บทที่ 1 เปิดศึก (2)
“ดีเลย รบกวนช่วยไปรับยัยกลิ่นให้ทีสิ”
ก็ว่าจะปฏิเสธ แต่เห็นพี่ชายก็อดสงสารไม่ได้ “เมียพี่อยู่ที่ไหนล่ะ?”
ดร.ทรงศักดิ์บอกพิกัด
“ได้ เดี๋ยวผมไปรับ แต่ขอจัดการกับหัวตัวเองก่อนนะ”
“อือ อ้ออีกเรื่อง นายเลิกเรียกยัยกลิ่นว่าเมียของฉันซะทีสิวะ เรียกแค่ชื่อก็พอแล้ว”
ทรงกรดนิ่วหน้า “อายที่มีเมียเด็กหรือไง?”
“บ้าสิ ทำไมต้องอายด้วย เอาไว้ฉันจะเล่าให้นายฟังก็แล้วกันว่าทำไมถึงห้ามไม่ให้เรียกแบบนั้น” บอกจบดร.ทรงศักดิ์ก็หันไปรับโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาอีก
ทรงกรดเลยยุติคำถามแล้วรีบไปจัดการอาบน้ำสระผมเอาฝุ่นแป้งที่กลิ่นจันทร์สาดใส่ออก พอเรียบร้อยแล้วเขาถึงเอารถยนต์ออก เพื่อขับไปรับแม่ตัวดีตามที่รับปากพี่ชายเอาไว้
ตลอดเส้นทางมีฝนตกลงมาปรอย ๆ ซ้ำรถยังติด จึงทำให้เขาถึงที่หมายช้ากว่ากำหนดเกือบชั่วโมง พอถึงที่หมายเขาก็บีบแตรเรียก กลิ่นจันทร์ที่ยืนชะเง้อคอยาว ตัวเปียกน้ำฝนก็รีบวิ่งขึ้นรถทันที
“แย่จังนะคะที่ฝนมาตกเอาตอนนี้” หญิงสาวชวนคุยพลางดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาด “ดอกเตอร์ยุ่งอยู่เหรอ กลิ่นรบกวนหรือเปล่า?”
พอคู่สนทนาไม่ตอบกลิ่นจันทร์ก็หันไปมองหน้า แล้วเธอก็ชะงักไปเพราะคนที่ขับรถมารับเธอไม่ใช่ดร.ทรงศักดิ์ แต่เป็นทรงกรด ผู้ชายที่เธอขึ้นบัญชีดำและไม่อยากเฉียดใกล้
“รบกวนสิ บ้านอยู่แค่นี้กลับเองก็ไม่ได้”
พอทรงกรดพูดออกมาแบบนั้น กลิ่นจันทร์ก็หน้าตึงขึ้นมา “ก็ใครมันทำให้ฉันต้องเป็นแบบนี้ล่ะ”
“เธอโทษฉันงั้นสิ”
“แน่ล่ะ กระเป๋าสตางค์ของฉันอยู่ในรถ”
“สมน้ำหน้า” ชายหนุ่มเยาะเสียงขึ้นจมูก
“ซวยชะมัด” กลิ่นจันทร์สบถ
“สมน้ำหน้า มันน้อยไปด้วยซ้ำ”
คนถูกเยาะเย้ยกัดริมฝีปากจนแดง นึกอยากจะลงจากรถซะดื้อ ๆ แต่ปัญหาก็คือเธอไม่มีเงินติดตัวสักบาท อีกอย่างเธอไม่ชอบนั่งรถแท็กซี่คนเดียว
ไม่อย่างนั้นเธอไม่ทนยืนหนาวตากฝนรอคนที่บ้านมารับนานเป็นชั่วโมงแบบนี้หรอก และที่สำคัญหากเธอลงจากรถตอนนี้ ทรงกรดต้องหัวเราะเยาะเธอเป็นแน่
สู้นั่งเชิดหน้าเป็นคุณนาย ปล่อยให้เขาทำหน้าที่เป็นสารถี่ให้เธอนั่งสบาย ๆ ไม่ดีกว่าเหรอ อย่างมากก็แค่เปิดศึกทำสงครามน้ำลายกับเขาเท่านั้น
“เยาะเย้ยคนอื่น ระวังไว้เถอะ กรรมจะตามทัน!”
“น่ากลัวจัง ถ้าเป็นอย่างที่เธอว่า คนที่มีชู้น่าจะต้องชดใช้ก่อนนะ”
กลิ่นจันทร์มุ่ยหน้าใส่คนพูด เธอรู้ว่าเขาจงใจแดกดันเธอ “ใครมีชู้”
“ก็เธอไง”
คนถูกปรักปรำย่นจมูก “ไม่รู้อะไรเลย ก็อย่ามาพูดดีกว่า”
“รู้สิ ก็เห็น ๆ กันอยู่ มันทิ่มแทงใจดำใช่ไหมล่ะ?”
หญิงสาวไม่ตอบ เธอเลือกที่จะเงียบ ด้วยรู้ดีว่าพูดไปก็เปล่าประโยชน์ พูดไปก็เหมือนแก้ตัวโดยเฉพาะกับทรงกรด ผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นน้องชายของสามี เพราะเขาได้ตัดสินเธอไปแล้ว
กลิ่นจันทร์เบือนหน้าไปทางหน้าต่าง นั่งมองหยดน้ำฝนที่พุ่งผ่านกระจกตอนรถวิ่ง กระไอน้ำเริ่มจับตัวจนเป็นฝ้าขาว เธอเองเริ่มหนาวสั่นเพราะเครื่องปรับอากาศในรถค่อนข้างเย็น ซ้ำเสื้อผ้าของเธอก็ชื้นน้ำฝน แล้วเธอก็จามติด ๆ กันสองสามครั้ง
ทรงกรดที่เอาแต่เงียบ จมอยู่กับความคิดของตัวเองและยังอารมณ์ขุ่นมัวกับพฤติกรรมสำส่อนของกลิ่นจันทร์ไม่หาย พอได้ยินเสียงจามเขาก็ปรายตาไปมองพี่สะใภ้คนสวยที่นั่งขดตัวชิดประตู ก็ว่าจะปล่อยให้หนาวอยู่แบบนั้น แต่เขาก็ใจร้ายไม่ลง
ก็ถ้ายัยพี่สะใภ้ตัวแสบเป็นอะไรไป พี่ชายเขานั่นแหละที่ต้องรับหน้าที่ดูแลยัยตัวดี
คิดได้แบบนั้นจังหวะที่รถติดไฟแดง ทรงกรดจึงเอื้อมมือไปยังเบาะหลังเพื่อเอาของ ทว่าคนที่นั่งเหม่อคิดอะไรเพลิน ๆ ถึงกับสะดุ้ง
“ทำอะไรน่ะ?!”
ทรงกรดไม่ตอบ แต่หยิบเอาผ้าพันคอมาโยนใส่หญิงสาวแทน แล้วเขาก็เบือนหน้ากลับไปขับรถตามเดิม
กลิ่นจันทร์ยังนิ่วหน้าจ้องอีกฝ่าย แต่เธอก็หยิบเอาผ้าพันคอมาห่มตัว
“ขอบคุณ”
“ถ้าไม่เต็มใจ ก็ไม่ต้องพูดก็ได้”
