บท
ตั้งค่า

บทที่ ๖ : แผนสองลวงให้เชื่อใจ 2

“ฉันคิดถึงเหตุการณ์เมื่อหลายสิบปีก่อนน่ะค่ะ ฉันเห็นบอดี้การ์ดกับสาวใช้ของคุณแล้วก็พลอยคิดถึงอดีต ตอนที่กองโจรเผาเมืองปล้นฆ่าประชาชน มีสาวใช้กับบอดี้การ์ดหลายสิบคนเลยที่ต้องตายเพราะปกป้องฉันกับคุณพ่อคุณแม่ แม้แต่คุณพ่อคุณแม่เองก็ยังปกป้องฉันจนถึงนาทีสุดท้ายของชีวิต นี่ถ้าไม่ได้พ่อบุญธรรมช่วยเหลือเอาไว้ ป่านนี้ฉันคงไม่ได้มายืนอยู่ที่นี่อีกครั้งหรอกค่ะ” หญิงสาวไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้กับใครมาก่อน แม้กระทั่งกับเนห์รู

จริงอย่างที่วาฮิดกับคุณหมอบอกมาไม่มีผิด ที่ผ่านมานันดินีพยายามจะลืมเรื่องในอดีตไปให้หมด เธอเลือกที่จะอยู่กับครอบครัวปัจจุบัน โดยไม่คำนึงถึงการแก้แค้นหรือต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า ไม่อย่างนั้นความทุกข์ก็จะวนเวียนต่อไปไม่ยอมจบสิ้นเสียที แต่ลึกๆ แล้วก็อยากรู้เหมือนกันว่าโจรกลุ่มไหนกันที่สังหารผู้คนราวกับผักปลาอย่างนั้น

“ผมเองก็ยังลืมเหตุการณ์ในวันนั้นไม่ลงเหมือนกัน พวกโจรชั่วปล้นทรัพย์สินของประชาชนไปยังไม่พอ หนำซ้ำยังฆ่าแล้วก็ข่มขืนผู้หญิงกับเด็กอีก ในตอนนั้นท่านพ่อของผมเสียใจมาก แต่หลังจากสังหารหัวหน้ากองโจรได้สำเร็จ ท่านถึงได้สบายใจขึ้นที่ได้ทำเพื่อชาวยาฮาห์ แต่หลังจากนั้นสามปี ท่านก็สิ้นลมด้วยโรคชรา” ชากีร์ยัฟเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟังบ้าง

“แล้วคุณแม่ของคุณล่ะคะ” หญิงสาวถามพลางเหลือบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนที่เดินอยู่ข้างกาย ชีคหนุ่มผู้นี้ช่างงดงามเหลือเกิน ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใดหรือจะมองด้วยมุมไหน เขาก็หล่อเหลาจนยากที่จะหาใครเปรียบได้

“ท่านออกแสวงบุญกับพี่น้องชาวฮินดูตั้งแต่ตอนที่ท่านพ่อผมเสีย แล้วก็จากไปอย่างสงบได้เกือบสองปีแล้วครับ” แววตาชายหนุ่มดูหม่นลงชั่วครู่ เมื่อรับรู้ได้ว่ากำลังถูกจ้องมอง เขาก็ยิ้มอ่อนโยนให้อย่างเคย

“ฉันขอโทษค่ะ”

“ผมโอเคดีครับ เพียงแต่พูดถึงท่านแม่แล้วก็มักจะรู้สึกติดลบเสมอ ตอนนั้นผมไม่เห็นด้วยกับการออกแสวงบุญของท่าน เพราะผมต้องการให้ท่านแม่อยู่ด้วยกัน ผมเสียท่านพ่อไปแล้วคนนึง ผมเลยไม่อยากให้ท่านแม่จากไปอีกคน แต่ตอนนั้นผมก็แค่เด็กหนุ่มที่ไม่มีสิทธิ์คัดค้านการตัดสินใจของผู้ใหญ่ สุดท้ายท่านแม่ก็จากไป แล้วทิ้งผมไว้กับเพื่อนคู่ใจอย่างโมบารัคห์ ปล่อยให้ผมต้องแบกรับหน้าที่มากมายต่อจากท่านพ่อเพียงลำพัง” ชากีร์ยัฟไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้เล่าเรื่องส่วนตัวให้นันดินีฟัง ทั้งที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงเสียด้วยซ้ำ

“เรื่องมันผ่านไปแล้ว คุณอย่าโกรธท่านอีกเลยนะคะ” หญิงสาวให้คำแนะนำ

“ผมไม่โกรธอะไรแล้วล่ะ เพียงแต่การที่ถูกผู้หญิงที่รักที่สุดทิ้งไป มันทำให้ผมพยายามหาผู้หญิงที่ดีที่สุดมาทดแทนอยู่ตลอดเวลา ตอนแรกผมคิดว่าราน่าอาจจะเติมเต็มความรักที่ขาดหายไปได้ แต่สุดท้ายมันก็มีเพียงแค่เรื่องของเกียรติยศและเงินทอง ผมท้อใจเสมอเมื่อรู้ดีว่าชีวิตนี้คงไม่มีความรักของใครบริสุทธิ์เหมือนความรักของท่านแม่ ผมแค่อยากได้ความรักที่ไม่มีเหตุผลอื่นเคลือบแฝง” คราวนี้ชายหนุ่มหันมาจ้องหน้านันดินีอย่างมั่นคง เหมือนต้องการบอกเป็นนัยว่าเขาต้องการได้ความรักที่บริสุทธิ์จากเธอ

นันดินีบีบมือตัวเองแน่น เพราะตอนนี้ชากีร์ยัฟกำลังเปิดโอกาสให้เธอหลอกลวงเขา!

“มีสิคะ ในฐานะที่ฉันเป็นคู่หมั้นของคุณ ฉันยืนยันได้ว่าฉันจะ...จะรักคุณในแบบที่คุณเป็น แม้คุณจะไม่ใช่ชีคสูงศักดิ์ที่มีอำนาจและเงินทองมากมาย ฉันก็จะรักคุณที่ตัวตนของคุณ เพราะความรักมันควรเกิดจากหัวใจ ไม่ใช่ปัจจัยภายนอก ตอนนี้อาจจะเร็วเกินไปที่จะสามารถใช้คำว่ารักระหว่างเราได้ แต่ฉันเชื่อมั่นว่าอีกไม่นานคุณจะต้องทำให้ฉันตกหลุมรักได้แน่นอนค่ะ” นันดินีพูดพลางยิ้มเอียงอายดูมีจริตสมเป็นสตรี

“คุณ...”

ชากีร์ยัฟถึงกับพูดไม่ออก เมื่อได้ยินความในใจของผู้หญิงที่ตัวเองหลงใหลตั้งแต่แรกพบ รอยยิ้มเย้ายวนทำให้เลือดในกายหนุ่มฉีดพล่านไปทั่วร่าง กล้ามเนื้อบริเวณไหล่กำยำแข็งตึงขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ มือที่แนบอยู่ข้างลำตัวพยายามที่จะไม่ยกขึ้นโอบเธอ แต่สุดท้ายหัวใจก็สั่งให้เขารั้งร่างอรชรเข้าสู่อ้อมกอด

นันดินีสะดุ้งตกใจเล็กน้อย แม้ว่าจะไม่ได้กอดตอบ แต่ก็ยอมยืนนิ่งอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่น ใบหน้างามที่ไร้การแต่งแต้มซบแนบอยู่ตรงอกกว้าง หลับตาลงเพื่อฟังเสียงหัวใจของเขาที่กำลังเต้นแรงพอกันกับของเธอเอง อากาศยามค่ำคืนที่หนาวเหน็บแทบจะไม่ส่งผลใดกับทั้งสองคนเลย เพราะต่างก็ได้รับไออุ่นจากกันและกัน

“ผมเชื่อว่าผมจะสามารถทำให้คุณรักได้ แล้วผมก็มั่นใจว่าความรักของคุณจะบริสุทธิ์เหมือนหยาดน้ำค้างกลางฤดูหนาว ท่านแม่อาจจะดลบันดาลให้คุณกับผมมาเจอกันก่อนที่จะสายเกินไป บางทีท่านอาจจะต้องการให้คุณมาเติมชีวิตผมให้เต็มก็ได้นะ” ชากีร์ยัฟเอ่ยพลางกดจมูกลงบนศีรษะเล็ก

“แล้วถ้าฉันทำให้คุณผิดหวังล่ะคะ” นันดินีถามเสียงเศร้า ด้วยรู้ดีว่าตัวเองมีจุดประสงค์อย่างไร

“ผมรู้ว่าคุณจะไม่ทำร้ายผมแน่ จำไว้นะนันดินี...สำหรับผมคุณก็เปรียบเสมือนดอกกุหลาบงามที่บานสะพรั่งอยู่กลางหัวใจ ผมจะดูแลดอกไม้งามดอกนี้ให้งอกงามและเบ่งบานด้วยความรักของผมเอง” ชายหนุ่มดันไหล่บางให้ผละออกจากอ้อมกอด โน้มตัวลงเล็กน้อยเพื่อให้มองเธอได้ในระดับสายตา ทุกคำพูดบ่งบอกว่าเขาเชื่อใจเธอมากกว่าที่สมควรจะได้รับ ความจริงข้อนี้ทำให้หญิงสาวเกือบน้ำตาคลอ

“แล้วถ้าดอกกุหลาบดอกนี้มีหนามแหลมคอยทิ่มแทงให้เจ็บปวดเสมอ คุณจะทำยังไงคะ”

“กุหลาบงามล้วนมีหนามแหลมทั้งนั้น แต่ผมไม่กลัวหรอกนะ ในเมื่อหลงรักไปแล้ว ผมก็ต้องทำตัวให้ชินกับหนามของดอกกุหลาบให้ได้ ที่ผมเปรียบคุณเป็นเหมือนดอกกุหลาบ ผมหมายถึงความงดงามของมันนะครับ เพราะผู้หญิงใสซื่อบริสุทธิ์อย่างคุณไม่มีทางทำร้ายใครได้หรอก...จริงไหม” รอยยิ้มของชากีร์ยัฟบาดลึกลงกลางใจ

“ค่ะ ฉันไม่มีทางทำร้ายใคร” ถ้าความโหดร้ายของชีวิตไม่บีบบังคับให้ทำเหมือนอย่างตอนนี้...

ชีคหนุ่มยิ้มอย่างสุขใจที่ได้เห็นสาวน้อยตรงหน้าให้คำยืนยัน แล้วส่งยิ้มหวานหยดให้แบบไม่สนใจเลยว่ามันจะทำให้เขานอนไม่หลับไปตลอดคืน นันดินีคงไม่รู้ตัวหรอกว่า ณ เวลานี้เธอได้เอาหัวใจของเขาไปกุมไว้ในมือแล้ว จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด ชากีร์ยัฟแอบหงุดหงิดกับอารมณ์ปรารถนาของตัวเองเหลือเกิน ได้อยู่ใกล้หญิงสาวไม่นานปฏิกิริยาทางกายก็เกิดขึ้นโดยห้ามไม่ได้ เห็นทีคงต้องรีบจัดการเรื่องวิวาห์ให้ถูกต้องเสียแล้ว

“คุณจะว่าอะไรไหมถ้าผมอยากคุยเรื่องแต่งงาน” จู่ๆ ชายหนุ่มก็เอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา

“คะ?” คนฟังคิดว่าตัวเองคงหูฝาด

“ได้ยินไม่ผิดหรอกครับ คุณคงคิดว่าเร็วไป แต่ผมไม่อยากรออีกแล้ว”

“เอ่อ...” นันดินีรู้สึกเหมือนมีก้อนแข็งๆ จุกอยู่ตรงลำคอ คาดไม่ถึงเลยว่าเพียงแค่ได้พบหน้ากันและรู้สถานภาพของเธอเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง เขาจะคิดไปไกลจนถึงเรื่องแต่งงาน อันที่จริงมันก็เป็นเรื่องดีเหมือนกันที่ความสัมพันธ์จะรุกคืบไปโดยเร็ว แต่เอาเข้าจริงๆ ก็อดหวั่นใจไม่ได้ เธอกลัวเหลือเกินว่าหากได้ใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว เธอจะยิ่งลำบากใจที่ต้องทรยศสามีตัวเอง

“ทำไมครับ คุณมีอะไรที่ยังไม่พร้อมงั้นเหรอ” ชากีร์ยัฟเห็นอาการอ้ำอึ้งของหญิงสาวจึงรีบถามขึ้นทันที

“เปล่าค่ะ คือฉันคิดว่า...คุณควรศึกษาฉันให้ดีก่อน ต่อไปจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจที่เผลอตัวเลือกฉันเป็นเจ้าสาว อันที่จริงเราน่าจะลองอยู่ด้วยกันไปก่อน อยู่กันอย่างเพื่อนเหมือนที่คุณอยู่กับคุณหนูราน่ายังไงล่ะคะ แบบนั้นคุณจะได้เรียนรู้ตัวตนของฉันในทุกวัน” นันดินีพยายามหาทางเลี่ยง แต่เขาดื้อกว่าที่เธอคิดหลายเท่านัก

“คุณมากกว่ามั้งครับที่ยังไม่มั่นใจในตัวผม คุณอยากศึกษาผมก่อนตัดสินใจใช่ไหม”

“ไม่ใช่นะคะ ฉันเป็นผู้หญิง ถึงยังไงฉันก็ต้องแต่งงานกับคนที่ครอบครัวเลือกให้ ฉันกลัวคุณจะผิดหวังมากกว่าค่ะที่เลือกฉัน ที่ฉันอยากให้คุณศึกษาฉันให้ดีก่อน เพราะคุณมีสิทธิ์เลือกมากกว่า ถ้าคุณไม่พอใจในตัวฉัน คุณจะได้กลับไปหมั้นหมายกับคุณหนูราน่าตามกำหนดเดิม”

“ไม่มีทางนันนี่ ผมพอใจในตัวคุณตั้งแต่แรกพบ ผมอยากเป็นผู้ชายที่ได้ครอบครองตัวและหัวใจของคุณ ที่สำคัญผมไม่เคยพูดว่าผมจะเลือกใคร เพราะตัวเลือกเดียวที่ผมจะเลือกมีแค่คุณคนเดียวเท่านั้น ผมจะไม่มีวันเสียใจที่เลือกคุณเป็นภรรยา ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหน ผมก็เลือกแล้วว่าจะแต่งงานกับคุณ” ชากีร์ยัฟยังคงยืนยันความต้องการเดิม

“คุณไม่คิดบ้างเหรอว่าฉันอาจจะเป็นคนเลวก็ได้”

“ก็ถ้าคุณทำลายความรักของผมได้ลงคอ ผมก็ยินดีเจ็บเพราะคุณ”

“นี่คุณ...” นันดินีไม่คิดเลยว่าเขาจะแสดงความจริงใจออกมามากจนน่ากลัวแบบนี้

“เอาล่ะ ความจริงผมโกหก ผมไม่ได้พอใจในตัวคุณตั้งแต่แรกพบหรอก” ชีคหนุ่มถอนหายใจแล้วสบตาคู่สวยนิ่ง มือหนาดึงมือขาวนวลมากุมไว้มั่น ยกมันจรดแนบกับริมฝีปากหยักลึกอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเอ่ยต่อ “แต่ผม...ตกหลุมรักคุณตั้งแต่แรกพบแล้วต่างหาก”

“คุณชากีร์ยัฟ!” หญิงสาวเรียกชื่อเขาด้วยความตกใจ

“ได้โปรดเถอะนันดินี...ได้โปรดให้โอกาสผมได้ดูแลคุณอย่างสมบูรณ์เถอะนะ รู้ไหมว่าตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้ นี่คือครั้งแรกที่ผมอ้อนวอนขอความรักจากผู้หญิง ในฐานะที่ผมเป็นถึงชีคปกครองเมือง คุณจะไม่ยอมพิจารณาเป็นพิเศษหน่อยเหรอ” ท่านชีคผู้ครองเมืองยาฮาห์ยอมลงทุนร้องขอถึงเพียงนี้ ผู้หญิงธรรมดาอย่างนันดินีจะหาเหตุผลใดมาทัดทานได้อีก เธอหลุบสายตาลงมองพื้นอย่างครุ่นคิด ในเมื่ออยากให้ทุกอย่างจบโดยเร็ว เธอก็ควรยอมตกลงแต่งงานไปเสีย แม้จะรู้ดีว่าในอนาคตก็ต้องกลายเป็นหญิงหม้ายก็ตาม

“ในเมื่อฉันมีผู้ชายที่จริงจังมาตกหลุมรักเข้าแบบนี้ ฉันคงไม่ปฏิเสธอะไรแล้วล่ะค่ะ”

“นี่หมายความว่า...” คนพูดทำตาโต

“ค่ะ ฉันจะเป็นเจ้าสาวของคุณตามที่คุณต้องการ” นันดินีพูดออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ “ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว ฉันก็ตกลงใจแล้วว่าจะเป็นของคุณคนเดียว” ใช่ว่าจะมีเพียงเขาคนเดียวเสียเมื่อไรที่รู้สึกว่าตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบหน้ากัน ความจริงแล้วเธอตกหลุมรักตั้งแต่เห็นเขาปรากฏตัวในความฝันแล้ว จะว่าไปการฝันถึงเขาอาจจะเป็นลางบอกเหตุว่าเธอจะต้องมาเกี่ยวพันกับเขาก็ได้

“ขอบคุณมากที่รัก ผมจะรีบดำเนินการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเลย” คำตอบนี้ทำให้ชากีร์ยัฟยิ้มกว้างจนเห็นแนวฟันขาวสวย หากไม่ใช่เพราะต้องรักษาภาพพจน์ให้สมกับที่มีเชื้อสายใหญ่โต เขาคงกระโดดโลดเต้นด้วยความปลื้มปีติไปแล้ว

“ตามใจคุณเถอะค่ะ แต่ตอนนี้เราเข้าข้างในก่อนดีกว่า ฉันง่วงนอนแล้วค่ะ” นันดินีไม่อาจทนมองใบหน้ายิ้มแย้มของอีกฝ่ายได้นานนัก

“โอเคครับ เชิญเลย ผมจะไปส่งคุณที่ห้องเอง” ชากีร์ยัฟผายมือบอกให้หญิงสาวเดินนำไปก่อน ซึ่งเธอก็รีบเดินนำหน้าไปทันที ตอนนี้นันดินีสะเทือนใจจนแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ความรู้สึกสับสนปนเปไปหมด เธอไม่ได้ต้องการหลอกลวงเขาเลย ไม่ต้องการทำให้คนบริสุทธิ์ต้องเข้ามาเกี่ยวพันกับเรื่องบ้าบอพวกนี้

หัวใจดวงน้อยคงเจ็บปวดทรมานน่าดู หากต้องเห็นสายตาเกลียดชังของคนที่รักในวันที่ความจริงเปิดเผย เมื่อถึงเวลาที่ต้องเดินหันหลังให้กับผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี นันดินียังคิดไม่ออกเลยว่าเท้าทั้งสองของเธอจะมีเรี่ยวแรงในการก้าวเดินต่อไปข้างหน้าหรือไม่

“เดี๋ยวก่อนสิ” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นจากข้างหลังทำให้คนที่กำลังคิดหนักชะงักฝีเท้าลงทันที เป็นเหตุให้ร่างกำยำที่ไม่ทันได้ตั้งตัวชนเข้ากับแผ่นหลังบอบบางเข้าอย่างจัง แรงปะทะทำให้นันดินีเซถลาไปข้างหน้า แต่ไม่ได้ล้มไปกองกับพื้นเพราะได้แขนแข็งแรงตวัดโอบเข้าที่เอวพอดี

ชากีร์ยัฟรั้งร่างอรชรให้มายืนแนบชิดอยู่กับอกกว้าง มือข้างหนึ่งยังคงสัมผัสอยู่ที่เอวคอดกิ่วน่าหลงใหล ส่วนมืออีกข้างยกขึ้นลูบไล้ต้นแขนกลมกลึงอย่างห้ามใจไม่อยู่ ปลายจมูกโด่งคลอเคลียอยู่ตรงลำคอ หญิงสาวสั่นสะท้านไปกับความรู้สึกอันแปลกใหม่ เมื่อภาพในความฝันเกิดขึ้นตอกย้ำอีกครั้ง ความไม่ไว้ใจก็ทำให้เธอดึงดันที่จะขยับตัวออกห่าง ดูเหมือนจะเป็นสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจไม่น้อย เพราะชายหนุ่มยังคงกอดเอวเธอแน่นจนถึงกับหายใจไม่สะดวกเลยทีเดียว ที่สำคัญอีกแค่สองสามก้าวก็จะถึงประตูห้องนอนของเธออยู่แล้ว

“หอมจัง” ชีคหนุ่มกระซิบชิดริมหู ก่อนจะแนบริมฝีปากลงข้างแก้มนุ่ม

“อย่าทำแบบนี้สิคะ” นันดีนีรู้ดีว่าเสียงของตัวเองสั่นพร่าไปหมด แต่ถึงอย่างไรก็ต้องเตือนสติเขา

“ผมอยากให้เกียรติคุณ อยากทะนุถนอมคุณไว้ในคืนวิวาห์” คนพูดโน้มตัวจูบไล้ไปตามแนวกรามเล็กได้รูป ก่อนจะวกขึ้นมาขบเม้มใบหูที่แดงซ่านอย่างหยอกเย้า

“ถ้างั้นก็ปล่อยสิคะ” หญิงสาวพยายามแกะมือที่พันธนาการอยู่ตรงเอวออกให้พ้นและเบี่ยงตัวหลบพัลวัน

“แต่บางทีมันอาจไม่จำเป็น เพราะถึงยังไงผมก็เลือกคุณ ยกย่องให้คุณคือที่หนึ่ง แล้วผมก็รักคุณตั้งแต่แรกพบอย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะสามารถรู้สึกกับผู้หญิงคนไหนได้ แม้ผมจะแตะต้องคุณก่อนเข้าพิธี...มันก็ไม่ได้ทำให้ค่าในตัวคุณลดลงเลยสักนิด” คราวนี้ชากีร์ยัฟดันให้เธอหันมาเผชิญหน้า สีหน้าตื่นตระหนกและริมฝีปากที่เตรียมจะแยกแย้มขอคำอธิบาย ถูกเรียวปากหยักลึกสีอ่อนแบบผู้ชายสุขภาพดีฉกวูบลงมาดูดกลืนทุกคำพูดไปจนหมด มือเล็กที่กางทาบอยู่บนแผงอกกำยำออกแรงเต็มที่หวังจะผลักดันให้ออกห่าง แต่พละกำลังอันน้อยนิดนั้นกลับส่งผลให้อารมณ์พิศวาสในตัวชายหนุ่มทวีคูณขึ้น

ยิ่งดิ้นรนขัดขืน...เธอก็ยิ่งน่าค้นหาและชวนให้อยากเอาชนะ

นันดินีส่งเสียงอู้อี้ในลำคอหนักขึ้น เมื่อถูกรุกรานจนแข้งขาอ่อนปวกเปียกไปหมด ชากีร์ยัฟยึดเอวบางไว้มั่นเพื่อไม่ให้ล้มไปกองที่พื้น ดันหญิงสาวให้ถอยหลังไปตรงประตูแล้วดึงมันให้เปิดออก สองร่างที่กอดรัดกันจนแทบจะหลอมเป็นหนึ่งเดียวเข้าสู่เขตห้องนอนในที่สุด ถึงตอนนี้เองที่เขายอมปล่อยเธอ ไม่ใช่ปล่อยเพื่อให้เป็นอิสระ แต่ปล่อยชั่วคราวเพื่อหันกลับไปลงล็อกประตูให้เรียบร้อยเสียก่อน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel