บท
ตั้งค่า

ตอนที่ ๖ : ยอมเพราะรัก(2)

“ฝันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครคือพ่อของคุณ! แล้วฝันจะไปมีอะไรกับเขาได้อย่างไร อยากจะกล่าวหาว่าฝันเป็นโสเภณีหรือผู้หญิงร่านสวาทชอบแย่งสามีชาวบ้านก็ตามใจคุณปราชญ์เลย ขอแค่ปล่อยฝันไปก็พอ ฝันไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับคนใจร้ายอย่างคุณอีกแล้ว ปล่อยฝันสิคะ!”

“ฉันไม่ปล่อย...จนกว่าเธอจะบอกมาว่าคิดบ้าอะไรอยู่ถึงเดินตากฝนเล่นแบบนี้!” สองหนุ่มสาวตะคอกใส่กันอย่างไม่มีใครยอมใคร ทอฝันว่าง่ายและไม่เคยดื้อดึงกับปราชญ์มาก่อน พอเห็นเธอชักแข็งข้อขึ้นมาก็ยิ่งอยากจะเอาชนะ ซึ่งคงลืมคิดไปแล้วว่าเพราะตัวเขาเองนั่นแหละ ที่ทำให้หญิงสาวต้องรู้จักลุกขึ้นมาปกป้องศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงบ้าง ไม่ใช่อ่อนข้อให้เหมือนที่ผ่านมาอีก

“เราไม่ได้เกี่ยวข้องกัน ฝันไม่จำเป็นต้องบอกอะไรคุณทั้งนั้น”

“แค่พ้นอกฉันไปคืนเดียวก็ลืมแล้วหรือว่าฉันเป็นผัวเธอ!” ถ้อยคำดูถูกที่พูดออกมาทำให้ความอดทนของทอฝันขาดผึง เธอตวัดฝ่ามือข้างที่ไม่ได้ถูกเกาะกุมเข้าใส่ข้างแก้มอีกฝ่ายเสียจนสุดแรง ใบหน้าหล่อเหลาหันไปตามแรงตบ เมื่อหันกลับมาอีกครั้งหญิงสาวถึงได้เห็นว่ามีเลือดซึมออกจากมุมปากของเขา คงเพราะริมฝีปากกระทบกับฟันเข้าอย่างจัง

“คุณไม่มีสิทธิ์มาพูดแบบนี้กับฝัน ฝันไม่ใช่เมียคุณ เพราะเรื่องสกปรกที่เกิดขึ้นมันไม่ได้เกิดจากความเต็มใจของฝันเลยสักนิด เสียแรงที่ฝันอุตส่าห์เทิดทูนบูชาในความดีงามของคุณ ฝันไม่คิดเลยว่าความจริงแล้วคุณจะร้ายกาจกับฝันได้ถึงขนาดนี้” ทอฝันน้ำตาไหล แต่ปราชญ์มองไม่เห็นมันเพราะสายฝนที่ตกกระหน่ำลงมาบดบังเอาไว้

“ฉันเองก็เสียใจเหมือนกันที่เผลอมีใจให้เธอ! เธอทำให้ฉันรู้สึกดีด้วยแล้วก็ทรยศฉัน!” ชายหนุ่มพูดความในใจออกมา

“คุณปราชญ์!” ทอฝันแทบพูดไม่ออกเมื่อได้ยินคำพวกนี้จากปากเขา

“ฉันไม่เคยสนใจเลยว่าเธอจะเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ฉันประทับใจในตัวเธอ เพราะเธอเป็นคนที่มีจิตใจดีงาม แล้วเธอรู้บ้างไหมว่าฉันรู้สึกอย่างไรตอนที่ได้ยินว่าเธอคือเมียน้อยของพ่อฉัน ตอนนี้แม่ฉันนอนป่วยตรอมใจอยู่ที่โรงพยาบาล หมอบอกว่าถ้าท่านไม่มีกำลังใจมากพอ ท่านก็อาจจะตายได้ทุกเมื่อ ครอบครัวฉันต้องพังพินาศลงก็เพราะเธอคนเดียว!”

“แต่ฝันไม่ได้...”

“ไม่ต้องแก้ตัวอะไรทั้งนั้น เหตุผลของเธอมันฟังไม่ขึ้นหรอก!”

“จะไม่ลองฟังกันบ้างเลยหรือคะ บางทีคุณปราชญ์อาจจะเชื่อฝันก็ได้” หญิงสาวเสนออย่างมีความหวัง ปราชญ์มีท่าทีอ่อนลงเหมือนจะลองฟังคำอธิบายจากเธอดูบ้าง เธอจึงตั้งท่าจะพูดต่อ “คือฝันไม่เคยรู้จัก...” น่าเสียดายที่เสียงแตรรถคันหลังที่บีบไล่รถของปราชญ์ดังขึ้นขัดจังหวะ ทำให้ถูกหันเหความสนใจไปหมด

“บอกมาได้หรือยังว่าเธอมาเดินยั่วใคร แต่ถ้าไม่บอกก็ไปกับฉันเดียวนี้เลย!” ชายหนุ่มหันมาสบตากับเธอ ก่อนจะฉุดกระชากร่างบางให้เดินตามไปที่รถ จัดการเปิดประตูแล้วดันเธอเข้าไปนั่งข้างใน ส่วนตัวเขาก็รีบวิ่งอ้อมไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับได้ทันก่อนที่เธอจะทันได้เปิดประตูหนีลงจากรถ

“ให้ฝันลงจากรถเถอะนะคะ ฝันมีธุระต้องไปทำจริงๆ” ทอฝันอ้อนวอน แต่ชายหนุ่มไม่พูดอะไรนอกจากขับรถมุ่งหน้าไปตามทาง เธอจำได้ว่ามันเป็นทางที่ไปยังคอนโดมิเนียมส่วนตัวของเขา ดวงหน้างามซีดเผือดไร้สีเลือด เพราะกลัวว่าจะถูกย้ำยีซ้ำอีก

ปราชญ์ฉุดข้อมือหญิงสาวให้ลงมาจากรถทันทีที่รถจอดนิ่งสนิทลง ทอฝันดิ้นหนีไม่ยอมให้เขาฉุดกระชาก กระเสือกกระสนไปทางด้านคนขับเพื่อจะเปิดประตูฝั่งนั้นหนีไป ทว่าก็ยังช้ากว่าคนตัวสูงอีกตามเคย แค่ก้าวยาวๆ ไม่กี่ก้าวก็คว้าต้นแขนเธอเอาไว้ได้แล้ว เขาจ้องตาเธอเขม็งเหมือนต้องการข่มขู่โดยไม่ต้องเปลืองคำพูด ก่อนจะดึงกึ่งลากพาขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นบน บีบบังคับให้เข้าไปในห้องที่ครั้งหนึ่งเคยใช้เป็นที่พักพิงยามมีภัย

ปราชญ์ไม่พูดพร่ำทำเพลง ก้าวตรงเข้าไปหาทอฝันแล้วดึงเข้ามากกอดจูบให้สาสมกับที่เธอทำให้เขาโกรธ หญิงสาวกรีดร้องเสียงหลง ระดมกำปั้นน้อยทุบตีเขาอย่างเป็นเอาตาย คราวนี้ตั้งใจจะสู้จนตัวตายเลยทีเดียว หากเขาคิดจะเอาเปรียบเธอให้ชอกช้ำอีก

“ปล่อยนะ คุณปราชญ์ ปล่อยฝัน!”

“หึ! อยากให้ปล่อยก็พูดมาสิว่าเธอมาเดินตากฝนยั่วใคร!” เขายอมละริมฝีปากออกห่างจากซอกคอหอมกรุ่น แต่ยังกอดรัดร่างบางเอาไว้แน่นไม่ให้หลุดหนีไปไหนได้

“ฝันจะทำอะไรมันก็ดูเลวไปหมดทุกอย่าง แค่จะเดินไปซื้อยาคุมก็ยังถูกมองว่ายั่วผู้ชาย คุณปราชญ์น่าจะหัดมองคนอื่นในแง่ดีบ้างนะคะ ไม่ใช่เอาแต่คิดอะไรน่ารังเกียจแบบนี้!” ทอฝันตวาดใส่ทั้งน้ำตา

“ยาคุม?” ชายหนุ่มเลิกคิ้วงุนงง “เธอจะใช้ยาคุมกับใครทอฝัน!”

“ก็คุณน่ะสิคะ…ฝันต้องไปซื้อยาคุมฉุกเฉินเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองท้องก็เพราะคุณ!”

“ที่แท้ก็กลัวว่าฉันจะทำให้เธอเสียอนาคตนี่เอง จริงสินะ...รูปร่างหน้าตาอย่างเธอคงใช้เรือนร่างหากินได้อีกเยอะ แสดงละครว่าตัวเองเป็นสาวบริสุทธิ์ก็แสนจะแนบเนียน เห็นผอมบางแบบนี้นี่ซ่อนรูปน่าดูเสียด้วย ผู้ชายคนอื่นคงดูออกมากกว่าฉัน เพราะก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยคิดกับเธอฉันท์ชู้สาวเลย”

“ใช่ค่ะ ฝันไม่อยากหมดอนาคต ชีวิตฝันยังต้องเดินต่อไป ฝันจะไม่ยอมหยุดอยู่แค่นี้หรอก!”

“ทอฝัน!” ปราชญ์โกรธจนเลือดขึ้นหน้า ผลักเธอล้มไปนอนแผ่บนโซฟาตัวยาว

“เอาสิคะ อยากทำอะไรอีกก็เชิญ ฝันจะถือเสียว่าคุณปราชญ์หลงฝัน...หลงจนถึงขั้นกล้าซ้ำรอยพ่อตัวเอง!” ในเมื่อเขาชอบตราหน้าว่าเธอเป็นผู้หญิงไม่ดี เธอก็จะน้อมรับมันเอาไว้เสีย บางทีมันอาจจะทำให้ปราชญ์พอใจมากขึ้นก็ได้ที่เธอยอมรับความผิดที่ไม่ได้ก่อขึ้น

“เลว!” ชายหนุ่มกำหมัดแน่นและถอยออกห่างอย่างรังเกียจ “ออกไปให้พ้นจากที่นี่เสีย ไปให้พ้นจากชีวิตฉัน ความรู้สึกดีที่ฉันมีให้เธอ ฉันขอคืนมาทั้งหมด จากนี้ฉันกับเธอไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว!” ถ้อยคำที่พรั่งพรูออกมานั้นเต็มไปด้วยความเสียใจ ปราชญ์เสียใจจนร้องไห้ไม่ออกไปแล้ว

ทอฝันประคองตัวเองลุกขึ้นจากโซฟาพร้อมกับน้ำตาที่รินไหล ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารู้สึกตื้นตันใจที่ได้รู้ว่าปราชญ์ลดตัวลงมารู้สึกดีกับผู้หญิงอย่างเธอ แต่ก็น่าเสียดายที่ความเข้าใจผิดมันทำให้เขาต้องกลายเป็นคนร้ายกาจ รักก็รักจนหมดหัวใจ แต่ขณะเดียวกันก็เจ็บจนลืมไม่ได้จริงๆ ว่าเมื่อคืนเขาทำอะไรกับเธอเอาไว้บ้าง

“ฝันอยากบอกว่าฝันรักคุณปราชญ์นะคะ แต่นั่นมันก่อนที่คุณปราชญ์จะทำร้ายฝัน” หญิงสาวสารภาพโดยไม่ยอมสบตา “ฝันจะพยายามไม่โกรธเกลียดคุณ เพราะที่ผ่านมาคุณดีกับฝันมากเหลือเกิน ฝันจะไม่เอาความเข้าใจผิดเพียงครั้งเดียวมาหักล้างความดีที่คุณเคยทำเพื่อฝัน แต่ถ้าวันไหนที่คุณรู้ว่าฝันไม่ได้ทำอะไรผิดอย่างที่คุณกล่าวหา ไม่ต้องมาขอโทษนะคะ เพราะฝันขอยกโทษให้คุณในวันนี้เลย เราจะได้ไม่ต้องมาติดค้างอะไรกันอีก” ทอฝันจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยแววตาว่างเปล่าก่อนจะเดินออกจากห้องไป ไม่ยอมหันหลังกลับมามองอีกเลย

หนึ่งเดือนต่อมา...

ทอฝันใช้เวลาทุกวันทุกนาทีอยู่กับสุภาที่อาการย่ำแย่ลงทุกวัน เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนก่อนยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจ ไม่เคยลืมได้ลงแม้แต่วินาทีเดียว มีครั้งหนึ่งที่ทอฝันบังเอิญไปเจอกับนวลที่ตลาด นวลตรงเข้ามาทักทายด้วยความคิดถึง ถามไถ่ว่าทำไมถึงได้ตัดสินใจลาออกจากงานโดยไม่บอกกล่าวกันสักคำ หญิงสาวให้เหตุผลไปว่าแม่ป่วยหนักต้องการคนดูแล นวลจึงฝากผลไม้มาเยี่ยมไข้

นวลไม่วายพูดถึงปราชญ์ว่าหลังจากตัดสินใจไม่ไปเรียนต่อต่างประเทศ ชายหนุ่มก็ดื่มเหล้าเมามายแทบทุกวัน บางวันก็ไม่ยอมกลับมานอนที่บ้าน ตรงกันข้ามกับคุณผู้หญิงของบ้านราชรัชตะที่สุขภาพดีขึ้นทุกวัน เพราะพักหลังสามีดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี และประกาศต่อหน้าทุกคนในบ้านว่าจะไม่ให้มีเรื่องมือที่สามเกิดขึ้นภายในบ้านอีก

อรชรแวะเวียนระหว่างบ้านกับโรงพยาบาลจนตัวเองพานป่วยไข้ เหลือเพียงทอฝันเท่านั้นที่ฝืนร่างกายมาดูแลมารดาได้ทุกวัน รูปร่างที่ผอมอยู่แล้วดูซูบผอมลงไปอีกเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ ซ้ำยังไม่ค่อยมีเวลาได้รับประทานอาหารให้ตรงตามเวลาด้วย คุณหมอเจ้าของไข้บอกกับหญิงสาวว่าอีกไม่นานสุภาก็จะหมดทุกข์แล้ว แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าคืนนั้นเองที่คนป่วยเกิดอาการช็อคหมดสติ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเพราะร่างกายไม่มีการตอบสนองใดได้อีกแล้ว

คุณหมอจำเป็นต้องถามความเห็นของทอฝันว่าหากสุภาเกิดหยุดหายใจ จะให้ยื้อชีวิตเอาไว้ต่อหรือปล่อยให้หลับสบายไปเสีย มันเป็นการตอบคำถามที่ยากเย็นที่สุดในชีวิต แต่สุดท้ายหญิงสาวก็เลือกอย่างหลัง มันเป็นทางเดียวที่ทำให้แม่ของเธอทรมานน้อยที่สุด ไม่ต้องทนเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว

แม้จะเตรียมใจไว้แล้วแต่ทอฝันก็ห้ามน้ำตาตัวเองไว้ไม่ได้ หญิงสาวนั่งร้องไห้อยู่ข้างเตียง กุมมือแม่ไม่ยอมปล่อย อรชรที่เพิ่งฟื้นไข้รีบขับรถมาอยู่เป็นเพื่อนทอฝัน รวมทั้งโทรศัพท์บอกเพื่อนของสุภาตามที่สุภาเคยขอร้องไว้ ปัญญาได้ยินแบบนั้นก็อดใจหายไม่ได้ นับตั้งแต่สุภาปฏิเสธไม่ยอมรับเงินจากเขา เขาก็ไม่ได้ติดต่อหาเธออีกเลย นั่นก็เพราะไม่อยากให้บุษราเข้าใจผิดอีก แต่ดูเหมือนว่าวันนี้ปัญญาคงจะนิ่งเฉยไม่ได้แล้ว สุภากำลังจะจากไป ในฐานะเพื่อนเขาก็ควรไปดูใจเธอเป็นครั้งสุดท้ายเสียหน่อย

ช่วงนี้บุษราดูจะพอใจมากที่เห็นปัญญากลับมาพะเน้าพะนอเอาใจ ต่างจากปราชญ์ที่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังไม่ยอมให้อภัยผู้เป็นพ่อ คืนนี้ปัญญาอดทนรอจนกระทั่งภรรยานอนหลับสนิท ถึงได้ลักลอบออกจากบ้านกลางดึก โชคดีที่ลูกชายยังไม่กลับมา เขาจึงไม่ต้องมาคอยตอบคำถาม เมื่อไปถึงโรงพยาบาลก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี หลังจากแจ้งว่ามาขอเยี่ยมผู้ป่วยวิกฤตที่ชื่อว่านางสุภา

ปัญญาเพิ่งมีโอกาสได้พบกับทอฝันเป็นครั้งแรก เพียงแค่พบหน้าหัวใจก็เกิดความเวทนามากล้น ดวงตากลมโตของเธอแดงก่ำและดูขวัญเสีย ไม่ยอมปล่อยมือแม่เลยแม้แต่วินาทีเดียว ปัญญาเป็นเพียงคนนอกที่หญิงสาวรู้จักในนามเพื่อนคนหนึ่งของแม่ เขาจึงทำได้แค่เพียงแสดงความเสียใจและให้กำลังใจเท่านั้น ก่อนจะขอตัวกลับไปเพราะเห็นว่าเวลาล่วงเข้าตีสองแล้ว หากบุษราตื่นขึ้นมาพบว่าเขาหายไปคงจะอาละวาดบ้านแทบแตกอีกแน่ รายนั้นยิ่งไม่ค่อยรับฟังเหตุผลของคนอื่นเสียด้วย

คืนนี้ปราชญ์ไม่ได้ดื่มเหล้าจนเมาหนักเหมือนทุกวัน เขาดื่มเพื่อย้อมใจให้กล้าพอที่จะเผชิญหน้ากับทอฝันเท่านั้น หลังจากได้ยินจากนวลว่าแม่ของหญิงสาวใกล้จะสิ้นลมเพราะอาการป่วย ชายหนุ่มก็นึกอยากมาเยี่ยมเยียนในฐานะเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง แต่ความจริงแล้วเขาอยากพบหน้าทอฝันต่างหาก ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเขาไม่ได้เจอเธอเลย มันคิดถึงเสียจนใจแทบจะขาดเสียให้ได้

ร่างสูงโปร่งชะงักกึกอยู่ตรงมุมหนึ่ง เมื่อพบบิดาของตัวเองเดินออกมาจากห้องผู้ป่วยวิกฤต มีอรชรเดินตามออกมาส่งจนถึงลิฟต์ จังหวะนั้นเองที่ทอฝันเปิดประตูวิ่งตามออกมา หญิงสาวตะโกนร้องเรียกหาพยาบาลด้วยสีหน้าตื่นตระหนกสุดขีด พยาบาลรีบตามคุณหมอเข้าไปดูอาการสุภา ขณะที่ทอฝันถูกกันตัวเอาไว้ข้างนอก และคนที่กอดรั้งเธอเอาไว้ก็คือบิดาของเขานั่นเอง เห็นแบบนั้นแล้วปราชญ์ก็แทบทรุด ทอฝันเคยบอกว่าไม่รู้จักพ่อของเขา แต่วันนี้เขากลับเห็นบุคคลอันเป็นที่รักทั้งสองคนอยู่ด้วยกันอย่างใกล้ชิด แม้จะเป็นเพราะสถานการณ์ฉุกเฉินก็ตาม

“หมอขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ ตอนนี้คุณสุภาได้สิ้นลมแล้วครับ” คุณหมอเดินออกมาพร้อมกับพยาบาลทั้งสองคน เพื่อแจ้งแก่ทอฝันว่ามารดาของเธอจากไปอย่างสงบแล้ว

“แม่! ฮือๆๆ แม่จ๋า...” หญิงสาวทรุดตัวนั่งลงร้องไห้อยู่ที่พื้น ยกมือขึ้นกุมหน้าอกตัวเองเหมือนกำลังจะขาดใจเสียให้ได้ มีปัญญาและอรชรคอยลูบไหล่ลูบหลังอย่างปลอบประโลม ภาพนั้นทำให้ปราชญ์น้ำตาไหลด้วยความรู้สึกเวทนาสงสาร ชีวิตของทอฝันแย่มากพอแล้ว แต่เขายังซ้ำเติมเธอด้วยการข่มเหงเธออย่างไร้ความเมตตาอีก

“ฝันจะไปหาแม่!” ทอฝันสะบัดตัวหลุดจากอ้อมแขนของปัญญา ประคองตัวเองลุกขึ้น รีบวิ่งผ่านไหล่คุณหมอและพยาบาลเข้าไปภายในห้องเพื่อกอดอำลามารดาเป็นครั้งสุดท้าย “แม่จ๋า! แม่หลับให้สบายนะ พักผ่อนให้สมกับที่แม่เหนื่อยมานานทั้งชีวิต ต่อไปนี้ฝันจะอยู่ให้ได้ด้วยตัวเองจ้ะ ฮึก...ฝันรักแม่นะ ฝันรักแม่ที่สุดในโลกเลย”

ปัญญากับอรชรเดินตามเข้ามาด้วยสีหน้าเศร้าสลด ทั้งสองคนหันมาสบตากัน แทบจะสะกดกลั้นหยาดน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อมองเห็นหญิงสาวกอดหอมมารดาที่ไร้ลมหายใจด้วยความรัก ก่อนจะเดินมาก้มกราบแทบเท้า ซบใบหน้าร้องไห้อยู่ตรงนั้นนานนับชั่วโมง

ปราชญ์แอบมองผ่านประตูที่เปิดแง้มอยู่ หลับตาลงขอให้สุภาจากไปอย่างสงบ ไม่ต้องกังวลใจเรื่องทอฝัน เพราะนับจากวันนี้เขาจะไม่ทำร้ายเธอให้เจ็บช้ำอีก เธอต้องการจะเป็นเมียน้อยของพ่อเขาต่อไปก็สุดแล้วแต่ใจจะต้องการ เขาจะทำเป็นมองข้ามเพราะเห็นแก่ความน่าสงสารของเธอ เขาจะยอมเจ็บปวดแบบนี้ต่อไป ดีกว่าต้องทนเห็นเธอตกระกำลำบาก ขอเพียงอย่างเดียวคืออย่าให้เรื่องนี้รู้ถึงหูมารดาของเขาก็พอ

ทอฝันร้องไห้จนหมดสติฟุบลงนอนแผ่บนพื้นห้อง ปัญญาปราดเข้าไปอุ้มร่างบางขึ้นเพื่อพาไปนอนพักผ่อนบนโซฟาตัวยาว พักหนึ่งบุรุษพยาบาลก็เข้ามาพาร่างของสุภาออกไปจัดการตามหน้าที่ คุณหมอแนะนำว่าให้พาทอฝันไปตรวจสภาพร่างกาย เมื่อสรุปได้ว่าหญิงสาวอ่อนแอมากเพราะขาดสารอาหาร รวมทั้งพักผ่อนน้อยกว่าความต้องการของร่ายกาย คุณหมอจึงวินิจฉัยให้นอนพักที่โรงพยาบาลเพื่อเดินน้ำเกลือจนกว่าจะดีขึ้น

..................................................................................................................................................................

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel