บทที่ ๒ : ลุ่มหลงเมื่อแรกพบ 2
“ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะงดงามถึงขนาดนี้”
“ได้โปรดให้เกียรติฉันด้วย ศาสนาของฉันไม่นิยมให้ชายหญิงแตะต้องกันก่อนแต่งงาน” นันดินีถอยหนีแล้วเตือนสติว่าดารัมดาสความเคารพในสิทธิ์ของเธอ แค่ต้องแต่งงานกับชายต่างศาสนานั้นก็นับว่าน่าอึดอัดใจแล้ว โชคดีที่บิดามารดาของเธอก็แต่งงานกันทั้งที่ถือศาสนาต่างกัน เธอจึงรู้ว่าควรทำตัวอย่างไร แต่มันต้องอยู่เหนือข้อแม้ที่ว่าเธอจะไม่ยอมเปลี่ยนศาสนาเป็นอันขาด
“ศาสนาของฉันก็ยึดถือในประเพณีเหมือนกัน” เขาบอกแล้วยิ้มกว้าง
“เราควรออกไปคุยกันที่อื่น บนเตียงไม่เหมาะหรอกค่ะ” แล้วร่างระหงก็ก้าวลงจากเตียง เปิดผ้าม่านเดินออกไปนั่งที่ฟูกตรงโต๊ะอาหารกลางห้อง พร้อมกับดึงชายผ้าขึ้นคลุมศีรษะตามธรรมเนียมเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าผู้ชาย
ดารัมดาสตวัดชายผ้าที่พาดบ่าให้มั่นคงยิ่งขึ้น ก่อนจะเดินตามไปนั่งลงตรงกันข้าม นันดินีก้มหน้าเล็กน้อยไม่ยอมสบตา ชายหนุ่มรินเหล้าองุ่นที่โปรดปรานลงในแก้วของตัวเอง และรินนมอูฐที่จะมีคนไปรีดมาไว้ในทุกเช้าเพื่อให้เพียงพอแก่ความต้องการ ลงในแก้วทองเหลืองของหญิงสาว
“ดื่มนมอูฐอุ่นๆ สักหน่อยสิ รู้ไหมว่ามันมีประโยชน์มากและรักษาโรคต่างๆ ได้มากมาย” ดารัมดาสเลื่อนแก้วส่งให้
“ขอบคุณค่ะ” นันดินีรับมันมาถือไว้ในมือเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ตัวเอง
“เธอมีอะไรอยากถามฉันหรือเปล่า”
“มีค่ะ ฉันมีอะไรข้องใจบางอย่าง คุณช่วยตอบความจริงด้วยนะคะ”
“ได้สิ ถามมาเลย” ดารัมดาสยิ้มพลางยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ
“ฉัน...รู้มาจากพ่อบุญธรรมว่าคุณเป็นพวกสูงศักดิ์ร่ำรวย แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงต้องมาตั้งกระโจมอยู่กลางทะเททรายที่ไกลลิบแบบนี้ แล้วตลอดระยะเวลาที่เดินทางมาที่นี่ คนควบม้าไม่ยอมจุดตะเกียงไฟให้ความสว่างเลย ถ้านั่นไม่ใช่เพราะต้องการปิดบังเส้นทาง มันเป็นเพราะเหตุผลอะไรคะ”
“มันไม่ยอมจุดตะเกียงหรอกเหรอ แย่จริง...ถ้าเกิดเจอหลุมทรายขึ้นมาจะทำยังไงนะ” ดารัมดาสแสร้งบ่น
“พูดมาเถอะค่ะ ตอนนี้ฉันอยู่ในที่ของคุณ ฉันก็แค่ลูกไก่ในกำมือเท่านั้น”
“ฉลาดมากที่รัก สมแล้วที่กำลังจะได้เป็นเมียมหาโจรอย่างฉัน”
“คุณ...คุณว่าอะไรนะ มหาโจรงั้นเหรอ!” หญิงสาวถามซ้ำเพราะคิดว่าตัวเองหูฝาด
“เอาล่ะ ในเมื่อเธอฉลาดและช่างถามกว่าที่ฉันคิด ฉันก็ควรให้เกียรติเธอ ความจริงแล้วฉันไม่ใช่พวกสูงศักดิ์อย่างที่อ้างไปกับวาฮิดหรอกนะ ฉันคือมหาโจรดารัมดาส ดาวาร์ ผู้ชายที่มีผู้คนกล่าวขวัญมากที่สุด รู้ไหมว่าพ่อของฉันปล้นฆ่ามานับไม่ถ้วนแล้ว ก่อนถูกคนของรัฐบาลลอบสังหาร พ่อของฉันได้มอบความภาคภูมิใจพวกนี้ไว้กับฉัน และฉันไม่เคยทำให้ท่านผิดหวังเลย” ชายหนุ่มอวดอ้างราวกับภูมิใจในความชั่วช้าของตัวเองเสียเต็มประดา
“คุณพูดออกมาได้ยังไงว่ามันคือความภาคภูมิใจ”
“แล้วสักวันเธอจะรู้สึกเหมือนกับฉัน”
“ไม่มีทาง ต่อให้ต้องตายฉันก็จะไม่ยอมทำอะไรแบบคุณ!” นันดินีวางแก้วนมกระแทกลงบนโต๊ะจนมันกระฉอกออกมาเลอะมือ ดารัมดาสอาศัยความไวกว่าคว้ามือบางมาตรงหน้า บีบมันแน่นเพื่อไม่ให้เธอดึงกลับได้สำเร็จ
“ช้าเกินไปแล้วนันดินี วาฮิดส่งเนื้อแกะหวานฉ่ำอย่างเธอมาให้เสือหิวอย่างฉันแล้ว” เขาจูบลงบนมือเล็กอย่างใจเย็น ก่อนจะแลบลิ้นลิ้มรสน้ำนมอูฐที่ฉาบทาอยู่บนมือนุ่มนิ่ม
“ปล่อยนะ!” นันดินีพยายามดึงมือกลับ แต่เขาบีบไว้แน่นกว่าเดิมจนเธอต้องเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด
“รับรองเลยว่าความร่ำรวยของฉันจะทำให้เธอมีใช้ไปตลอดชีวิต แต่มันจะมีมากกว่านี้ถ้าเธอทำทุกอย่างให้มันง่าย อย่าสร้างความเดือดร้อนให้ฉัน” คนพูดพรมจูบไล่ไปตามนิ้วมือเรียวสวย
“ฉันจะไม่ทำอะไรทั้งนั้น แต่สิ่งที่คุณต้องทำคือส่งตัวฉันกลับไปซะ!” นันดินีกัดฟันข่มความขยะแขยง
“หึหึ สิ่งหนึ่งที่เธอควรรู้คือเมื่อเดินทางมาถึงรังโจรแล้ว มันยากมากที่จะกลับออกไปมีชีวิตเหมือนเดิม ตอนนี้เธออาจจะยังไม่เป็นเมียของฉันอย่างสมบูรณ์แบบ แต่เธอเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มโจรดาวาร์แล้ว”
“แต่คุณหลอกลวงฉันมา ฉันไม่ได้รู้เห็นอะไรด้วยเลย”
“แล้วใครจะเชื่อเธอกันเล่าสาวน้อย”
“ตกลงว่าคุณต้องการอะไรกันแน่ คุณรู้เรื่องคู่หมั้นคู่หมายของฉันได้ยังไง”
“ถ้าบอกตอนนี้มันก็ไม่สนุกน่ะสิ แต่รู้ไว้อย่างนะว่าฉันเอาตัวเธอมาเพื่อใช้เป็นใบเบิกทางสู่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในชีวิตฉัน เธอต้องปรนเปรอฉันตามที่ฉันต้องการ เธอต้องทำตามคำสั่งฉัน เพราะถ้าไม่ทำ ฉันจะสั่งให้คนของฉันฆ่าวาฮิดกับเมียชาวไทยนั่นทันที!”
“คุณมันสารเลว!”
“นั่นคือคำชมที่ฉันได้ยินบ่อยมากจากคนอื่น แต่จุดจบของคนพวกนั้นคือการที่ไม่มีโอกาสได้พูดอีกเลยตลอดทั้งชีวิต ถ้าเธอไม่อยากมีชะตากรรมแบบนั้นก็อย่าก้าวร้าวกับฉัน คืนนี้เราควรอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขมากกว่านะ เพราะหลังจากเราได้ร่วมเตียงกัน ฉันมั่นใจว่าสาวพรหมจรรย์อย่างเธอต้องเปลี่ยนใจอยากอยู่กับฉันไปจนวันตายแน่”
“ฉันจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด!” นันดินีโกรธจนสั่นไปทั้งตัว
“เก่งเหลือเกิน” ดารัมดาสปล่อยมือหญิงสาวออกในที่สุด คราวนี้เขาลุกขึ้นยืนตระหง่านเต็มความสูง ตั้งท่าจะเดินอ้อมมาหาหญิงสาว แต่เธอรีบลุกหนีไปทางอื่นเพื่อถ่วงเวลา
“อย่าทำอะไรนะดารัมดาส คุณควรเคารพในสิทธิ์ของฉัน”
“พิธีแต่งงานจัดขึ้นตอนไหนก็ได้หรอกน่า เธออย่าบ่ายเบี่ยงเลย” ชายหนุ่มก้าวยาวๆ ตรงไปหา นันดินีตัดสินใจจะวิ่งออกไปทางประตูที่ปิดไว้ด้วยผ้าม่านหนาหนัก แต่ถูกอีกฝ่ายรวบเอวไว้แล้วดึงเข้ามากอดแนบอก ริมฝีปากอุ่นที่จรดแนบลงบนไหล่ทำให้เธอยิ่งดิ้นรน
“หยุดนะ!”
“ฉันจะหยุดก็ต่อเมื่อได้ตัวเธอแล้วเท่านั้น”
“ไม่นะ!...คุณไม่มีสิทธิ์แตะต้องตัวฉัน!” หญิงสาวดิ้นเต็มกำลัง แต่กลับถูกเขาช้อนตัวขึ้นสู่อ้อมแขน
ดารัมดาสพาร่างบางที่กำลังดิ้นขลุกขลักและทุบตีเขาอย่างบ้าคลั่งไปวางลงบนเตียง ก่อนจะตวัดขากำยำขึ้นคร่อมทับด้วยท่าทีคุกคามไร้เมตตา พละกำลังที่เหนือกว่าทำให้นันดินีน้ำตาไหลพราก เพราะรู้ดีว่าคงไม่อาจต้านทานความเลวร้ายที่จะเกิดขึ้นได้
นี่วาฮิดจะรู้บ้างไหมว่าส่งลูกสาวมาสู่กับดักโจรชั่วเข้าแล้ว เธออุตส่าห์เตือนแล้วแท้ๆ ว่าบางทีมันอาจเป็นการหลอกลวง แต่บิดาบุญธรรมของเธอกลับมองโลกในแง่ดีมากเกินไป การที่วาฮิดเป็นคนเคร่งศาสนา ถือในสัจจะสัญญาและไม่เคยพูดจาโกหกหลอกลวงใคร แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะเป็นแบบเดียวกันทั้งหมด โดยเฉพาะสำหรับมหาโจรดารัมดาสผู้นี้
“ไม่!” นันดินีดีดดิ้นรุนแรงเมื่อถูกตรึงมือไว้ข้างศีรษะ ดารัมดาสจรดปลายจมูกโด่งลงบนแก้มนุ่ม ไล่เลยลงไปที่ซอกคอขาวเนียนหอมกรุ่นและกำลังจะครอบครองริมฝีปากของเธออยู่แล้ว หากไม่ใช่เพราะเสียงของบุคคลอื่นดังขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน
“ปล่อยเธอเถอะครับ!”
“นี่แก...”
“อย่าลืมจุดประสงค์ของตัวเองสิ ไม่งั้นผมจะให้ฟาร่าห์มาทวนความจำให้”
“บัดซบ!” ดูเหมือนคำขู่นั้นจะได้ผล เพราะดารัมดาสผละออกห่างจากร่างงดงามทันที
[1] ชุดกูรตะ (Kurta) เป็นเสื้อตัวยาวคลุมถึงเข่าและผ่าด้านข้าง เปิดตะเข็บสองข้างตั้งแต่ช่วงสะดือลงมา ทำให้ผู้สวมใส่เคลื่อนไหวได้อย่างสะดวกสบาย ช่างที่มีฝีมือจะดูกันที่ลวดลายคอเสื้อและการตกแต่งตัวเสื้อ กูรตะแบบดั้งเดิมต้องยาวถึงเข่า แต่ปัจจุบันแบบสั้นก็มีให้เห็นโดยทั่วไป
…………………………………………………………………………………………………………………..
