บท
ตั้งค่า

บทที่ ๔ : มุ่งสู่หนทางที่มืดมน 2

“ฉัน...”

“เข้าใจหรือเปล่าเนห์รู”

“ตกลง ฉันจะทำตามที่เธอบอก แต่สัญญานะว่าถ้าต้องการความช่วยเหลือจากใครสักคน เธอจะต้องคิดถึงฉันเป็นคนแรกเท่านั้น” เนห์รูพยักหน้าตอบตกลง พร้อมกะพริบตาถี่ๆเพื่อไม่ให้น้ำตาไหลออกมา ปกติแล้วไม่เคยอ่อนแอแบบนี้มาก่อน แต่มันแย่เหลือเกินที่ความเป็นจริงนั้นทำลายความมั่นใจในตัวเองไปเสียหมด

“ฉันสัญญาจ้ะ” นันดินีโน้มตัวมากอดอีกฝ่ายแน่น “ที่ผ่านมาเธอเข้มแข็งมาตลอด ส่วนฉันก็อ่อนแอไม่เด็ดขาดกับอะไรสักอย่าง แต่นับจากนี้ไปฉันจะพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ฉันรู้นะว่าเธอคิดมากเพราะห่วงฉัน แต่เธอต้องกลับมาเข้มแข็งเหมือนเดิมให้ได้นะเนห์รู” ดวงตาคู่สวยดูหม่นเศร้า แต่นับจากวันนี้ไปเธอจะไม่ยอมให้เนห์รูหรือใครๆ ได้เห็นมันอีก แม้ไม่รู้ว่ากรรมใดนำพาให้ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากแบบนี้ แต่เธอจะผ่านมันไปให้ได้

หลังจากนั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อยพักใหญ่ ความอ่อนเพลียก็พาให้สองสาวแยกย้ายกันเอนกายพักผ่อน เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่อาจรู้ได้ สิ่งเดียวที่นันดินีรู้คือใครสักคนกำลังยืนกระซิบเรียกเธออยู่ เมื่อลืมตาขึ้นดูก็พบควันสีขาวลอยฟุ้งไปทั่วบริเวณ แต่ท่ามกลางฝุ่นควันเหล่านั้นกลับมีร่างสูงกำยำยืนสงบนิ่งอยู่ ใบหน้าคมคายหล่อเหลาดูนิ่งเฉย แต่เมื่อดวงตาประสานสบกันแน่วแน่ เขาก็ยิ้มที่มุมปากอย่างมีเสน่ห์ นันดินีจำได้ในทันทีว่าเป็นเขา

ผู้ชายที่เธอฝันถึง...และเป็นคนเดียวกับที่เธอได้พบที่สถานีรถไฟ

“คุณ...”

“ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน” ชายหนุ่มขยับเข้ามาใกล้ ไม่รอให้หญิงสาวได้พูดอะไร มือหนาก็ฉุดดึงร่างบางให้ลงมาจากที่นอนด้วยความรวดเร็ว

“ปล่อยฉันนะคะ!” นันดินียกมือดันอกกว้างไว้แน่น

“ผมจะไม่ปล่อยคุณไปไหนอีกแล้ว” พูดจบริมฝีปากร้อนผ่าวก็แนบลงมาหา ดูดกลืนทุกคำทัดทานไปจนหมดสิ้น คนถูกล่วงเกินไม่ได้นิ่งเฉยให้เขาตักตวงความหวานจากเรียวปากอิ่มสวย เธอดิ้นรนผลักไสพัลวัน มือเล็กระดมทุบตีไหล่กำยำจนตัวเองเหนื่อยหอบ แต่ดูท่าชายหนุ่มจะไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย

ริมฝีปากหยักลึกที่ร้อนระอุยังคงจูบซับอยู่ไม่ห่าง นันดินีชาวาบไปทั่งตัวเมื่อเขาปล่อยเธอลง แล้วดันให้แผ่นหลังแนบชิดไปกับหน้าต่างของรถไฟ ใบหน้าหล่อที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอำนาจของบุรุษโน้มเข้ามาใกล้ ปลายนิ้วเรียวดั่งลำเทียนเชิดปลายคางมนให้แหงนหงายขึ้นรับจุมพิตอีกครั้ง และครั้งนี้มันเนิ่นนานและวาบหวามเสียจนเธออ่อนปวกเปียกไปทั้งตัว หากไม่มีมือใหญ่ประคองเอวเอาไว้ เธอคงทรุดลงไปกองบนพื้นแล้ว

หนุ่มลึกลับครางฮือในลำคออย่างขัดใจ เมื่อนันดินีรวบรวมแรงที่มีอยู่น้อยนิดผลักไสเขาออกห่างตัว สายตาคู่คมกวาดมองร่างอรชรด้วยความปรารถนา ก่อนจะรีบเข้าประติดตัวอีกครั้งพร้อมรวบข้อมือเล็กไพล่ไปทางด้านหลัง หญิงสาวทำตาโตเมื่อมือใหญ่ข้างที่ว่างอยู่เลื่อนลงสัมผัสที่ต้นขาอ่อนนุ่ม และไต่มือขึ้นสูงเพื่อลูบไล้หน้าท้องแบนเรียบ

“หยุดนะ!” เธอตวาดลั่น

“ไม่” เขาปฏิเสธคำสั่งนั้นในทันที ซ้ำยังอาจหาญเลื่อนมือขึ้นแตะทรวงอกนุ่มอีกด้วย

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ฉันบอกให้หยุด!” หญิงสาวดิ้นพร่านราวกับถูกไฟร้อนลามเลียไปทั้งตัว

นันดินีสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงหวูดรถไฟดังลั่นขึ้น สุดท้ายสิ่งที่เกิดขึ้นก็เป็นเพียงความฝันอีกเช่นคราวก่อน แน่นอนว่ามันทำให้เธอโล่งใจเป็นอย่างมาก ร่างบางก้าวลงจากเตียงเพื่อหยิบน้ำดื่ม เนห์รูยังคงนอนหลับสนิทอยู่ข้างบน คงเพลียมากเสียจนไม่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของเธอ ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงหวูดรถไฟด้วยซ้ำ

“เนห์รู ตื่นเถอะเนห์รู เราถึงแล้วนะ” นันดินีเอื้อมมือไปเขย่าไหล่อีกฝ่ายเบาๆ

“อื้อ ถึงแล้วเหรอ ทำไมเร็วจัง ฉันรู้สึกว่านอนไปแค่ไม่กี่นาทีเอง” เนห์รูลุกขึ้นบิดขี้เกียจ ก่อนจะปีนลงจากเตียงอย่างทุลักทุเล

“ฉันว่าไม่ใช่นาทีหรอก ดูนาฬิกาที่ติดอยู่ตรงนั้นสิ เราน่าจะนอนไปนานหลายชั่วโมงเลยล่ะ” นันดินีมองออกไปนอกหน้าต่าง แล้วชี้ให้เนห์รูมองดูนาฬิกาที่ติดอยู่ตรงที่ซื้อตั๋วรถไฟ

“ตายจริง! เราคงเพลียมากสินะถึงได้หลับสนิทไปนานขนาดนี้” คำพูดนี้ทำให้คนฟังถอนลอบหายใจ หากเลือกได้ก็ขอไม่นอนหลับเสียดีกว่า ไม่รู้ว่าทำไมทุกครั้งที่ขึ้นรถไฟเธอถึงต้องฝันถึงผู้ชายหล่อประหารคนนั้นด้วย ช่างน่าอายเหลือเกิน เป็นผู้หญิงยิงเรือแท้ๆ กลับฝันว่าได้ลึกซึ้งกับหนุ่มแปลกหน้าจนร่างกายแทบจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน

“เรารีบลงไปกันเถอะ กว่าจะเดินทางต่อจนถึงจุดหมายคงใกล้ค่ำพอดี” นันดินีพยายามเลิกคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในความฝัน แต่หันมาบอกให้เนห์รูหิ้วสัมภาระออกจากรถไฟ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา

สองสาวก้าวลงจากรถไฟด้วยหัวใจที่เต้นแรง เหตุการณ์มากมายกำลังรออยู่เบื้องหน้า ขณะที่พากันมองหารถแท็กซี่อยู่นั้น ชายคนหนึ่งที่มีใบหน้าดุดันกับจมูกที่งองุ้มก็เดินฝ่าฝูงชนเข้ามายืนใกล้ๆ ก่อนจะยื่นซองกระดาษสีขาวส่งให้กับนันดินี

“คุณเป็นใคร แล้วนี่อะไรคะ” หญิงสาวถามขณะรับสิ่งนั้นมาถือไว้

“เราพวกเดียวกัน ส่วนนี่คือจดหมายที่นายท่านฝากไว้ให้คุณทันทีที่คุณมาถึงที่นี่ เปิดอ่านแล้วรีบส่งคืนมา ผมจะต้องนำมันไปทำลายด้วยตัวเอง” ชายลึกลับเอ่ยขึ้นลอยๆ โดยไม่ยอมหันมามอง คาดว่าคงเป็นเพราะไม่ต้องการให้ใครเห็นว่ารู้จักกับสองสาวต่างถิ่น

นันดินีไม่ได้ซักถามอะไรอีก นอกจากรีบเปิดซองจดหมายออกแล้วกวาดสายตาอ่านจนถี่ถ้วน มือบางสั่นระริกด้วยความอดสูที่จำต้องฝืนทำ ข้อความที่เขียนด้วยภาษาท้องถิ่นซึมซับเข้าสู่สมองโดยไม่ได้ตั้งใจ เนห์รูตั้งท่าจะคว้ามันไปอ่านบ้าง แต่ชายลึกลับคนนั้นกลับแย่งจดหมายไปจากมือของนันดินีเสียก่อน

“ทำตามนี้อย่างเคร่งครัด คุณต้องแสดงละครให้แนบเนียนที่สุด เพราะถ้าพลาดโอกาสนี้ไป คุณคงรู้ว่าใครที่จะต้องเดือดร้อน” พูดจบชายหนุ่มก็รีบเดินหายไปท่ามกลางผู้คนมากมาย

“มีอะไรนันนี่ จดหมายนั่นบอกว่ายังไงบ้าง” เนห์รูถาม

“เดี๋ยวเธอก็รู้เอง ตอนนี้ช่วยกันมองหาแท็กซี่ที่มีสัญลักษณ์ดอกกุหลาบสีแดงติดอยู่ที่ท้ายรถก่อนเถอะ เราต้องขึ้นรถคันนั้น” ว่าแล้วนันดินีก็กวาดสายตามองหาเป้าหมายทันที

กว่าจะพบรถคันนั้นก็ใช้เวลาเกือบสิบห้านาที นันดินีคว้ากระเป๋าและพยักหน้าบอกให้เนห์รูรีบเดินตามมา เมื่อสองสาวขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างก็ตกสู่ความเงียบงันอีกครั้ง เนห์รูอยากรู้ใจแทบขาดว่าในจดหมายนั่นมีอะไร แต่ในเมื่อนันดินีไม่ยอมบอกก็จำต้องรอจนกว่าจะรู้เอง

การเดินทางที่ยากจะสิ้นสุดยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง คนขับรถที่ดูหน้าตาไม่น่าไว้ใจ แต่ก็เป็นพวกเดียวกันทำหน้าที่สารถีอย่างไม่ยอมหยุดพัก เมื่อเห็นท่าทีที่อิดโรยของสองสาว เขาก็นำกระเป๋าผ้าใบหนึ่งที่วางอยู่ตรงเบาะหน้าส่งมาให้ ข้างในนั้นมีน้ำดื่มกับนมแพะ รวมทั้งอาหารง่ายๆ อย่างขนมปังไส้ถั่ว ลูกเกดอบแห้งและเมล็ดอัลมอนด์ ตอนแรกนันดินีไม่ยอมแตะต้องมันเลยสักคำ แต่เมื่อถูกเนห์รูคะยั้นคะยอหนักเข้าก็จำต้องยอมกินบ้าง

รถแท็กซี่ปลอมพาพวกเธอมาลงที่ตรอกแคบๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งไร้ผู้คนสัญจรไปมาเหมือนในเมือง แต่มันกำลังจะเป็นทางผ่านของบุคคลสำคัญ เวลานี้อากาศเริ่มหนาวขึ้นทุกที นันดินีจึงดึงผ้าที่พาดอยู่ตรงไหล่ขึ้นคลุมศีรษะไว้เช่นเดียวกับเนห์รู ก่อนจะพากันเดินไปตามทางที่ทั้งเงียบและมืดมิด

ทันใดนั้นเองก็ปรากฏร่างสูงของชายสามคน พวกเขาสวมหมวกปิดบังใบหน้า แต่งกายรัดกุมด้วยชุดสีดำทึบทั้งตัว ในมือมีมีดสีเงินวาววับกวัดแกว่งไปมาราวกับเห็นว่าเป็นของเล่นชิ้นหนึ่ง นันดินีชะงักฝีเท้าลงเพียงแค่นั้น สีหน้าไม่ดูหวาดกลัวอย่างที่ควรจะเป็น ต่างจากเนห์รูที่ตกใจจนตัวสั่นเทิ้มไปหมด

“นันนี่!”

“พวกนี้จะไม่ทำร้ายเธอหรอก มันจะทำฉันคนเดียว อย่าเข้าไปยุ่งเด็ดขาดเข้าใจไหม สิ่งเดียวที่เธอต้องทำคือร้องเข้าไว้นะเนห์รู...ร้องขอความช่วยเหลือให้ดังที่สุด แล้วถ้ามีใครปรากฏตัวมา ห้ามพูดอะไรทั้งนั้น ฉันจะเป็นคนพูดทุกอย่างเอง เธอแค่เออออตามฉันไปก็พอ”

“ทำไมล่ะนันนี่ ทำไม!”

“เพราะนี่เป็นคำสั่งในจดหมายของดารัมดาสยังไงล่ะ เธอรู้แล้วก็ต้องช่วยฉันด้วยนะ เธอต้องทำตามที่ฉันบอกเท่านั้น” พูดจบนันดินีก็ทิ้งสัมภาระลงบนพื้น สูดลมหายใจเรียกความกล้าจนเต็มปอด แล้วก้าวตรงไปหาชายกลุ่มนั้นทันที

สิ่งแรกที่ได้เป็นการตอบแทนความกล้าคือแรงตบจากฝ่ามือหยาบกร้าน ร่างบางทรุดลงบนพื้น รู้สึกได้ถึงเลือดที่ซึมออกมาจากมุมปาก แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ถูกหนึ่งในนั้นจิกผมให้ลุกขึ้นยืน แล้วตบซ้ำมาอีกครั้งจนเซถลาไปกองบนพื้นคอนกรีต ผิวกายถลอกบอกเปิกไปหมด เนห์รูที่ยืนอึ้งอยู่ไม่ไกลรีบรวบรวมสติแล้วร้องขอความช่วยเหลือเสียงดังลั่น

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโชคชะตาหรือความบังเอิญ เพราะจู่ๆ รถลีมูซีนคันหรูที่กำลังจะแล่นผ่านไปก็จอดลงอย่างกะทันหัน ร่างสูงใหญ่ภายใต้ชุดสูทสีดำรีบก้าวลงจากรถ พร้อมด้วยพรรคพวกราวหกคน ดวงตาของนันดินีเบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อพบว่าคนๆ นั้นคือผู้ชายในฝันของเธอ

เป็นไปไม่ได้...เป้าหมายของเธอต้องไม่ใช่เขาแน่!

“ตามพวกมันไป!” โมบารัคห์สั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด เมื่อเห็นชายกลุ่มนั้นพากันกระโดดขึ้นหลังรถกระบะเพื่อหลบหนีความผิด ส่วนตัวเขารีบตรงเข้าไปสำรวจว่าเนห์รูได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า

“คุณ!” ชากีร์ยัฟอุทานแล้วยิ้มกว้าง เมื่อพบว่าคนที่ตัวเองกำลังประคองให้ลุกขึ้นคือหญิงงามสะดุดตาที่เคยพบกันเมื่อไม่กี่วันก่อน มือใหญ่รั้งร่างบางให้เอนมาพิงอกกว้างเอาไว้ เมื่อพบว่าแข้งขาเธออ่อนแรงจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่

“พวกคุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ” เนห์รูถามพาซื่อ

“ผมต่างหากที่ต้องถามพวกคุณ พวกคุณสองคนมาทำอะไรที่เมืองยาฮาห์ ผมจำได้นะว่าครั้งแรกเราพบกันที่เมืองมหาปุราช แต่ทำไมวันนี้เราถึงมาเจอกันที่นี่ได้ มันบังเอิญหรือจงใจกันแน่” เพียงแค่คิดว่าไม่น่าจะมีความบังเอิญอยู่บนโลกนี้บ่อยนัก โมบารัคห์จึงถามออกไปอย่างจับผิด โดยไม่สนใจด้วยซ้ำว่าจะเป็นการเสียมารยาทหรือไม่

“อย่าเสียมารยาทสิโมบารัคห์!” ชีคหนุ่มดุเสียงเข้ม ทำเอาคนสนิทต้องหุบปากฉับในทันที

“ฉัน...ฉันมาตามหาคนๆ นึงนะคะ แต่ไม่คิดเลยว่าจะถูกทำร้ายเอา” นันดินีอธิบาย พยายามดันตัวเองออกห่างจากชายหนุ่มให้มากที่สุด ไม่อยากให้กลิ่นน้ำหอมและความอบอุ่นจากตัวเขาทำให้หัวใจเธอทำงานหนัก จนลืมสิ้นทุกแผนการที่ต้องทำตามคำสั่งมหาโจรดารัมดาส

“ตามหาคนงั้นเหรอครับ?” ชากีร์ยัฟขมวดคิ้วไม่เข้าใจ

“ใช่ค่ะ คุณคงจำได้ใช่ไหมคะว่าตอนที่เราพบกันในเมืองมหาปุราช เนห์รูพูดว่าฉันกำลังรอคู่หมั้นของฉันอยู่” หญิงสาวทำหน้าเศร้า ยอมให้เขาประคองอยู่อย่างนั้น เพราะการแสร้งทำเป็นอ่อนแอคือมารยาหญิงอีกวิธีหนึ่งเหมือนกัน

“จำได้สิ” ชายหนุ่มพยักหน้า

“วันนั้นเขาไม่มาหรอกค่ะ เพราะเขาไม่ได้อยู่ที่เมืองนั้นตามที่ฉันเข้าใจ พ่อกับแม่บุญธรรมของฉันเพิ่งมาบอกทีหลังว่าคู่หมั้นของฉันอยู่ที่เมืองยาฮาห์นี่ ฉันก็เลยมาตามหาเขา” คำพูดของนันดินีทำให้เนห์รูถึงกับทำหน้าเหวอ แต่เมื่อโมบารัคห์หันมามอง เธอก็รีบพยักหน้าเออออตามไปด้วยทันที

“เอาเถอะครับ ผมว่าคุณไปทำแผลที่บ้านของผมก่อนดีกว่า เรื่องคู่หมั้นของคุณ ผมจะช่วยตามหาให้เอง ถึงแม้ว่าผมจะอยากสาปแช่งให้เขาหายตัวไปจากโลกใบนี้ก็ตาม” ชีคหนุ่มจ้องมองคนในอ้อมกอดด้วยแววตาสิเน่หาอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเห็นนันดินีทำท่าทีขวยเขิน เขาก็ยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วช้อนร่างเธอขึ้นสู่อ้อมแขน ซึ่งในขณะเดียวกันนั้นเองที่พรรคพวกห้าคนที่เหลือวิ่งกลับมาที่รถ

“ว่าไง ตามพวกมันทันไหม” โมบารัคห์ถามความคืบหน้า

“ตามไม่ทันครับ พวกมันหนีไปเร็วมาก คงเพราะมีการเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี”

“ช่างมันเถอะ รีบกลับกันได้แล้ว” คำสั่งของชากีร์ยัฟทำให้ทุกคนพยักหน้ารับรู้ แต่โมบารัคห์ค้านขึ้นก่อน

“จะพาผู้หญิงแปลกหน้าสองคนนี่กลับไปที่...ที่บ้านงั้นเหรอครับท่าน” คนสนิทหน้าเข้มไม่ได้อยากจะขัดความต้องการของเจ้านายนัก แต่มันจำเป็นต้องนึกถึงความปลอดภัยของชีคหนุ่มก่อนเป็นอันดับแรก

“แล้วนายจะให้ฉันทำยังไง คงไม่ได้อยากให้ฉันทิ้งสุภาพสตรีที่กำลังบาดเจ็บและโดดเดี่ยวไว้ในตรอกที่มืดมิดแบบนี้ต่อไปหรอกนะ” ชากีร์ยัฟสวนขึ้นอย่างฉุนเฉียว

“หามิได้ครับ ผมไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น เพียงแต่...”

“ห่วงความปลอดภัยของฉันงั้นสินะ พอเถอะโมบารัคห์ ฉันโตแล้ว ที่สำคัญผู้หญิงตัวเล็กๆ ทั้งสองคนคงไม่เก่งกาจถึงขนาดจะลอบทำร้ายฉันได้หรอก และต่อให้ทำได้...พวกเธอจะมีเหตุผลอะไรที่ต้องทำร้ายฉันกันล่ะ” ความมั่นใจของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวเจ็บจุกไปทั้งใจ แม้ไม่รู้ว่าเขาคือเป้าหมายที่ดารัมดาสหมายถึง หรือเป็นคนที่ผ่านมาเจอเธอก่อนคู่หมั้นตัวจริงกันแน่ แต่เธอก็ต้องทำตามแผนเอาไว้ก่อนเพื่อป้องกันความผิดพลาด

“ถ้าพวกคุณลำบากใจ กรุณาปล่อยฉันลงเถอะค่ะ อีกหน่อยฉันกับน้องสาวคงหาที่พักได้” นันดินีเอ่ยเสียงเศร้าและสั่นเครือคล้ายคนจะร้องไห้

“ไม่! ผมจะไม่ปล่อยให้คุณกับน้องสาวร่อนเร่ไปไหนทั้งนั้น ผมพูดแล้วว่าจะช่วยตามหาคู่หมั้นของคุณให้ คนอย่างผมพูดคำไหนคำนั้น จะไม่มีวันคืนคำเป็นอันขาด” ชายหนุ่มยืนยันหนักแน่น ก่อนจะพาหญิงสาวตรงไปที่รถคันหรูโดยไม่สนใจฟังเสียงค้านของโมบารัคห์อีก

“คุณมันใจดำ คิดได้ยังไงกันนะว่าพวกฉันจะทำอันตรายให้พวกคุณ บ้าชะมัด!” เนห์รูหันมาตะคอกใส่หนุ่มหล่อหน้าเข้ม ก่อนจะเดินตามหลังชากีร์ยัฟไปเพื่อคอยดูแลนันดินี

“นายมันผิดเสมอสินะโมบารัคห์” ชายหนุ่มยักไหล่และยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้านนัก ถึงจะห้ามเจ้านายไม่ได้ แต่รับรองว่าเขาจะจับตาดูสองสาวต่างเมืองชนิดไม่ยอมคลาดสายตาเลยทีเดียว หากพวกเธอมีเจตนาดีไม่ได้ประสงค์ร้ายกับเจ้านายของเขา เขาก็จะให้ความสะดวกเป็นอย่างดี แต่ทันทีที่มีเค้าความน่าสงสัย เขาจะนำตัวพวกเธอส่งให้เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลตรวจสอบประวัติอย่างละเอียดในทันที

………………………………………………………………………………………………………………………

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel