเมื่อชนาธิปปฏิเสธ พันตำรวจโทอานนท์ ก็ต้องใช้คำว่าผู้บังคับบัญชามาใช้ให้เป็นประโยชน์ นายตำรวจหนุ่มถึงกับพูดไม่ออกทันที

“ท่านครับ”

“ไม่มีข้อแม้ใดๆ งานนี้ผู้กองต้องรับไปทำ” คำพูดแบบมัดมือชกดังออกมาจากพันตำรวจโทอานนท์อีกครั้ง เพราะนี่คือชีวิตของหลานสาว เขาไม่อยากเสี่ยง

“แล้วงานของผมที่นี่ล่ะครับ”

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมจัดการเอง” พันตำรวจโทอานนท์ตอบอย่างมั่นใจ เพราะงานนี้เขาเตรียมทุกอย่างไว้รอแล้วนั่นเอง

“ผมต้องทำงานนี้ไปนานแค่ไหน”

“จนกว่าทางเกาหลีจะตามสืบหาตัวคนร้ายและจับได้” คำพูดของพันตำรวจโทอานนท์ไม่สามารถกำหนดเป็นจำนวนวันได้ ถ้ายังจับคนร้ายไม่ได้เขาก็ต้องอยู่กับผู้หญิงคนนี้ต่อไปเรื่อยๆ เนี่ยเหรอ สงสัยเขาต้องเร่งสืบอีกแรงให้มันจบๆ งานนี้จะได้ยุติลงเสียที

“ถ้ามันลำบากนัก คุณก็ไม่ต้องทำ” ปาร์คเฮริมเอ่ยด้วยเสียงห้วนๆ มองมายังชนาธิป เพราะเธอไม่อยากทำงานกับคนที่ไม่เต็มใจเหมือนกัน

“นั่นคือสิ่งที่ผมอยากทำเหมือนกัน แต่ในเมื่อมันคือคำสั่งผมก็คงปฏิเสธไม่ได้ ตกลง ผมรับงานนี้” ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่นและเป็นคำสั่ง ชนาธิปก็ต้องรับทำ แม้จะไม่ต้องการก็ตามที

ได้ยินแบบนี้ พันตำรวจโทอานนท์ยิ้มออกมาอย่างพอใจ ถ้าปาร์คเฮริมไม่ใช่หลานเขา งานนี้ก็คงไม่ลงมายุ่งด้วย แต่น้องสาวที่แต่งงานกับปาร์ค ฮยอง นักธุรกิจเกาหลีกลับโทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือเรื่องนี้ ใครจะไปนั่งทำเป็นทองไม่รู้ร้อนไหว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel