บทที่ ๔ : มุ่งสู่หนทางที่มืดมน1
ดารัมดาสไล้นิ้วมือไปตามไรหนวดของตัวเองพลางครุ่นคิด พวกนายเวรหน้ากระโจมรายงานมาว่าซามาห์ดูจะเป็นมิตรกับนันดินีและเนห์รูมากเกินความจำเป็น ซึ่งเขามีความเห็นว่ามันคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ถึงสตรีผู้เลอโฉมนางนั้นจะทำให้น้องชายเขาหลงใหลได้ แต่เขามั่นใจว่านั่นไม่ใช่ปัญหา ถึงอย่างไรซามาห์ก็ไม่มีทางทรยศต่อพี่ชายแท้ๆ ขึ้นมาได้หรอก และเท่าที่คิดดูแล้วเขายังหาเหตุผลไม่ได้ด้วยซ้ำว่า น้องชายที่อยู่ในโอวาทมาตลอดจะสามารถหักหลังเขาได้ด้วยวิธีใด ในเมื่อเช้าวันพรุ่งนี้นันดินีก็จะถูกส่งตัวไปหาเป้าหมายให้เร็วขึ้นอยู่แล้ว
แน่นอนว่ามันคงดีไม่น้อย...หากดารัมดาสจะถือโอกาสมัดจำตัวเธอไว้เสียคืนนี้เลย
คิดแล้วคนเจ้าเล่ห์ก็กระตุกยิ้มหื่นกระหาย เหลือบตามองร่างเปลือยสะโอดสะองที่ยังคงหลับพริ้มอยู่ข้างกาย หลังจากร่วมรักกันอย่างถึงพริกถึงขิงมาตลอดทั้งคืน ชายหนุ่มยอมรับว่าตัวเองน่ารังเกียจไม่น้อยที่กำลังตักตวงความสุขจากหญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยา แต่ภายในใจกลับจินตนาการถึงหญิงอีกคนที่ถูกล่อลวงมาเป็นส่วนหนึ่งในแผนชั่ว
ถึงใจจะต้องการความสำราญจากนันดินี แต่ดารัมดาสรู้ซึ้งดีแก่ใจว่าไม่มีทางที่ใครจะสู้ภรรยาสาวสวยได้ ฟาร่าห์เป็นผู้หญิงร้อนแรงที่มีเสน่ห์เย้ายวนอารมณ์ดิบเถื่อนในตัวบุรุษเพศได้มากที่สุด ทว่านันดินีดูใสซื่อจนทำให้เกิดความท้าทายอยากลิ้มลองเสียมากกว่า ก่อนจะตกลงใจแต่งงานกับฟาร่าห์ ชายหนุ่มได้รับการยืนยันจากบิดาของเธอมาแล้วว่าเธอเป็นยอดหญิงที่จะใช้เสน่ห์ผูกมัดผู้ชายให้ติดหนึบได้ แม้จะเป็นสาวบริสุทธิ์ที่ไม่เคยผ่านมือชายใดมาก่อน แต่ก็มีการเสี้ยมสอนมาเป็นอย่างดีถึงหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติต่อสามี ฟาร่าห์มักบอกเสมอว่าเมื่ออยู่ด้วยกันบนเตียงนอน เธอควรทำตัวเยี่ยงโสเภณีเพื่อให้สามีสุขสันต์จนลืมไม่ลง และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
ดารัมดาสไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าในชีวิตนี้จะสามารถรักใครได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วนั่นก็คือการที่เขาหลงรักภรรยาของตัวเอง ต่อให้บ่อยครั้งจะนอกกรอบคิดนอกใจเธอบ้าง แต่เขาจะไม่มีวันให้ใครมาแทนที่เธอในตำแหน่งภรรยาหลวงเด็ดขาด นันดินีเองก็เช่นกัน เขายอมรับว่าพึงพอใจในความสวยงามดุจเทพธิดาของเธอ อยากพรากพรหมจรรย์ของเธอตัดหน้าคู่หมั้นตัวจริงอย่างชีคหนุ่มรูปงาม แต่เมื่อตรึกตรองให้ดีแล้ว เขาก็พบว่ามันคงเป็นปัญหาใหญ่แน่ ในเมื่อซามาห์ออกโรงขัดขวางเสียขนาดนั้น แล้วยังขู่ไว้อีกว่าจะบอกเรื่องนี้แก่ฟาร่าห์
ดารัมดาสไม่หวั่นเกรงกับสิ่งใดอยู่แล้ว แม้จะรักภรรยามากเพียงใด แต่หากถูกทรยศหักหลังหรือทำให้รำคาญใจเกินกว่าจะทนได้ เขาก็พร้อมที่จะเขี่ยเธอไปให้พ้นทาง ในบางครั้งความจริงมันอาจจะทำให้หัวใจเจ็บปวด แต่คงถือเสียว่าแลกกับความมั่นคงของชีวิต มันก็คุ้มค่าแล้ว
ร่างสูงสง่าก้าวลงจากเตียงอย่างเงียบกริบ จัดการล้างหน้าอาบน้ำจนสดชื่นพร้อมรับกับอากาศที่ร้อนอบอ้าวขึ้นทุกขณะ สาวใช้สองคนจัดการปรนนิบัติพัดวีให้ เมื่อดารัมดาสนั่งจัดการกับอาหารอยู่ตามลำพัง ทุกคนดูจะไม่แปลกใจนักที่พบว่าเมียรักของมหาโจรยังคงหลับสนิทอยู่อย่างอ่อนเพลีย บนเตียงที่อยู่ในอีกส่วนหนึ่งของกระโจม เพราะมันเป็นแบบนี้ออกจะบ่อยครั้ง
“นายท่านครับ นายน้อยขอเข้าพบครับ” นายเวรเข้ามาแจ้งให้ทราบก่อน แต่ยังไม่ทันได้ให้คำตอบ ซามาห์ก็เดินตามเข้ามาข้างในเสียก่อน
“คงไม่ต้องบอกว่าอนุญาตหรือไม่แล้วล่ะ” ดารัมดาสยิ้มมุมปาก
“ผมมีเรื่องอยากคุยกับพี่ครับ...ตามลำพัง” คนเป็นน้องชายรีบเข้าประเด็นทันที
“พวกเธอออกไปก่อน” โจรหนุ่มหันมาบอกสองสาวที่นั่งปรนนิบัติอยู่เคียงข้าง พวกเธอพยักหน้ารับแล้วรีบพากันเดินตามหลังนายเวรออกไป ทิ้งให้สองพี่น้องจ้องมองกันไปมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ดารัมดาสรินเหล้าลงในแก้วทองเหลือง ยกมันขึ้นจิบอย่างใจเย็นจนกระทั่งซามาห์เปิดฉากขึ้นก่อน
“ผมอยากพูดเรื่องผู้หญิงสองคนนั่น คือ...ผมว่าเราควรให้เวลากับพวกเธอมากกว่านี้ ผมไม่อยากให้รีบส่งพวกเธอไปที่เมืองยาฮาห์เร็วนักครับ”
“แกรู้เหรอว่าฉันจะส่งพวกเธอไปเมื่อไร” คนถามเลิกคิ้วสูง
“ผมได้ยินมาว่าอีกสองสามวัน”
“ไม่หรอก มันเร็วกว่านั้น ยังไงฉันก็จะส่งเธอไปให้เร็วที่สุด เอาเป็นพรุ่งนี้เลย”
“น่าจะให้พวกเธอปรับตัวได้ก่อนนะครับ จะได้ไม่เสียแผน”
“แกห่วงว่าแผนจะล่ม หรืออยากถ่วงเวลาให้ได้อยู่ใกล้ชิดนันดินีนานๆ กันแน่ซามาห์”
“พี่...”
“แกอย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ ผู้หญิงงามราวกับเทพธิดาแบบนั้นใครเห็นก็ต้องหลงรักกันทั้งนั้น แต่แกจะลืมไม่ได้ว่าเธอไม่ใช่ของๆ แก เธอเป็นสมบัติของฉันคนเดียว ถึงแม้จะต้องเสียเนื้อเสียตัวให้ศัตรูก่อน แต่ฉันจะไม่ถือสาหรอก นันดินีเป็นผู้หญิงที่หวงตัว บางทีอาจจะเอาชนะใจไอ้ชีคนั่นโดยไม่ต้องแลกด้วยความสาวก็ได้” ดารัมดาสยิ้มชั่วร้าย
“หัวสมองพี่คงคิดได้แค่นี้สินะครับ คิดอะไรที่มันสูงๆ ไม่ค่อยเป็น ถนัดแต่เรื่องที่มันต่ำเตี้ยเรี่ยดิน”
“ไอ้น้องชั่ว!” คนที่ไม่เคยถูกใครดาว่ามาก่อนถึงกับฉุนขาด ขว้างแก้วทองเหลืองที่มีน้ำหนักไม่น้อยมาทางน้องชาย โชคดีที่ซามาห์เอียงตัวหลบได้ทัน ไม่อย่างนั้นคงหัวร้างข้างแตกไปแล้ว
“คงจริงที่ว่าคนเรามักจะรับไม่ได้ เมื่อได้ยินในสิ่งที่เป็นความจริง”
“นี่แก!”
“เอาเถอะครับ พี่จะคิดยังไงผมไม่สนใจหรอก อยากส่งตัวผู้หญิงพวกนั้นไปทำตามแผนของพี่ก็เชิญเลย จะว่าไปไม่ช้าก็เร็วพี่ก็ต้องส่งตัวพวกเธอไปอยู่แล้ว” ซามาห์เห็นว่าถึงอย่างไรการเจรจาครั้งนี้ก็ไม่มีทางได้ผล เขาจึงละความพยายาม ตัดบทเอาง่ายๆ แล้วเตรียมหันหลังเดินจากมา ทว่าคำพูดของพี่ชายกลับฉุดฝีเท้าให้ชะงันนิ่งลงแค่นั้น
“กล้าก้าวร้าวกับฉันเพราะคงชอบนันดินีมากล่ะสิ อืม...ถ้าแกชอบมาก ฉันอนุญาตให้แกรับเดนจากฉันได้นะ” ดารัมดาสจงใจใช้คำดูถูก แทนที่คนฟังจะโมโห แต่กลับหันมาส่งยิ้มกว้าง
“ผมคงรับเดนจากพี่ไม่ได้หรอกครับ เพราะผมมั่นใจว่าพี่จะไม่มีทางได้แตะต้องเธอ” พูดจบเจ้าของร่างสูงผึ่งผายก็เดินกลับออกไปทันที มีเพียงโจรหนุ่มที่นั่งหงุดหงิดอยู่ตามลำพัง ได้แค่สบถตามหลังน้องชายไปโดยไม่อาจทำอะไรได้ ถ้าอีกฝ่ายไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือดเดียวกัน เขาคงเชือดคอให้ดิ้นพล่านอยู่ตรงหน้าจนกว่าจะขาดใจตายไปแล้ว
“ปากดีไปเถอะซามาห์ สุดท้ายแล้วแกเองนั่นแหละที่จะร้องขอเศษเดนของผู้หญิงคนนั้น!” ดารัมดาสพึมพำกับตัวเอง แสยะยิ้มน่ารังเกียจพร้อมกับคว้าแก้วใบใหม่มารินเหล้าลงไปจนเต็ม ก่อนจะตะโกนสั่งให้นายเวรพาสาวใช้เข้ามาปรนนิบัติพัดวีให้อารมณ์สงบลงตามเดิม
เช้าวันรุ่งขึ้นมาเยือนเร็วกว่าที่ควร เนื่องจากวันนี้คือวันที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ดารัมดาสกำลังจะได้ส่งสายลับสาวเข้าสู่เขตแดนศัตรูเพื่อล้วงความลับที่ต้องการมานาน ส่วนนันดินีนั้นต้องกลายจากสาวน้อยใสซื่อเป็นนางงูพิษ ตามที่มหาโจรใจหยาบส่งคนเข้ามาเสี้ยมสอนเกือบตลอดทั้งคืน จนเธอกับเนห์รูแทบไม่ได้พักผ่อนเลย
หญิงชราที่ดูจะผ่านสังเวียนชีวิตมาอย่างโชกโชนสอนให้เธอรู้ถึงวิธีปรนนิบัติผู้ชาย การใช้มารยาสารไถหลอกล่อให้ตกหลุมพราง การสังเกตคนรอบข้างว่ามีใครบ้างที่คิดจะจับผิด แล้วพยายามอยู่ให้ห่าง สอนแม้กระทั่งวิธีการยิ้มและชายตามองอย่างมีจริต นันดินีนึกอยากกลายเป็นคนหูหนวกเสียเดี๋ยวนั้นเลย แต่ความจริงที่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องทำงานนี้ให้สำเร็จ ผลักดันให้สมองของเธอจดจำทุกคำแนะนำจนขึ้นใจ ต่อไปก็เหลือแค่นำความกล้าเข้ามาร่วมด้วยเท่านั้นเอง
หลังจากแต่งตัวและฝืนรับประทานมื้อเช้าเพื่อดับความหิวโหยแล้ว นันดินีกับเนห์รูก็นำสัมภาระอันน้อยนิดส่งให้กับชายชรา ซึ่งจะเป็นคนทำหน้าที่เป็นสารถีพาเธอทั้งสองไปส่งให้พ้นเขตแดนทะเลทราย ซามาห์เดินออกมาสมทบก่อนที่พวกเธอจะก้าวขึ้นบนรถม้า สีหน้าชายหนุ่มเต็มไปด้วยความห่วงใย แต่ไม่อาจทำได้แม้แต่เอ่ยลา เพราะไม่อยากให้ดารัมดาสกล่าวหาว่าเขาเป็นห่วงนันดินีจนออกนอกหน้าอีก ถึงแม้ว่ามันคือความจริงก็ตาม
“แน่ใจนะว่านังสองคนนี้จะไม่ทำให้เราเสียแผน” ฟาร่าห์ปรายตามองสองสาวอย่างไม่ไว้ใจนัก
“เอาน่าที่รัก เราต้องลองดูสักตั้ง ถึงยังไงนันดินีก็เป็นคู่หมั้นคู่หมายตัวจริง พวกนั้นมันจะเห็นแก่ความบังเอิญที่น่ายินดีมากกว่าที่จะมาคิดสงสัยอะไรอยู่แล้ว” โจรหนุ่มหันมาชี้แจงกับภรรยา ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้นันดินี “ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ชีวิตของเศรษฐีวาฮิดกับเมียอยู่ในกำมือฉัน ถ้าฉันรู้ว่าพวกเธอคนใดคนหนึ่งคิดไม่ซื่อ ผลเสียจะเกิดกับคนที่พวกเธอรักในทันที แล้วจะหาว่าฉันไม่เตือนไม่ได้นะ”
“ถ้าพวกฉันคิดไม่ซื่อขึ้นมาจริงๆ คุณจะรู้ได้ยังไง” เนห์รูแสร้งถามทั้งที่รู้จากซามาห์มาแล้วว่า มีสายลับหญิงอีกคนที่ชื่อจาฮีดารออยู่ที่ปลายทาง หล่อนจะเป็นคนควบคุมดูแลความเคลื่อนไหวของพวกเธอแล้วรายงานดารัมดาส โดยที่พวกเธอจะไม่มีโอกาสได้รู้ตัวเลย แต่ก็นับว่าโชคดีมากที่ซามาห์ยอมบอกเรื่องนี้เพื่อให้ระวังตัวได้ทัน
“เอาเป็นว่าฉันรู้ก็แล้วกัน” ดารัมดาสยิ้มน่ากลัว แต่นันดินีจ้องมองรอยยิ้มนั้นอย่างไม่สะทกสะท้านนัก
“ดูสายตาอวดดีของมันสิ!” เสียงยุยงของฟาร่าห์ดังขึ้น
“ไม่หรอกฟาร่าห์ นั่นไม่ใช่สายตาอวดดีเสียหน่อย มันก็แค่สายตาที่พยายามทำเหมือนว่าตัวเองเข้มแข็ง แต่ความจริงแล้วกำลังหวาดกลัวอยู่จนไม่กล้าก้าวเดินด้วยซ้ำ” ชายหนุ่มเลียริมฝีปากตัวเองอย่างมีเลศนัย กิริยาที่ดูหื่นกามนั้นทำให้นันดินีเบือนหน้าหนีอย่างนึกรังเกียจ
“เอาล่ะ รีบเดินทางเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทันรถไฟรอบแรกของวันนี้ พวกเธอเอาผ้าไปปิดตานันดินีกับเนห์รูไว้ซะ” ซามาห์กลัวว่าจะเกิดปัญหาขึ้นมาจึงเอ่ยตัดบทเสีย ก่อนจะหันไปสั่งสาวใช้ให้นำผ้ามาปิดตาสองสาวไว้ให้มิดชิด ถึงเขาจะไม่มีคำสั่งนี้ ดารัมดาสก็ต้องสั่งอยู่ดี
เมื่อแสงของเช้าวันใหม่ถูกบดบังด้วยผ้าสีดำทึบแล้ว นันดินีกับเนห์รูก็ถูกสาวใช้ประคองขึ้นไปนั่งบนรถ ซามาห์ยืนมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย ผู้หญิงใสซื่ออย่างนันดินีจะเอาตัวรอดได้นานแค่ไหนกัน แม้แม่เฒ่าจะอธิบายถึงกลวิธีในการเอาใจชาย แต่ก็ใช่ว่าจะทำกันได้ง่ายๆ ต้องอาศัยความกล้าที่มากเกินกว่าผู้หญิงธรรมดาจะทำได้
‘ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง…’
ซามาห์ได้แต่อวยพรอยู่ในใจ ยืนมองรถม้าเคลื่อนตัวออกห่างถิ่นฐานไปเงียบๆ ดารัมดาสหันมายิ้มหยันให้น้องชาย ก่อนจะเดินโอบเอวฟาร่าห์หายเข้าไปในกระโจมตามเดิม เหลือเพียงหนุ่มหล่อจิตใจดียืนอยู่ที่เดิมตามลำพัง หัวใจชาวาบไปหมดเพียงแค่เห็นนันดินีห่างออกไปเรื่อยๆ แต่ไหนแต่ไรมาชายหนุ่มไม่เคยคิดเลยว่า ความพึงพอใจในตัวใครสักคนจะเกิดขึ้นได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่ตอนนี้มันก็ได้เกิดขึ้นจริงแล้ว
เขาหลงรักนันดินีตั้งแต่แรกพบเลยทีเดียว...
นันดินีหันกลับมายังทิศทางเบื้องหลังทั้งที่มองไม่เห็นอะไรเลยสักอย่าง เธอไม่รู้หรอกว่าจะมีเพื่อนที่แสนดีอย่างซามาห์ยืนอยู่หรือไม่ แต่เธอก็โบกมือขึ้งสูงเพื่อเป็นการบอกลา รอยยิ้มของชายหนุ่มกว้างขึ้น เมื่อเห็นมือเล็กโบกไหวอยู่กลางอากาศ เขาไม่ได้โบกมือตอบไป แต่ยกมือขึ้นระดับคางและค้อมศีรษะเล็กน้อย เพื่อเป็นการบอกลาในฐานะเพื่อนมุสลิมคนหนึ่ง แม้รู้ดีว่าอีกฝ่ายมองไม่เห็นก็ตาม
เนห์รูกับนันดินีบีบมือกันแน่น หนทางข้างหน้าคงไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเหมือนที่ฝันอยากให้เป็น แต่มันเป็นขวากหนามที่จะต้องฝ่าฟันออกไปให้ได้ การเดินทางครั้งนี้ถือเป็นการเริ่มต้นสิ่งเลวร้าย หากเลือกได้พวกเธอคงไม่ยอมทำร้ายใคร แต่ในเมื่อชีวิตของบุพการีอยู่ในกำมือมหาโจรแสนโหดร้ายที่พร้อมจะขยี้ทุกคนให้กลายเป็นผุยผง หากไม่ยอมทำตามความต้องการของเขา เธอก็จำเป็นต้องก้มหน้ารับกรรมอย่างไม่มีทางเลือก
กว่าจะออกมาพ้นเขตแดนทะเลทรายที่เวิ้งว้างก็กินเวลานานหลายชั่วโมง นันดินีกับเนห์รูดึงผ้าปิดตาออกเมื่อชายชราเอ่ยอนุญาต คนกลุ่มเดิมที่เคยมาส่งพวกเธอให้กับดารัมดาสกำลังจอดรถรออยู่ก่อนแล้ว หนทางสายนี้ดูเปลี่ยวและไม่มีรถราวิ่งผ่าน แต่ตราบใดที่เธอคือสายลับของกองโจรดาวาร์ แน่นอนว่ามันจะช่วยการันตีความปลอดภัยจากผู้ชายพวกนี้ได้ในระดับหนึ่ง เพราะเมื่อได้ชื่อว่าเป็นพวกเดียวกันก็ย่อมไม่ทำร้ายกันอยู่แล้ว
นันดินีพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้เนห์รูเดินตามมาที่รถ นี่เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวเริ่มอยากกลายเป็นผู้หญิงที่มั่นใจในตัวเองและเข้มแข็งกว่าที่เคยเป็น ใบหน้างามเชิดขึ้นอย่างถือดี ขณะเดินตรงไปที่รถแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่ง เนห์รูมือไม้เย็นเฉียบไปหมด ไม่ใช่เพราะกลัวคนพวกนี้ แต่กำลังหวาดกลัวสิ่งที่รออยู่ปลายทางต่างหาก
การเดินทางสู่สถานีรถไฟในตัวเมืองเริ่มต้นขึ้นด้วยความรวดเร็ว โดยที่ไม่มีใครพูดจาอะไรกันเลย นันดินีถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อรถจอดนิ่งสนิท สองสาวคว้ากระเป๋าสัมภาระแล้วรีบลงจากรถ คนของดารัมดาสเดินตามลงมาส่งจนกระทั่งเห็นพวกเธอหายเข้าไปในรถไฟ พวกเขาถึงได้ยอมจากไป
ไม่นานรถไฟก็เคลื่อนตัวออกจากสถานี มุ่งหน้าสู่ภาคทางภาคเหนือของประเทศฮัรดิสถาน สีหน้าของเนห์รูดูซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด คงเพราะไม่ได้พักผ่อนและกำลังคิดมาก คนที่มีศักดิ์เป็นพี่สาวจึงยื่นมือมาแตะไหล่บางเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ
“ไม่ต้องกลัวหรอกเนห์รู ฉันจะไม่ให้เธอลำบากแน่ๆ ที่สำคัญเรื่องนี้มันเป็นหน้าที่ของฉันคนเดียว เธอแค่คอยให้กำลังใจฉันแล้วก็ทำตัวปกติก็พอ ปล่อยให้ฉันกลายเป็นคนนางงูพิษคนเดียวเถอะ” นันดินีฝืนยิ้มเพื่อให้อีกฝ่ายคลายความกังวล
“แต่ว่า...”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น เธอคือน้องสาวของฉัน เธอต้องทำตามที่ฉันสั่ง...เข้าใจไหม”
