ตอนที่ ๔ : เคราะห์ซ้ำกรรมซัด(1)
ปราชญ์กลับไปถึงบ้านราชรัชตะก็พบนวลกับป้าพิศยืนคอยอยู่อย่างกังวลใจ ชายหนุ่มไม่ต้องเสียเวลาถามหาต้นเหตุในการทะเลาะกันของบุพการี เพราะเสียงโครมครามจากชั้นบนดึงฝีเท้าของเขาให้รีบเดินกึ่งวิ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็ว หัวใจของปราชญ์เต้นรัวเร็วด้วยความรู้สึกไม่สู้ดี ได้แต่ภาวนาขอให้ไม่มีใครระเบิดอารมณ์หนักจนถึงขั้นทำร้ายร่างกายกันเลย มือหนาหมุนลูกบิดประตูห้องนอนเพื่อจะแทรกตัวเข้าไปข้างใน แต่ประโยคที่ได้ยินจากปากมารดาทำให้เขาถอยหลังกลับออกไปตามเดิม รีบหันไปส่งสัญญาณมือบอกให้นวลกับป้าพิศลงไปเสีย จากนั้นก็แง้มประตูยืนฟังอย่างตั้งใจ
“คุณจะยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนไหนฉันไม่เคยว่า! แต่ครั้งนี้คุณหายไปกกมันนานเกินไปแล้วนะ คุณปัญ” บุษราตะโกนใส่หน้าสามีด้วยน้ำเสียงกร้าวกระด้าง ก่อนจะคว้าแจกันที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงมาทุ่มลงบนพื้นจนแตกกระจายเป็นชิ้นที่สอง
“ผมรู้ว่าผมผิด แต่คุณต้องฟังผมบ้าง ผู้หญิงคนนั้นน่าสงสารมากนะ ระหว่างเราไม่ได้มีเรื่องชู้สาวอะไรเลย” หนุ่มใหญ่วัยห้าสิบปีที่ดูแข็งแรงและภูมิฐานเอ่ยขึ้นเมื่อมีโอกาส “เรื่องทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะเด็กผู้หญิงที่ชื่อทอฝัน เธอเป็น...” เพียงแค่ชื่อนี้หลุดออกมาจากปาก บุษราก็ขว้างปาหมอนหนุนใส่หน้าอีกฝ่ายทันที
“อ๋อ! ที่แท้ก็เป็นนักเด็กทอฝันนี่เอง ฉันคิดแล้วเชียวว่ามันดูไม่น่าไว้ใจ นี่คุณคงตะล่อมให้ตาปราชญ์รับมันเข้าทำงานสินะ งามหน้านักนะ คุณปัญ...คุณกล้ามากที่ให้นังเมียน้อยหน้าซื่อของคุณเข้ามาเสนอหน้าที่นี่ ช่วงกลางวันให้มันมาแสดงตัวเป็นคนใช้ดูไม่มีพิษสง พอถึงเวลาเลิกงานมันก็ไปบำรุงบำเรอกามให้คุณใช่ไหมละ!”
“นี่ทอฝันเข้ามาทำงานที่บ้านเราหรือ”
“อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องหน่อยเลย! คุณเองนั่นแหละที่ปูทางให้มันมามั่วถึงในบ้าน”
“คุณกำลังเข้าใจอะไรผิดไปกันใหญ่แล้วนะ คุณบุษ ความจริงเด็กทอฝันนั่น...”
“กรี๊ด! พอที...พอได้แล้ว...ฮือๆๆ” บุษรากรีดร้องเหมือนคนเสียสติ ยกมือขึ้นปิดหูอย่างสุดจะรับฟัง ก่อนจะล้มพับลงบนพื้นห้องด้วยความอ่อนล้า ปราชญ์ที่ยืนน้ำตาคลออยู่หน้าห้องรีบผลักประตูเข้ามาข้างใน ออกแรงกระชากแขนบิดาให้ถอยไปให้ห่างมารดาที่น่าสงสารของเขา แล้วเข้าไปช่วยพยุงเอาไว้เอง
“อย่าเอามือสกปรกของคุณพ่อมาแตะต้องตัวคุณแม่” ชายหนุ่มหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ ไม่ใช่แค่โกรธบิดา แต่โกรธเกลียดตัวเองด้วยที่มองเห็นสาวร่านสวาทเป็นผู้หญิงใสซื่อบริสุทธิ์ ทอฝันทำให้เขาหลงรักจนหัวปักหัวปำ ทำตัวราวกับว่าไม่เคยผ่านมือชายใดมาก่อน ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าเป็นเมียน้อยของพ่อเขาอยู่
นี่สินะที่เรียกว่าหวังจะจับทั้งพ่อทั้งลูก!...
ปัญญา ราชรัชตะ มองบุตรชายด้วยความเสียใจ ความจริงที่ต้องการอธิบายคงไม่มีใครต้องการฟัง เพราะต่างคนต่างถูกโทสะครอบงำเสียจนไม่ลืมหูลืมตา สิ่งที่เขาต้องการจะบอกคือทอฝันไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดกับเขาเลย แต่คนที่หายไปอยู่ด้วยเสียหลายวันนั้นคือสุภา นักร้องคาเฟ่ที่เปรียบเสมือนเพื่อนสนิทคนหนึ่งเท่านั้น
หลังจากรู้ว่าบุษราป่วยบ่อยเพราะจิตใจย่ำแย่ ปัญญาก็เลิกยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงอื่นที่ช่วยให้ความสุขชั่วครั้งคราว เพราะเลือกแล้วว่าจะทำให้ภรรยาสุดที่รักมีความสุข แต่วันหนึ่งเมื่อรู้ว่าสุภาป่วย ในฐานะเพื่อนที่เคยดีต่อกัน เคยปรับทุกข์และให้คำแนะนำกันมาตลอด ปัญญาก็ทนอยู่นิ่งไม่ได้ ต้องคอยพาเธอไปพบแพทย์เพื่อรักษาตัว ยิ่งเมื่ออาการป่วยของสุภาทรุดหนักลงจนไม่มีทางรักษาได้ เขาจึงอาสาพาไปพักฟื้นที่บ้านพักต่างจังหวัดเสียหลายสัปดาห์ ได้รับรู้ความทุกข์มากมายที่สุภากังวลเกี่ยวกับลูกสาวเพียงคนเดียวที่ชื่อทอฝัน
ด้วยเห็นว่าสุภาต้องการจะให้ทอฝันได้เรียนต่อและมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม ปัญญาถึงได้ตัดสินใจว่าจะให้เงินจำนวนหนึ่งกับสุภาเอาไว้ เมื่อถึงเวลาจากไปจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงทอฝันอีก แต่ตอนนี้ผลตอบแทนความดีนั้นคือการถูกลูกเมียเข้าใจผิด มันไม่มีทางเลยหรือที่คนเคยเจ้าชู้อย่างเขาจะกลายเป็นผู้ชายที่ดีในสายตาของคนในบ้าน หรือแม้กระทั่งสาวใช้บ้าง
“พ่อพูดอะไรไป ปราชญ์กับแม่ก็คงไม่เชื่อ แต่พ่อยืนยันว่าพ่อไม่ได้ทำอะไรผิด”
“ใช่ครับ ผมกับคุณแม่ไม่เชื่อใจคุณพ่ออีกแล้ว ที่ผ่านมาผมก็เหมือนคนตาบอดมาตลอด คุณแม่กับคนในบ้านไม่เคยบอกเลยว่าคุณพ่อมีพฤติกรรมน่ารังเกียจในแบบที่ผมกลัวแสนกลัว ทำไมครับ...การเป็นผู้ชายที่รักเดียวใจเดียวมันแย่ตรงไหน มันน่าอายนักหรือที่เป็นคนรักครอบครัว มันไม่ทันสมัยใช่ไหมถึงได้อยากมีเมียน้อยเหมือนพวกผู้ชายเห็นแก่ตัวเขาทำกัน!” ปราชญ์เสียงเครือด้วยความสะเทือนใจ น้ำตาลูกผู้ชายไหลอาบใบหน้า เพราะไม่คิดเลยว่าจะต้องมาเสียรู้ให้ผู้หญิงอย่างทอฝัน ซ้ำร้ายยังต้องมารับรู้ความจริงในสิ่งที่เขาพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอดอีก
“พ่อ...”
“เมื่อก่อนมีคนมาบอกผมว่าคุณพ่อแอบควงผู้หญิงรุ่นลูกบ่อยครั้ง แต่ผมไม่เคยยอมเชื่อเอง เรื่องนี้ถ้าจะผิดก็ผิดที่ผมครับ ถ้าผมเชื่อคนอื่นแล้วรู้เสียตั้งแต่ตอนนั้น คุณแม่ก็คงไม่ต้องทนชอกช้ำใจมานานขนาดนี้ ผมมันแย่จริงๆ ที่ไม่เคยรู้เลยว่าคุณแม่กลับมาป่วยออดๆ แอดๆ อีกครั้งเพราะอะไร”
“พ่อยอมรับว่าพ่อผิดนะปราชญ์ แต่พ่อสาบานเลยว่าหลังจากที่แม่ของลูกล้มป่วยหนัก พ่อก็กลับตัวกลับใจเลิกยุ่งกับเรื่องผิดศีลธรรมพวกนี้ทันที ถึงพ่อจะมักมากแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยเห็นใครสำคัญไปกว่าคุณแม่ของลูกเลยนะลูก พ่อไม่ได้มีใครแอบซ่อนไว้อีกแล้ว สำหรับเรื่องหนูฝัน พ่อก็แค่...”
“ไม่ต้องพูดแล้ว! ถ้าคุณไม่เลิกยุ่งกับมัน ฉันไม่ยอมเด็ดขาด!” บุษราตะคอกแทรกขึ้นมาก่อนที่สามีจะพูดจบ
“ผมเกลียดเรื่องพวกนี้มากที่สุดในชีวิต ตัวผมเองก็เป็นผู้ชาย ถึงจะคบหากับผู้หญิงหลายคน แต่ผมก็ไม่เคยคบใครซ้อนกัน และถ้าวันหนึ่งผมมีครอบครัว ผมก็จะไม่ทำอย่างที่คุณพ่อทำเด็ดขาด เพราะมันเป็นการหมิ่นเกียรติของลูกผู้หญิง ถ้าคุณแม่จะหย่า ผมจะไม่ขัดข้องเลยครับ” ชายหนุ่มพูดออกมาทั้งที่หัวใจแทบสลาย
“ปราชญ์!” ปัญญาเรียกชื่อลูกชายด้วยความคาดไม่ถึง
“ไม่นะปราชญ์! แม่ไม่หย่า...ถ้าแม่หย่า นังเด็กนั่นก็สบายเลยน่ะสิ” บุษรารักปัญญามากเกินกว่าจะยอมปล่อยให้เขาไปเป็นของคนอื่นได้ ต่อให้ต้องทนทุกข์เพราะเรื่องพวกนี้ แต่ก็ยังดีกว่าต้องทนอยู่ต่อไปโดยไม่ได้เห็นหน้ากัน สิ่งที่ต้องการก็มีเพียงแค่ให้ปัญญาเลิกรากับผู้หญิงคนอื่น แล้วหันกลับมาพะเน้าพะนอเธอเหมือนเก่า
“คุณพ่อจะยกย่องใครก็ช่างเถอะครับ ทำในสิ่งที่จะช่วยให้คุณแม่พ้นทุกข์ดีกว่า”
“ไม่นะปราชญ์! แม่ไม่ยอมนะลูก แม่ไม่หย่า...ไม่หย่าเด็ดขาด!” บุษราส่ายหน้าร้องไห้ด้วยกลัวว่าจะต้องสูญเสียสามี ความเหนื่อยล้าบวกกับร่างกายที่ไม่ค่อยแข็งแรงทำให้ร่างผอมบางหมดสติลงในอ้อมแขนของลูกชาย ปัญญาปราดจะเข้าไปช่วย แต่ชายหนุ่มตวัดสายตาขุ่นเคืองมองมาจนต้องถอยห่างออกไปตามเดิม
“อย่าคิดนะครับว่าคุณแม่ไม่ยอมหย่า...แล้วผมจะปล่อยให้พ่อมีความสุขกับผู้หญิงคนนั้น!” นับว่าเป็นครั้งแรกที่ปราชญ์พูดจาห้วนแล้วแสดงออกจากดวงตาว่าเอาจริง
“นี่ลูกอยากให้พ่อกับแม่ขาดกันนักหรือ” ปัญญาถามด้วยความเสียใจ
“ย้อนถามตัวเองดีกว่าไหมครับ คนที่ทำให้ความสัมพันธ์ต้องขาดสะบั้นลงไม่ใช่ผม แต่เป็นคุณพ่อต่างหาก!” ชายหนุ่มว่าพร้อมกับช้อนร่างของมารดาขึ้นสู่อ้อมแขน “นี่ถือว่าเป็นโชคดีของคุณพ่อนะครับ ที่คุณแม่ไม่ยอมหย่า ในเมื่อคุณแม่ตัดสินใจว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของราชรัชตะต่อไป ผมเองก็จะยอมด้วยเหมือนกัน แต่การที่ผมยอมครั้งนี้จะต้องแลกมาด้วยการทำลายความสุขของคุณพ่อ!”
“นี่ลูกคิดจะทำอะไร” คนเป็นพ่อรู้สึกใจคอไม่ดีเอาเสียเลย ด้วยรู้นิสัยของลูกชายเพียงคนเดียวเป็นอย่างดี
ปราชญ์เป็นคนจริงจัง บุคลิกภายนอกอาจจะดูง่ายๆ มีความเป็นมิตรและดีกับทุกคน ไม่ค่อยมากเรื่องหรือมีปัญหากับใคร แต่ถ้าลองคิดจะมีปัญหาขึ้นมาจริงๆ ใครหน้าไหนก็ฉุดเอาไว้ไม่ได้ทั้งนั้น เวลาสนุกสนานร่าเริงเขาเปรียบดั่งเทพบุตร แต่ถ้าหากได้โดนทำร้ายจิตใจ ด้านมืดที่เกิดจากโทสะก็จะทำให้เขาแข็งกระด้าง ใครดีมาเขาจะดีตอบ ใครร้ายมาเขาจะพยายามไม่สนใจ แต่ถ้ามันถึงที่สุดจริงๆ เขาก็จะสู้เต็มกำลัง โดยเฉพาะเรื่องที่ถือเป็นการบ่อนทำลายครอบครัวของเขา หรือแม้กระทั่งการหมิ่นศักดิ์ศรี
“คอยดูแล้วกันว่าผมจะทำอะไร! รับรองว่าคุณพ่อจะต้องคาดไม่ถึงแน่” ปราชญ์ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมีวันที่ตัวเองได้พูดจากร้าวกระด้างใส่บิดาแบบนี้ แต่ไหนแต่ไรมาเขาเป็นคนพูดจานุ่มนวลมีหางเสียง ต่างจากที่กำลังเป็นอยู่ราวกับคนละคน ชายหนุ่มจ้องมองใบหน้าที่มีส่วนคล้ายคลึงกันด้วยความโกรธเคือง ก่อนจะนำตัวบุษราส่งโรงพยาบาล
ในเมื่อทอฝันคือคนที่ทำลายครอบครัวของเขาให้ย่อยยับ เขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องเมตตาปราณีเธออีก ไฟรักที่แปรเปลี่ยนเป็นไฟแค้นโหมกระหน่ำอยู่ในหัวใจของปราชญ์จนยากที่ดับ ทันทีที่ส่งตัวมารดาถึงมือหมอแล้ว เขาจะมุ่งหน้าไปชำระความกับผู้หญิงร่านสวาทคนนั้นทันที!
