บทที่ ๖ : แผนสองลวงให้เชื่อใจ 3
“คุณชากีร์ยัฟคะ! นี่คุณจะทำอะไร” ดวงหน้างามซีดเผือดไร้สีเลือด
“เรียกผมว่าชากีร์”
“ฉันถามว่าคุณจะทำอะไร!” หญิงสาวยังคงถามในคำถามเดิม แต่เขาไม่ตอบอะไร นอกจากก้าวเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พอลูกกวางน้อยที่น่ารักตั้งท่าจะวิ่งหนีไป ราชสีห์ตัวใหญ่ก็กระโดดไปคว้าตัวเข้ามากอดได้สำเร็จ ร่างบางถูกยกตัวให้ลอยละลิ่วขึ้นสู่อ้อมแขน และคนต้นเรื่องก็ไม่สนใจเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของเธอเลยสักนิด
“อยากรู้จริงเหรอว่าผมจะทำอะไร” เสียงทุ้มนุ่มหูเอ่ยถามพร้อมยกยิ้มที่มุมปาก
“ไม่นะคะ! ชาวมุสลิมไม่อาจแตะต้องตัวเพศตรงข้ามได้ ฉันรู้มาว่าห้ามกอดหรือสัมผัสใดๆ ทั้งสิ้นอีกด้วย แต่นี่ทำไมคุณถึงทำแบบนี้คะ คุณเป็นสุภาพบุรุษไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงคิดจะขืนใจฉันล่ะ” เธอแหวใส่อย่างเหลืออด แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกเขาวางลงบนเตียงนอน
“ผมเป็นสุภาพบุรุษและยังคงเป็นมาตลอด แต่ทันทีที่ผมเจอคุณ...ผมก็อยากเปลี่ยนตัวเองเป็นคนป่าเถื่อนที่สามารถพรากพรหมจรรย์ผู้หญิงได้โดยที่ไม่รู้สึกผิด” ดวงตาของชากีร์ยัฟเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย
“แต่คุณไม่ควร...”
“ส่วนข้อบังคับทางศาสนา ผมยังคงรู้ซึ้งดีแก่ใจ แต่คุณคือคู่หมั้นของผม...คุณกำลังจะเป็นเจ้าสาวของผมในอีกไม่นานนี้แล้ว” ยังไม่ทันที่นันดินีจะได้พูดเตือนสติอีก เขาก็ตวัดขาขึ้นคร่อมทับ ตรึงมือวุ่นวายของเธอไว้เหนือศีรษะ จากนั้นก็โน้มใบหน้าลงมาแล้วแนบริมฝีปากเข้าบดคลึงอย่างเร่าร้อนในทันที
นันดินีดิ้นรนต่อสู้สุดกำลัง ถึงอีกไม่นานนี้เขาจะต้องกลายเป็นสามีเธอ แต่เขาไม่มีสิทธิ์ขืนใจเธอโดยที่เธอไม่ยินยอม ใจหนึ่งสั่งให้เธอแสร้งทำเป็นต่อสู้แค่พอเป็นพิธี ถือเป็นการงัดมารยาขึ้นมาหลอกให้เขาตกหลุมพราง แต่อีกใจกลับค้านว่าถึงจะต้องกลายเป็นนางงูพิษ แต่ก็ควรทำทุกอย่างด้วยเหตุผลและค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่ยอมเอาตัวเข้าแลกทั้งที่ยังไม่มีหลักประกันความสำเร็จอย่างนี้
จูบที่ลึกซึ้งของชากีร์ยัฟทำให้สมองของนันดินีเริ่มขาวโพลนและวุ่นวายไปหมด ความคิดกระจัดกระจายจนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไปอีก หูของเธอไม่ได้ยินเสียงใดๆ ดวงตาก็พร่ามัวเหมือนคนที่กำลังหลงอยู่ในสายหมอก ร่างทั้งร่างอ่อนระทวยราวกับขี้ผึ้งลนไฟ ริมฝีปากและปลายลิ้นอุ่นที่ชอนไชแย่งชิงความหวานทำให้ปฏิกิริยาที่แข็งขืน แปรเปลี่ยนเป็นยินยอมอย่างไร้สติ
ไม่คิดเลยว่าจูบเพียงจูบเดียวจะทำให้มึนเมาได้ถึงเพียงนี้...
ชากีร์ยัฟละริมฝีปากออกห่าง ทั้งที่รู้ดีว่าเขากำลังจะได้ในสิ่งที่ปรารถนาในอีกไม่นานนี้แล้วก็ตาม นันดินียังคงตกอยู่ในอาการงุนงง แต่เมื่อเห็นใบหน้าขาวคมที่ลอยเด่นห่างออกไปไม่ถึงคืบ เธอก็รีบยันกายลุกขึ้นแล้วถอยห่างออกไปด้วยท่าทีตื่นตระหนก
“ผม...ผมขอโทษ” ชายหนุ่มรู้สึกผิดจริงๆ ที่เผลอแสดงความหยาบคายออกมา
“คุณ...” นันดินีถึงกับพูดไม่ออก รสจูบเมื่อครู่ยังตราตรึงอยู่ในความรู้สึกไม่จางหาย
“ผมเสียใจที่ไม่หักห้ามใจตัวเอง แต่ผมก็ไม่อาจทำตัวป่าเถื่อนกับผู้หญิงที่ผมรักได้เหมือนกัน ขอบคุณพระเจ้าที่ช่วยดับกิเลสในตัวผมได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นคุณคง...”
“ฉันเข้าใจค่ะ ฉันดีใจที่คุณแสดงความจริงใจกับฉันถึงขนาดนี้” หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เหงื่อซึมตามไรผมทั้งที่อากาศเย็นสบาย “แต่คราวหลังกรุณาให้เกียรติกันหน่อยนะคะ ครั้งนี้ฉันจะไม่โกรธเคืองคุณ ฉันจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะเห็นแก่ความจริงใจของคุณ แต่...อย่าให้มีอีกนะคะ อย่าทำให้ฉันรู้สึกเหมือนไม่มีค่าแบบนี้อีก คุณสัญญาได้ไหม” ความจริงเธอโกรธ โกรธมากด้วยที่เขาทำให้เธออกสั่นขวัญหายแบบนี้ แต่พยายามทำตัวให้ว่าง่ายเข้าไว้นั้นดีที่สุด
“ผมสัญญาด้วยเกียรติทั้งหมดของผมเลย ผมจะไม่ทำอะไรคุณมากกว่าจูบ...ผมสัญญานันดินี” หนุ่มหล่อยิ้มออกมาด้วยความโล่งอก เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองเลยแม้แต่น้อย
“หมายความว่าถ้ามีโอกาส คุณก็จะจูบฉันอีกงั้นเหรอคะ!” คราวนี้นันดินีถึงกับหน้าเหวอ
“ก็ปากคุณมันเย้ายวนน่าจูบนี่นา...เอาเถอะน่านันนี่ พบกันครึ่งทางสิ ผมจะไม่ล่วงเกินคุณจนถึงขั้นเสียพรหมจรรย์ แต่สำหรับเรื่องจูบ ผมสัญญาได้แค่ว่าจะพยายาม แต่ผมไม่รับปากหรอกนะว่าจะห้ามตัวเองได้ไหม” ชากีร์ยัฟยิ้มมีเสน่ห์จนคนมองใจเต้นแรงจนเกือบจะทะลุออกมานอกอก
“เจ้าเล่ห์...มีใครรู้บ้างไหมคะว่าจริงๆ แล้วคุณมันเจ้าเล่ห์เหลือเกิน” เมื่อเห็นว่าคงไม่สามารถต่อกรกับชีคหนุ่มได้สำเร็จ นันดินีจึงต่อว่าเขาแล้วหันหน้าหนีไปทางอื่นด้วยท่าทางกระเง้ากระงอดดูน่ารัก
“ก็เฉพาะกับคนที่ผมจริงจังด้วยเท่านั้นแหละครับ ผมไม่รู้นะว่าคุณจะเชื่อหรือเปล่า แต่ที่ผ่านมาผมไม่เคยทำแบบนี้กับราน่าหรือผู้หญิงคนไหนเลย”
“คุณกำลังจะพูดว่าฉันคือจูบแรก แล้วคุณก็เป็นผู้ชายพรหมจรรย์งั้นเหรอคะ” หญิงสาวหันกลับมาถามด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่อยากเชื่อ คนที่มีชั้นเชิงในการจุมพิตที่ร้ายกาจอย่างชากีร์ยัฟเนี่ยเหรอที่จะไม่เคยมีสัมพันธ์สวาทกับใครมาก่อน ต่อให้มีพระเจ้ามาช่วยยืนยันอยู่ข้างๆ ก็ยังยากที่จะเชื่ออยู่ดี
“ผมหมายถึงการแสดงออกว่าอยากได้คุณต่างหากล่ะ ส่วนเรื่องจูบแรกกับพรหมจรรย์ของผมน่ะเสียไปตั้งแต่อายุยังไม่ครบสิบห้าปีบริบูรณ์ด้วยซ้ำ รับรองเลยว่าความสามารถในเรื่องนี้จะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่ พอถึงคืนแต่งงานของเราคุณก็จะได้รู้เอง” ชายหนุ่มทำหน้ากรุ้มกริ่ม เหลือบตาจ้องมองปลีน่องขาวนวลที่โผล่พ้นชายผ้านุ่งอย่างมีเลศนัย
“ร้ายกาจ!” นันดินีคว้าผ้าห่มมาคลุมตัวเองไว้ทันที
“แต่เดี๋ยวคุณจะรักผม ร้ายๆ แบบผมนี่แหละที่ผู้หญิงที่แสนดีมักจะตกเป็นเหยื่อ” ชากีร์ยัฟพูดกลั้วหัวเราะ
“พอเถอะค่ะ คุณรีบออกไปได้แล้ว” เธอรีบตัดบท เพราะกลัวว่าหัวใจจะทำงานหนักมากไปกว่านี้
“ครับ นอนหลับให้สบายนะ แล้วพบกันในความฝัน” ชายหนุ่มก้าวลงจากเตียงพร้อมกับบอกลา ดวงตาคมดูเสียดายที่ปล่อยให้ลูกกวางน้อยแสนหวานหลุดมือไป แต่เมื่อคิดได้ว่าอีกไม่นานเธอก็จะเป็นของเขาอย่างถูกต้องแล้ว ร่างกำยำจึงยอมก้าวเดินออกจากห้องไปโดยไม่หันหลังกลับมามองให้เกิดความอาวรณ์อีก
เสียงประตูปิดลงแล้ว นันดินียกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองแล้วยิ้มเลื่อนลอย ความจริงจูบของเขาไม่ได้ทำให้เธอกลัวเหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นในฝัน มันไม่ได้หยาบคายและกักขฬะอย่างที่คิด ทว่ากลับนุ่มนวลชวนให้ลุ่มหลงเสียมากกว่า นี่ถ้าไม่ใช่เพราะชากีร์ยัฟมีสำนึกในด้านดีขึ้นมาละก็ ป่านนี้เขาคงกลายเป็นเจ้าของตัวเธออย่างสมบูรณ์แบบแล้ว
ชากีร์ยัฟ ซัลมานรุสดิน ราฮัล...ผู้ชายคนนี้คือตัวอันตรายชัดๆ
.....................................................................................................................................................
