บทที่ ๗ : แผนสามลวงให้หลงใหล 3
“คุณเอาแต่พูดว่าราน่ารักผม ราน่าทำเพื่อผม บางทีมันก็น่าน้อยใจเหมือนกันนะที่คุณดูจะไม่ได้หึงหวงผมบ้างเลย จริงสิ...เราเพิ่งได้พูดคุยกันจริงจังแค่สองวันอยู่เลย คุณคงต้องการเวลา แต่...” ชายหนุ่มยกมือขึ้นสางผมตัวเองด้วยท่าทีสับสน “ช่างเถอะ เอาเป็นว่าคุณควรรู้ตัวไว้ว่าคุณกำลังตกหลุมพรางของราน่าอยู่ ผู้หญิงอย่างราน่าไม่มีทางยอมปรองดองกับใครง่ายๆ หรอก เธอไม่เคยแบ่งอาหารให้แก่ผู้ยากไร้ด้วยซ้ำ แล้วคุณคิดเหรอว่าเธอจะยอมแบ่งผมให้กับคุณ”
“ใจร้ายเกินไปแล้วนะคะ คุณหนูราน่ารักคุณมาก ถึงได้ยอมเปลี่ยนตัวเองแบบนั้น คุณอคติเกินไปหรือเปล่า” นันดินีรู้ตัวดีว่าไม่มีสิทธิ์ต่อว่าเขา แต่จะให้ทนฟังเขาพูดถึงราน่าแค่ในแง่ร้าย เธอก็อดที่จะออกโรงปกป้องลูกผู้หญิงด้วยกันไม่ได้ แม้ราน่าจะเคยเป็นคนยโสโอหัง ไม่เคยมองเห็นหัวใคร แต่บางทีความรักที่มีให้ชากีร์ยัฟอาจทำให้ราน่าคิดอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้างก็ได้
“คุณแสนดีเกินไปแล้วนันดินี คุณมองโลกใบนี้ในแง่ดีเกินไป” สีหน้าของชีคหนุ่มดูเรียบเฉย
“ไม่หรอกค่ะ บางทีฉันนี่แหละที่อาจจะร้ายกาจยิ่งกว่าใคร คุณหนูราน่าอาจจะกลายเป็นคนดีไปเลยก็ได้ ถ้าคุณรู้ว่าฉันไม่ใช่คนดีอย่างที่คุณคิด” หญิงสาวพูดออกมาด้วยอารมณ์ แต่แล้วก็แทบลืมหายใจเมื่อมองผ่านร่างกำยำออกไปตรงประตู แล้วเห็นอสรพิษสาวกำลังแง้มประตูแอบฟังการสนทนาในครั้งนี้อยู่
คงไม่ใช่เรื่องดีแน่หากจาฮีดารายงานดารัมดาสว่าเธอกำลังสร้างปัญหา...
“หมายความว่ายังไง คุณมีอะไรที่ไม่ได้บอกผมงั้นเหรอ ถึงได้พูดออกมาแบบนี้” คำถามนี้ทำให้นันดินีพูดไม่ออก แต่ก็พยายามเรียบเรียงคำพูดออกมาให้สวยหรูที่สุด หากจะให้ดีก็คงต้องใช้มารยาลวงล่อให้เขาลืมสิ่งที่เธอพูดไปเสีย ไม่อย่างนั้นคำพูดปริศนาพวกนั้นอาจจะทำให้ชากีร์ยัฟเริ่มไม่ไว้ใจเธอขึ้นมาก็ได้
“ก็...ความไม่เหมาะสมของเราสองคนยังไงล่ะคะ คนอื่นคงคิดเหมือนกันว่าฉันไม่มีคุณสมบัติที่จะมาเป็นคู่ชีวิตของคุณเลยแม้แต่น้อย ถ้าให้ทุกคนเลือกระหว่างฉันกับคุณหนูราน่า คุณคงรู้ว่าพวกเขาจะเลือกใคร ตอนนี้ฉันก็เป็นเหมือนผู้หญิงร้ายกาจที่มาแย่งคุณไปจากเธอ แล้วแบบนี้ฉันยังจะเป็นคนดีได้อีกเหรอคะ” พูดจบหญิงสาวก็ยืนหันหลังให้เขา พยายามบีบน้ำตาให้ไหลออกมา แต่ก็ยากเย็นเสียจนต้องกระตุ้นความเศร้าของตัวเองด้วยการนึกถึงบุพการีบุญธรรมที่กำลังจะเดือดร้อนเพราะความวู่วามของเธอ
“ที่แท้ก็เรื่องนี้เอง ใครจะพูดยังไงก็ช่างมันเถอะ รู้ไว้ก็พอว่าผมมั่นใจในตัวคุณ แล้วจะไม่มีทางเปลี่ยนใจไปเลือกคนอื่นมาแทนที่คุณเด็ดขาด” ชากีร์ยัฟเอ่ยพร้อมระบายยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้า ก้าวเท้าเข้าไปยืนซ้อนอยู่ทางด้านหลังของนันดินี ยกมือขึ้นโอบรอบเอวบางแล้วโน้มตัวลงมาเท้าคางไว้บนไหล่เล็ก
“ถอยไปเถอะค่ะ ฉันไม่อยากให้คุณดูแย่เวลาอยู่ใกล้คนที่ไม่เหมาะสมอย่างฉัน” หญิงสาวตัดพ้อทั้งน้ำตา
“พูดแบบนี้ได้ยังกันฮึ คุณก็รู้ดีนี่ว่าผมรู้สึกยังไงกับคุณ” คราวนี้ชายหนุ่มถอยออกห่าง แล้วดึงให้คนตรงหน้าหันกลับมาสบตาด้วย มือใหญ่เลื่อนขึ้นเช็ดคราบน้ำตาออกจากแก้มเนียนใสอย่างเบามือ
“ชากีร์คะ...” นันดินีเลื่อนมือขึ้นแตะทับบนมือเขา
“ชอบจังเวลาที่คุณเรียกชื่อผม” ชากีร์ยัฟยิ้มสดใส
“จูบฉันได้ไหมคะ” สิ่งที่หลุดออกจากปากไม่ใช่ความต้องการของเธอเอง แต่หากจะให้ดารัมดาสมั่นใจว่าเธอจะทำทุกอย่างตามแผนการ และยินดียั่วยวนลวงหลอกให้ชีคหนุ่มที่น่าสงสารคนนี้ตกหลุมรักจนโงหัวไม่ขึ้น เธอก็ควรทำให้คนที่จะคาบข่าวไปบอกได้เห็นอะไรที่มันคุ้มค่าเสียหน่อย
“คุณ...พูดอะไรผิดไปหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามซ้ำทั้งที่ตอนนี้หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำไปเสียแล้ว
“จูบฉันได้ไหมคะ...จูบฉันเพื่อยืนยันว่าคุณจะไม่เปลี่ยนใจไปจากฉัน” นันดินีฝืนจ้องมองดวงตาที่ร้อนแรงของอีกฝ่ายอย่างเต็มความสามารถ พยายามบอกตัวเองไม่ให้สั่นเทิ้มเหมือนกำลังลอยคออยู่กลางมหาสมุทรน้ำแข็ง แต่กระนั้นขาของเธอก็สั่นจนแทบจะประคองตัวเองไว้ไม่อยู่
ชากีร์ยัฟขยับเข้าประชิดโดยไม่จำเป็นต้องให้คำตอบว่ายินดีจะทำตามคำขอของเธอหรือไม่ ชายหนุ่มขบกรามแน่นเพื่อระงับจิตใจไม่ให้เรียกร้องมากเกินกว่าจูบ แต่แล้วสติของเขาก็แทบจะหลุดลอยไปทันที เมื่อมือเล็กยกขึ้นแตะที่กรามกระด้างแบบผู้ชาย ก่อนจะเลื่อนเลยไปรั้งต้นคอที่มีปลายผมสีดำสนิทคลอเคลียอยู่ให้โน้มลงมาหา แล้วเป็นฝ่ายแนบริมฝีปากเข้าหาเขาเสียเอง
ชีคหนุ่มครางในลำคอเมื่อหญิงสาวพยายามเรียนรู้ที่จะจูบตอบ กลิ่นกายหอมกรุ่นและริมฝีปากที่หอมหวานราวกับน้ำผึ้งทำให้กายชายเต้นเร่าด้วยความต้องการ มือที่วางทาบอยู่บนสะโพกกลมกลึงเลื่อนขึ้นลูบไล้ไปตามแนวสันหลัง กดร่างบางให้แนบชิดเข้าหาจนทรวงอกนุ่มบดเบียดกับอกกว้างจนแทบจะกลายเป็นเนื้อเดียวกัน
นันดินีเกาะเกี่ยวเอวสอบของชากีร์ยัฟไว้มั่น แม้จะหลอกตัวเองว่าจูบนี้ถูกเรียกร้องเพียงเพราะผลประโยชน์ แต่ก็หนีไม่พ้นความจริงที่ว่าเธอหลงใหลในรสจูบที่อ่อนหวานของเขาเหลือเกิน มันเป็นจูบที่นุ่มนวลชวนให้คล้อยตาม ไม่กระด้างเอาแต่ได้เหมือนอย่างที่เขาเคยเอาเปรียบเธอในความฝัน อารมณ์ของชายหนุ่มดูจะเพริดไปไกล รับรู้ได้จากจูบบางเบาที่เริ่มร้อนแรงขึ้นทุกขณะ หญิงสาวจึงรีบหยุดเขาด้วยการถอนริมฝีปากออกห่าง แล้วใช้สองมือยันอกกำยำไว้เพื่อรักษาระยะห่างระหว่างกัน
“ฉัน...ฉันไม่ไหวแล้วค่ะ” นันดินีหน้าแดงก่ำ หอบหายใจเอาอากาศเข้าปอดจนทรวงอกสะท้านขึ้นลงเป็นจังหวะ
“ที่ไม่ไหวนี่เพราะกลัวจะห้ามใจตัวเองไม่อยู่ล่ะสิ” คนพูดเย้าด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ดวงตาเป็นประกายด้วยความสิเน่หาที่ก่อเกิดขึ้นในตัว
“ฉันกลัวจะห้ามคุณไม่ได้มากกว่าค่ะ” หญิงสาวยิ้มเอียงอาย แต่เขาหัวเราะในลำคอ
“ผมดูร้ายกาจขนาดนั้นเชียวเหรอ”
“ไม่เชิงหรอกค่ะ แต่ก็ขอบคุณนะคะที่ช่วยยืนยันตามที่ฉันขอ เอาเป็นว่าเรื่องคุณหนูราน่า ฉันจะพยายามระวังตัวค่ะ แต่คงไม่มีอะไรหรอก เพราะวันนี้คุณหนูราน่าแสดงให้ฉันเห็นแล้วว่าเธอจริงใจแค่ไหน คุณเองก็อย่ามองโลกในแง่ร้ายนักนะคะ ฉันไม่อยากให้คุณคิดมากเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง”
“เรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวกับคุณย่อมสำคัญกับผมเสมอ” เขาสวนขึ้นทันควัน สีหน้าดูอึดอัดเหมือนต้องการแย้งเรื่องของราน่า แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะนิ่งเงียบเพื่อให้นันดินีได้เรียนรู้ความจริงด้วยตัวเอง
“ขอบคุณนะคะที่ให้ความสำคัญกับฉัน” หญิงสาวยิ้มหวานจนหัวใจเขาทำงานหนักขึ้นอีกระลอก ความกล้าที่นันดินีขอให้เขาช่วยจูบยืนยัน ทำให้แอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าเธอคงเริ่มมีใจตอบกลับมาบ้างแล้ว
คนอย่างชีคชากีร์ยัฟ ซัลมานรุสดิน ราฮัล ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้ามองข้าม เขารู้ตัวดีว่าความสมบูรณ์แบบทุกประการจะทำให้เพศตรงข้ามให้ความสนใจได้ไม่ยากนัก ทว่านันดินีแตกต่างออกไป เพราะเธอไม่ได้สนใจเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกของเขา ขนาดเขาลองพูดจาอ้อนวอนขอความรัก เธอก็ยังดูเหมือนอึดอัดใจและซื่อตรงต่อความรู้สึกของตัวเอง แต่ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงตอบตกลงแทบจะทันที
เหตุผลนี้เองที่ทำให้ชากีร์ยัฟยิ่งเพิ่มความไว้วางใจในตัวนันดินี และกล้าที่จะปล่อยให้ตัวเองหลงรักเธอจนหมดหัวใจ ด้วยคิดว่าความรักครั้งนี้คงจะใสสะอาดไม่มีสิ่งใดแอบแฝงอย่างที่ต้องการมาตลอด
แต่บางครั้งความจริงกับสิ่งที่เห็นอาจจะต่างกันอย่างสิ้นเชิงก็ได้...
.....................................................................................................................................................
