บท
ตั้งค่า

บทที่ ๓ : ชะตากรรมที่เลี่ยงไม่ได้ 2

“คุณไม่ต้องพูดหรอก ผมเข้าใจดีว่ามันแย่แค่ไหน ผมอยากช่วยนะ แต่ผมก็ไม่เคยช่วยอะไรใครได้เลย”

“ไม่มีใครช่วยฉันได้หรอก มันคงเป็นชะตากรรมที่ฉันหลีกเลี่ยงไม่ได้จริง” นันดินีพูดพลางปาดน้ำตา

“เข้มแข็งไว้ให้มากนะนันดินี ระหว่างอยู่ที่นี่ผมอยากให้คุณคิดว่าผมคือเพื่อน แม้ว่าความจริงผมจะเป็นน้องชายของดารัมดาสก็ตาม” ซามาห์คิดว่าเธอคงพลอยเกลียดเขาไปด้วยแล้ว แต่เขาคิดผิด

“ขอบคุณนะคะที่ให้เกียรติฉัน ฉันแยกแยะได้ค่ะว่าใครดีใครเลว ขอบคุณจริงๆ ที่พยายามช่วย”

“ผมเองก็ขอบคุณมากที่คุณเข้าใจผม ตอนนี้ดึกมากแล้ว คุณควรพักผ่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะตามญาติผู้น้องของคุณให้มาอยู่ด้วยกัน ถ้ามีใครถามอะไรก็ให้บอกไปว่ามันเป็นคำสั่งของผม”

“ขอบคุณนะคะ” นันดินีหันมายิ้มบาง

“ด้วยความยินดี” ซามาห์ค้อมศีรษะและยกมือเสมอปลายคางเพื่อบอกลาตามประเพณี ก่อนจะเดินออกจากกระโจมไปเงียบๆ ชายหนุ่มสั่งกับนายเวรสองคนว่าห้ามให้ใครเข้าไปรบกวนข้างใน และบอกล่วงหน้าด้วยว่าอีกสักครู่จะมีหญิงสาวอีกคนเข้ามาคอยอยู่ดูแลนันดินี ให้เปิดทางให้โดยไม่ต้องซักถามใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อนายเวรรับทราบคำสั่งแล้วเขาถึงยอมเดินกลับไปยังกระโจมส่วนตัวของตัวเอง

ซามาห์ถอนหายใจแรงเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น หลังจากบิดาถูกคนของรัฐบาลลอบสังหารเมื่อหลายปีก่อน ดารัมดาสก็กลายเป็นจอมโจรผู้บ้าคลั่งและเปรียบเสมือนตัวแทนที่เลวร้ายของบิดา เขาปล้นฆ่าโดยไม่สนใจว่าเป็นเด็กหรือผู้หญิงแก่ ในหัวใจของดารัมดาสเต็มไปด้วยความแค้นที่ฝ่ายรัฐบาลปลิดชีพบิดาทิ้งโดยง่าย เขาจึงตั้งตัวเป็นมหาโจรที่โหดร้ายยิ่งกว่าที่เคยมีมา เหตุผลเพียงเพราะต้องการทำให้รัฐบาลวุ่นวายเสื่อมเสีย เพราะตามหาที่ตั้งของกลุ่มโจรดาวาร์มานานหลายปีแล้วแต่ก็ยังไม่พบ ไม่มีใครรู้เลยด้วยซ้ำว่ากลุ่มโจรดาวาร์นี้ตั้งอยู่ในพิกัดใดบนทะเลทรายของประเทศฮัรดิสถาน

ประเทศฮัรดิสถานเป็นประเทศเล็กๆ ที่อยู่ติดกับอินเดียและปากีสถาน มีวัฒนธรรมคล้ายกับประเทศอินเดียทั้งในเรื่องอาหารการกิน การแต่งกายและวิถีชีวิต ภายในประเทศนั้นแบ่งออกเป็นภาคต่างๆ ตามความสำคัญ อาทิเช่น ภาคกลางจะเป็นแหล่งการค้าและธุรกิจมากมายคือเมืองการิมะห์ ส่วนเมืองใหญ่ที่อยู่ทางเหนือซึ่งเรียกกันว่าเมืองยาฮาห์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดัง มีสถาปัตยกรรมงดงามหายาก ตึกรามบ้านช่องของพวกผู้ดีถูกสร้างด้วยหินทรายสีชมพูและหินอ่อนอย่างดี แม้จะเป็นเมืองที่ล้อมรอบไปด้วยทะเลทราย แต่ก็มีความสะดวกสบายไม่ต่างจากในเมืองหลวง ส่วนเมืองที่เน้นเรื่องวัฒนธรรมดั้งเดิมที่สุดก็เห็นจะเป็นบริเวณเมืองมหาปุราชที่ตั้งอยู่ทางภาคใต้

ทะเลทรายอาซูเซน่าตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศฮัรดิสถานไปถึงตอนเหนือของประเทศ เป็นระยะทางกว่าเก้าร้อยกิโลเมตร สภาพการไร้ฝนและอุณหภูมิที่ร้อนจัดในทะเลทราย มีผลทำให้อากาศเหนือทะเลทรายเกือบเป็นศูนย์ตลอดปี และถึงแม้ในบางเวลาจะมีฝนตกในทะเลทรายบ้างก็ตาม แต่อากาศที่ร้อนจัดทำให้น้ำฝนระเหยหายไปก่อนที่เม็ดฝนจะตกถึงพื้นทราย ยกเว้นกรณีที่เป็นห่าฝน ซึ่งเมื่อตกถึงทรายแล้วน้ำก็จะไหลซึมลงไปใต้ดินกลายเป็นน้ำบาดาลสู่โอเอซิส (oasis) [1] ซึ่งเป็นแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์กลางทะเลทราย

อุณหภูมิของอากาศเหนือทะเลทรายแต่ละแห่งนั้นมักไม่เท่ากัน สำหรับทะเลทรายอาซูเซน่าทางใต้แห่งนี้ มีเมฆในท้องฟ้ามากพอสมควรทำให้ทะเลทรายไม่ได้รับแสงแดดจากดวงอาทิตย์ตรงๆ นัก อุณหภูมิของอากาศเหนือทะเลทรายจึงสูงเพียง 45 องศาเซลเซียส แต่ในเวลากลางคืนทรายคายความร้อนได้เร็ว อุณหภูมิของอากาศจึงอาจลดต่ำถึง 15-20 องศาเซลเซียสได้ ซึ่งทะเลทรายอาซูเซน่าที่อยู่ทางเหนือจะมีอุณหภูมิที่ลดหลั่นลงมาอีก

ทะเลทรายอาซูเซน่าถูกปกคลุมไปด้วยแอ่งดินสลับกับผืนทรายราบเรียบ ดูเวิ้งว้างและทอดยาวสุดลูกหูลูกตา มีลักษณะเป็นที่ราบสูงลาดชันขนานไปกับแนวเทือกเขา และในบริเวณทางเหนือของทะเลทรายจะมีแหล่งโอเอซิสมากกว่าทางตอนใต้ ซึ่งเป็นที่ๆ มีการปลูกต้นปาล์ม มะกอก องุ่น ข้าวสาลี และข้าวบาร์เลย์เป็นจำนวนมาก โดยอาศัยน้ำในการทำเกษตรกรรมจากภูเขา

ซามาห์ไม่ได้มีความสุขนักที่ต้องจมปลักร่อนเร่อยู่กลางทะเลทรายอันเวิ้งว้างและไร้จุดหมายอย่างนี้ แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากติดตามพี่ชายเพียงคนเดียวไปทั่วทุกที่ เพราะดารัมดาสอาจจะฉลาดแต่ไม่ค่อยเฉลียวใจเรื่องศัตรูรอบด้านนัก หลายครั้งเกือบถูกคนใกล้ตัวฆ่าเพื่อยึดอำนาจ ถ้าไม่ใช่เพราะมีซามาห์คอยเป็นหูเป็นตา รู้จักจับผิดคนอื่นมากกว่าจะไว้ใจโดยง่ายอย่างพี่ชาย ป่านนี้มหาโจรดารัมดาสคงเหลืออยู่เพียงแค่ชื่อเท่านั้น แม้ซามาห์จะไม่สนับสนุนการกระทำที่ป่าเถื่อนโหดร้าย แต่เขาก็ไม่เลวพอที่จะปล่อยให้พี่ชายเพียงคนเดียวตายไปต่อหน้าต่อตา

เนห์รูถึงกับกุมขมับด้วยความกลัดกลุ้มใจเมื่อได้ยินความจริงจากปากนันดินี ตอนนี้หญิงสาวเอาแต่นั่งกอดเข่าอยู่กลางเตียง ไม่ยอมพูดจาหรือแตะต้องน้ำดื่มสักหยด เนห์รูเองก็ถอนหายใจจนนับครั้งไม่ถ้วน ดวงตาแดงก่ำคล้ายจะร้องไห้ แต่ในเวลาที่นันดินีอ่อนแอ ในฐานะน้องสาวเธอจะต้องเข้มแข็งให้มาก ไม่ใช่บั่นทอนความรู้สึกพี่สาวด้วยการคิดมากไปด้วยอีกคน

“เราจะทำยังไงกันดี หนีดีไหมนันนี่” ในที่สุดเนห์รูก็พูดขึ้น

“เราไม่มีทางหนีไปไหนได้หรอก ข้างนอกนั่นมีนายเวรเฝ้ายามอยู่หลายคน แล้วอีกอย่างพวกนั้นไม่ได้เปิดโอกาสให้เรามองเห็นเส้นทางตอนที่เดินทางมาที่นี่เลยด้วยซ้ำ ทุกอย่างมืดมนไปหมด ขืนหนีออกไปเราอาจต้องตายอยู่กลางทะเลทรายก็ได้”

“ฉันไม่ได้หมายถึงหนีตอนที่อยู่ที่นี่นะ แต่หมายถึงหนีตอนที่ไอ้พวกคนเลวพาเราไปหาเป้าหมายต่างหาก เราควรบอกความจริงกับเขา แล้วขอให้เขารีบส่งเรากลับเมืองไทย”

“แล้วยังไงล่ะเนห์รู กลับไปรอความตายพร้อมกับพ่อแม่เรางั้นเหรอ” นันดินีปาดน้ำตาขณะหันมาสบตากับหญิงวัยเดียวกันที่มีศักดิ์เป็นน้องสาว ดวงตาเธอดูหม่นหมองและขมขื่นสุดจะบรรยาย

“สรุปแล้วเราสองคนหมดหนทางที่จะหนีให้พ้นจากไอ้โจรชั่วดารัมดาสแล้วใช่ไหม” หัวใจคนพูดห่อเหี่ยวทันที

“นี่คงเป็นชะตากรรมของฉัน แต่ฉันไม่น่าลากเธอเข้ามาเกี่ยวด้วยเลย” สาวงามที่มีดวงตาสีเขียวเอ่ยขึ้น

“อย่าพูดแบบนั้นสิ เธอไม่ได้ลากฉันเข้ามาเกี่ยวพันอะไรด้วยเลย แต่เป็นเพราะตัวฉันเองก็มีชะตากรรมเหมือนกับเธอต่างหาก”

“เนห์รู...” นันดินีโผเข้ากอดอีกฝ่ายแน่น

“อย่าร้องไห้อีกเลยนะ ในเมื่อชีวิตเราถูกพระเจ้าลิขิตมาแบบนี้ เราก็ควรทำมันให้จบสิ้นไปเสีย ฉันเชื่อว่าวันหนึ่งเราสองคนจะต้องหลุดพ้นจากหน้าที่อัปยศพวกนั้น ฉันเชื่อว่าความดีในจิตใจเราจะต้องอยู่เคียงข้างเราจนถึงวินาทีสุดท้าย เข้มแข็งไว้นะนันนี่ เราต้องเข้มแข็งให้มากๆ” เนห์รูลูบไหล่ลูบหลังอย่างปลอบประโลม

“ฉันต้องเข้มแข็งอยู่แล้วเพื่อพ่อกับแม่ แต่ฉันทรมานใจเหลือเกินที่จะต้องทำตัวเป็นนางงูพิษ หลอกลวงผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย เพราะดารัมดาสคนเดียว... เพราะคนสารเลวนั่นที่ยัดเยียดให้ฉันต้องกลายเป็นผู้หญิงร้ายกาจ!” อารมณ์ที่เคยโศกเศร้าแปรเปลี่ยนเป็นเคียดแค้น เพียงแค่ต้องเอ่ยถึงชื่อของมหาโจรจอมโฉด

“สักวันเขาต้องได้รับผลกรรมของตัวเองแน่ คนชั่วน่ะลอยนวลอยู่บนโลกได้อีกไม่นานหรอก”

“นับจากนี้ไปฉันจะสาปแช่งให้เขาพังพินาศทุกคืนวันเลย” ดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

“แล้วนี่ดารัมดาสจะให้เราเดินทางเมื่อไร เขาได้บอกเธอไว้ไหม” เนห์รูถามเมื่อนึกขึ้นได้

“อีกสองสามวัน” นันดินีผละออกจากอ้อมกอดอีกฝ่าย สีหน้าดูไม่สู้ดีนักเมื่อพูดถึงกำหนดการณ์ที่ต้องเดินทางไปสู่กงล้อที่น่ากลัวและอันตราย

ที่ผ่านมาเธอไม่เคยใช้มารยาหรือวางแผนหลอกล่อใครอย่างที่ดารัมดาสบีบให้ทำ ฉะนั้นย่อมหมายความว่าโอกาสพลาดต้องมีสูงมาก คู่หมั้นตัวจริงของเธอเป็นถึงชีคปกครองเมือง เขาคงไม่ได้โง่จนมองข้ามพิรุธไปง่ายๆ แน่ และหากรู้ว่าเธอถูกส่งตัวไปในฐานะที่ไม่ต่างจากกบฏเลย เขาจะต้องลงโทษเธออย่างสาสม ถึงตอนนั้นเธอเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชะตากรรมอันเลวร้ายจะหันเหในไปทิศทางใด

แต่ถึงอย่างไรนันดินีก็จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด...เพื่อความปลอดภัยของครอบครัวเธอ

สองสาวยังคงนั่งจ้องหน้ากันไปมาเกือบตลอดทั้งคืน ก่อนที่ต่างคนต่างจะเผลอหลับใหลไปด้วยความเหนื่อยอ่อน ซามาห์เดินเข้ามาข้างในอย่างเงียบกริบ ดวงตาคมทอดมองผ่านม่านสีขาวเพื่อพินิจพิจารณาเจ้าของร่างงามที่ยังคงหลับสนิทอยู่เคียงข้างเนห์รู ทั้งที่ในตอนนี้สายมากแล้วก็ตาม

สาวใช้สามคนทยอยตามเข้ามาอย่างเงียบกริบ เมื่อซามาห์ส่งสัญญาณบอกว่าห้ามรบกวนคนที่กำลังพักผ่อนอยู่ ผลไม้และนมอูฐที่เพิ่งได้มาถูกนำมาวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ แกงแพะ เนื้อแกะย่างกับแกงถั่วนานาชนิดที่ใช้กินกับโดซา (Dosa) [2] ส่งกลิ่นหอมกรุ่นไปทั่วบริเวณ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้นันดินีเริ่มขยับตัวเล็กน้อย พร้อมกับยันกายลุกขึ้นมองผ่านผ้าม่านออกไป หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อคิดว่าร่างกำยำที่ยืนตระหง่านนอยู่กลางกระโจมอาจเป็นมหาโจรที่เธอรังเกียจเหลือแสน แต่เมื่อเสียงทุ้มสุภาพเอ่ยขึ้น เธอจึงลอบถอนหายใจออกมา

“ด้านหลังจะมีอ่างอาบน้ำทองเหลืองเตรียมไว้ให้แล้ว ถ้าคุณต้องการล้างหน้าหรืออาบน้ำ เชิญได้เลยนะครับ ผมจะให้สาวใช้ช่วยดูแลคุณเอง เรียบร้อยแล้วจะได้รับประทานมื้อเช้าที่เกือบสายนี้เสียที” ซามาห์หลุบสายตาลงมองพื้น ขณะที่นันดินีก้าวลงจากเตียง ใช้มือแหวกผ้าม่านออกจากกันแล้วออกมาเผชิญหน้ากับเขา ขณะนั้นเองที่เนห์รูเริ่มรู้สึกตัวตื่นด้วยเหมือนกัน

“ขอบคุณนะคะ” เธอยิ้มงดงาม ก่อนยกมือขึ้นลูบผมเผ้าตัวเองให้เข้าทางมากกว่าเดิม

“เอ่อ ด้วยความยินดีครับ ผมว่าคุณน่าจะไปข้างหลังม่านสีน้ำตาลนั่น อาบน้ำเสียหน่อยคงสดชื่นนะครับ ที่นี่ร้อนมากในเวลานี้แบบนี้ แต่ถ้าสายกว่านี้จะยิ่งร้อนมากขึ้นอีก ระวังเรื่องการปรับตัวด้วยล่ะ แต่คงไม่ต้องห่วงเพราะผมเตรียมยามาไว้ให้แล้ว ทานหลังอาหารนะครับ” ชายหนุ่มดูประหม่ามากเมื่อถูกดวงตาคู่สวยจับจ้องอย่างตรงไปตรงมา นันดินีคงไม่รู้เลยว่าตัวเองสร้างปฏิกิริยาอันตรายในตัวบุรุษเพศได้มากมายเพียงใด เพียงแค่แย้มยิ้มเห็นฟันขาวสวยเรียบเรียงเป็นระเบียบ ข้างแก้มกดลึกเป็นรอยบุ๋มดูน่ารัก นั่นก็ทำให้คนมองใจเต้นแรงจนแทบจะกระโจนออกมากองแทบตรงเท้าได้อยู่แล้ว

“ขอบคุณที่ดีกับเรานะคะ ถึงมันจะดูแปลกไปหน่อยก็เถอะ” เนห์รูเอ่ยแทรกขึ้น ถึงจะได้ยินมาจากนันดินีแล้วว่าซามาห์ดูเป็นคนดี เรียกได้ว่าต่างจากพี่ชายลิบลับ แต่เธอก็ยังไม่อยากจะไว้ใจนัก ถึงอย่างไรคนพวกนี้ก็เป็นพวกเดียวกัน บางทีอาจทำอะไรอย่างมีแผนการก็ได้ เมื่ออยู่ต่างที่ต่างถิ่นแบบนี้ แม้แต่ตัวเองก็ยังยากที่จะไว้ใจ ฉะนั้นคงไม่ง่ายนักหากจะให้เชื่อใจในตัวของชายแปลกหน้า

“ผมรู้ดีครับว่ามันเป็นเรื่องแปลก แต่เสือไม่จำเป็นต้องออกล่าเหยื่อเสมอไป พี่ชายผมเป็นนักล่า แต่ผมต่างออกไป จะว่าไปผมเองก็ไม่ได้ต่างจากเสือที่จำศีลอยู่แต่ในถ้ำนักหรอกครับ” ริมฝีปากหยักลึกคลี่ยิ้มอบอุ่น

“อย่าถือสาคำพูดของเนห์รูเลยค่ะ เธอแค่เป็นห่วงฉันมากจนไม่กล้าไว้ใจใคร”

“ถ้าเป็นผมเองก็คงคิดแบบเดียวกัน เอาเป็นว่าผมไม่รบกวนดีกว่า เชิญคุณสองคนตามสบาย ผมจะสั่งนายเวรว่าไม่ให้ใครเข้ามารบกวน แต่ถ้าพี่ชายผมจะเข้ามา นั่นขอให้รู้ไว้นะครับว่าไม่ใช่ไม่ห้าม แต่มันห้ามไม่ได้จริงๆ”

“ขอบคุณมากค่ะที่พยายามจะช่วยฉัน แต่ว่า...ฉันขอถามอะไรสักอย่างได้ไหมคะ” นันดินีดูกดดัน

“ว่ามาสิ ถ้าตอบได้ ผมจะตอบคุณ” ซามาห์ผายมือเป็นเชิงบอกว่าให้หญิงสาวพูดในสิ่งที่ต้องการได้ทันที

“คือ...ดารัมดาสขู่ว่าถ้าฉันไม่ทำตามคำสั่งเขา เขาจะฆ่าพ่อแม่ของฉันได้ในทันที มันเป็นความจริงเหรอคะ เขาโหดร้ายได้ขนาดนั้นเชียวเหรอ”

“เรื่องนี้ผมข้อตอบตามจริงนะครับ พี่ชายผมสามารถทำได้ทุกอย่าง เขาฆ่าคนได้โดยไม่ต้องลังเลหรือไตร่ตรองใดๆทั้งสิ้น แม้แต่ตัวผมเองที่เป็นน้องชายในสายเลือดเดียวกัน เขาก็สามารถฆ่าทิ้งได้เหมือนกัน ถ้าผมกล้าทรยศเขา ที่สำคัญผมได้ยินมาว่าตอนนี้เขาส่งคนไปที่เมืองไทยแล้ว ดารัมดาสจะติดต่อกับพวกนั้นอย่างสม่ำเสมอ ทันทีที่คุณไม่ทำตามข้อตกลง คงไม่ต้องบอกว่าเศรษฐีวาฮิดกับภรรยาจะมีชะตากรรมแบบไหน” สีหน้าคนพูดดูหม่นลง เมื่อไม่อาจหลีกหนีความจริงที่ว่ามหาโจรเลือดเย็นที่บงการทุกอย่างด้วยความเห็นแก่ตัว คือพี่ชายแท้ๆของเขาเอง

“ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะใจร้ายแบบนี้” นันดินีน้ำตาคลอ

“มีอีกอย่างที่ผมไม่ควรบอกคุณ แต่ผมคงรู้สึกแย่มากถ้าละเลยมันไปจริงๆ” ซามาห์ขยับเข้ามาใกล้เล็กน้อย พร้อมมองซ้ายแลขวาจนมั่นใจว่าภายในกระโจมแห่งนี้ไม่มีใครอยู่อีก

“อะไรคะ”

“คุณคงรู้อยู่แล้วว่าดารัมดาสจะส่งตัวคุณไปที่เมืองยาฮาห์ในอีกไม่กี่วันนี้ ตอนเดินทางจะไม่มีใครไปกับพวกคุณเลยสักคน แต่อย่าได้ไว้วางใจในสิ่งที่ตาเห็นเด็ดขาด เพราะที่นั่นมีสายสืบที่ดารัมดาสส่งเข้าไปแฝงตัวอยู่ภายในกลุ่มของท่านชีคปะปนอยู่ด้วยหนึ่งคน เธอชื่อจาฮีดา คุณต้องระวังแล้วก็อย่ามีพิรุธให้เธอเห็น ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ดารัมดาสจะรู้ทุกอย่าง”

“งั้นทำไมเขาต้องส่งตัวฉันไปด้วยล่ะคะ ในเมื่อมีสายสืบอยู่ก่อนแล้ว” หญิงสาวซักต่อ

“เพราะจาฮีดาเป็นแค่คนคอยส่งข่าวน่ะสิ เธออยู่ที่นั่นมาสองปีแล้ว แต่ไม่เคยล้วงความลับสำคัญมาได้เลย เธอมีฐานะเป็นแค่สาวใช้ธรรมดาคนหนึ่ง เธอไม่มีอะไรเทียบเท่าคุณได้หรอกครับ ไม่ว่าจะรูปลักษณ์ภายนอกหรือชาติตระกูลก็ตาม” ชายหนุ่มอธิบายโดยละเอียด

“นี่ฉันคงดิ้นไม่หลุดสินะ ถ้าไปถึงที่นั่นแล้วก็คงต้องระวังให้มาก”

“ถูกแล้ว พวกคุณสองคนต้องระวังทุกการกระทำ แล้วก็อย่าพยายามอยากรู้ว่าสาวใช้คนไหนชื่อจาฮีดา จนกว่าเธอจะมาแนะนำตัวเอง ไม่งั้นเธออาจจะสงสัยเอาได้ว่าทำไมคุณถึงอยากรู้จักเธอ”

“แล้ว...ถ้าดารัมดาสรู้ว่าคุณบอกฉัน เขาจะทำยังไงกับคุณคะ”

“เขาจะฆ่าผมที่ผมทรยศเขา จากนี้ไปชีวิตผมคงอยู่ในมือของพวกคุณแล้ว”

“สารเลว!” เนห์รูเผลอพ่นคำผรุสวาทออกมา และรู้ตัวเมื่อมือของนันดินีเอื้อมมือแตะเบาๆ ที่ต้นแขน

“ใช่ครับ สารเลว แต่เขาก็คือพี่ชายของผม” น้ำเสียงฟังดูแผ่วระโหย

“ฉันขอโทษค่ะ ฉัน...”

“ไม่เป็นไรหรอก คุณไม่ได้พูดอะไรผิดเสียหน่อย” ถึงตอนนี้เองที่เนห์รูได้เห็นว่าชายรูปงามตรงหน้าดูน่าสงสารแค่ไหน แววตาคู่คมเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย แม้จะพยายามปั้นยิ้มเหมือนมีความสุข กระนั้นดวงตาของเขาก็ยังคงนิ่งสนิท ไม่มีประกายแห่งความสุขอย่างที่ควรจะเป็น ใครจะว่าเธอมองคนแค่เพียงผิวเผินก็ช่าง แต่ตอนนี้ใจเธอเชื่อเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วว่าเขาเป็นคนดี ไม่ได้สร้างภาพตามแผนของพี่ชายอย่างที่เธอคาดเดาไว้ในตอนแรก

“ซามาห์คะ...” เป็นครั้งแรกที่นันดินีตัดสินใจเอ่ยชื่อเขาอย่างสนิทสนม “ฉันไม่รู้ว่าหรอกนะว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันคืออะไร แล้วทำไมต้องเป็นฉันที่โชคร้าย แต่ฉันอยากให้คุณจำไว้ว่าท่ามกลางสิ่งเลวร้ายทั้งหมด คุณคือสิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้ คุณคือเพื่อนเพียงคนเดียวที่เรามี แล้วก็คิดว่าไว้ใจได้กว่าใคร ถ้าไม่ได้คุณคอยให้ความช่วยเหลือ ฉันคงแย่ไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”

“ผมดีใจที่คุณไว้ใจผม หวังว่ามิตรภาพของเราจะคงอยู่ตลอดไปนะครับ” ซามาห์ยิ้มกว้างเป็นครั้งแรก ก่อนจะค้อมศีรษะลงเล็กน้อยเพื่อแทนคำขอบคุณ นันดินีกับเนห์รูส่งยิ้มให้ชายหนุ่มอย่างอ่อนโยน รู้สึกปลอดภัยเหลือเกินเมื่อมีเขาคอยให้ความช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ

[1] โอเอซิส (Oasis) คือ แหล่งน้ำกลางทะเลทราย บริเวณที่อุดมสมบูรณ์ในทะเลทราย

[2] โดซา (Dosa) คือ แป้งย่างแผ่นกลมใหญ่ ม้วนหรือพับครึ่ง นิยมรับประทานแบบบางกรอบมากกว่าหนานุ่ม

.............................................................................................................................................................................

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel